เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 1)

โดย เณรโดแฮ วัดดงดินแดง


ผมเป็นสามเณรจากวัดดงดินแดง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นชาวดอยมาตั้งแต่กำเนิด พระอาจารย์บอกให้ผมเขียนบันทึกเล่าการเดินทางและชีวิตการทำหน้าที่เผยแผ่บนดอย ซึ่งตอนนี้เรากำลังเร่งรุดทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาไปสู่ดอยต่างๆ ผ่านการสวดมนต์บทธัมมจักกัปปวัตนสูตร ซึ่งเป็นบทสวดมนต์ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกว่า ใครได้สวดมนต์บทนี้จะได้บุญมาก สิ่งดีๆ จะบังเกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ ซึ่งพวกเราก็อยากจะให้ชาวดอยที่อยู่ห่างไกลได้บุญมากๆ เช่นกัน เพราะชาวดอยรักบุญกันมาก บุญเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต แต่ไม่ค่อยมีพระเข้าไปเป็นเนื้อนาบุญหรือพาสวดมนต์เจริญภาวนามากนัก ดังนั้นจึงถือเป็นโอกาสที่พวกผมจะได้ไปทำหน้าที่อันสำคัญนี้

สำหรับผมแล้วนับเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเขียนหรือสื่อสารอะไร แต่พระอาจารย์ท่านคงต้องการจะฝึกผมดังนั้นบทความทุกตัวอักษรตั้งแต่บรรทัดนี้ถือว่าเป็นการฝึกเขียน ฝึกเล่าเรื่อง ประสาเณรป่าเณรดอย หากผิดพลาดอะไรก็ต้องขอสุมาอภัยไว้ตั้งแต่บรรทัดต้นๆ นี้เลยนะครับ

ล่าสุดผมได้เดินทางไปที่หมู่บ้านมอคลี ตำบลสบโขง อำเภออมก๋อย ซึ่งเป็นหมู่บ้านในหุบเขาที่อยู่ห่างไกลมากๆ ขณะที่คณะของผมกำลังจะเดินทางไป มีพี่ๆ ทหารที่มาสังเกตการณ์ในหมู่บ้านพะเบี้ยวซึ่งเป็นทางผ่านถึงกับรีบมาบอกว่า จะไปไหนกัน พอทราบคำตอบ พี่ทหารก็บอกด้วยความหวังดีว่า ไปไม่ได้นะ ตอนนี้ทางโหดมาก พระอาจารย์ท่านก็ได้แต่ยิ้มๆ ขอบคุณแล้วก็เดินทางรุกหน้ากันต่อ สำหรับพวกผมแล้วไม่มีอะไรที่จะขวางพวกเราได้ ต่อให้ฟ้าถล่ม แผ่นดินจะทลาย ถ้าตั้งใจจะไปเอาบุญให้ญาติโยมทุกคนพร้อมลุย พระอาจารย์ท่านบอกว่า พวกเราก็เหมือนทหาร แต่เป็นทหารแห่งกองทัพธรรม ทำหน้าที่รักษาพระพุทธศาสนาด้วยการประกาศพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมีเป้าหมายในการกำจัดข้าศึก คือ กิเลสทั้งในใจของเราและในใจของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เหมือนดังโอวาทที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ท่านได้สอนว่า จงเป็นยอดนักรบกองทัพธรรมที่เป็นที่พึ่ง เป็นต้นบุญต้นแบบให้แก่ชาวโลก

การเดินทางรอบนี้เราได้ใช้บริการคาราวานแว๊นบุญ คือ กลุ่มแก๊งมอเตอร์ไซค์ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่รักการสั่งสมบุญ เราได้ร่วมงานกันตั้งแต่ภาคฤดูร้อนต้นปีที่ผ่านมาในภารกิจชวนคนบวชภาคฤดูร้อน ซึ่งครั้งนั้นเราชวนคนจากหมู่บ้านต่างๆ มาบวชได้กว่า 1,000 คน ครั้งนี้หนทางยากและไกลเกินกว่าที่จะเอาเวลาเดินทางไปถึงเราจึงได้มีโอกาสมาร่วมกันหมุนกงล้อธัมมจักรอีกครั้ง และที่สำคัญหนทางสายนี้ทากเยอะมากๆ เพราะยังอุดมไปด้วยป่าดิบชื้น เพื่อนของผมคนหนึ่งเคยโดนทากกระโดดเข้าตาและดูดเลือดอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว พอรู้อีกทีก็ตาแดงก่ำ ทากที่น่ากลัวที่สุดคือทากตัวเล็กๆ ที่อยู่บนต้นไม้เวลากระโดดมาดูดเลือดทีเราแทบไม่รู้สึกตัว หากเข้าไปในหูหรือทางทวารต่างๆ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่อันตราย ผมบอกตามตรงว่า การเดินทางมาอย่างนี้ผมไม่ค่อยสบายใจเลยกับเหล่าทาก แม้พระอาจารย์ท่านจะมีสำนวนอย่างสวยงามของท่านว่า การที่เราได้ทำหน้าที่อย่างนี้ถือเป็นกำไรชีวิต เราได้มีโอกาสได้สูดอากาศใหม่ๆ และทักทายกับเหล่าฝูงทากที่หาดูชมได้ยากในเขตเมือง หลังพระอาจารย์พูดจบผมไม่อาจที่จะนึกอะไรที่มันโสภาได้เลยนอกจากนึกถึงเหตุการณ์ที่อยู่ๆ เลือดก็ไหลโชกแดงฉานมาจากสบงของเพื่อนอย่างน่าตกใจ พร้อมกับเสียงโวยวายว่าช่วยด้วยๆ ทากกัดๆทำให้ทุกคนต้องรีบหาที่ลับตาเพื่อตรวจเช็คหาทากน้อยกันจ้าละหวั่น





นอกจากเส้นทางจะชันแล้ว บางจุดก็ลื่นมากๆ ดังนั้นมอเตอร์ไซค์จำเป็นต้องใส่โซ่ด้วยจึงจะไปได้ ดังนั้นเราก็ต้องผลัดกันทำหน้าที่เป็นระยะ คือ บางครั้งเราขี่มอเตอร์ไซค์และบางครั้งมอเตอร์ไซค์ก็แทบจะขี่เรา เพราะต้องช่วยกันยก ช่วยกันลากมันไปจนกว่าจะผ่านจุดที่สูงชัน เส้นทางสายนี้น้อยคนมากที่จะมา หมู่บ้านมอคลีจึงเป็นเสมือนหนึ่งหมู่บ้านที่ถูกทอดทิ้งไม่ค่อยมีหน่วยงานใดให้ความสนใจในการเข้ามาพัฒนามากนัก เพราะมีข้อจำกัดที่ประชากรมีไม่มาก ทำให้ไม่ค่อยมีผลต่อการบวกลบของคะแนนเสียง ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่พระอาจารย์ท่านได้สอนพวกผมว่า ที่ใดที่คนไม่ค่อยอยากจะไป เราต้องไปให้ถึง แม้บางหมู่บ้านคนน้อยหรือแม้จะมีเพียงแค่คนเดียวก็สำคัญ เพราะการทำให้คนๆ หนึ่ง มีความเป็นสัมมาทิฏฐิ ดำเนินชีวิตได้ถูกต้องก็มีคุณค่ามาก ท่านบอกว่า คนน้อยก็เหมือนหอก คนมากก็เหมือนโล่ ที่ต่างก็มีผลต่อการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา ถ้าหากหนทางไกลแล้วเราไม่ไป ความไกลก็จะยิ่งห่างไกล จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรไกลเลย เพราะถ้าเรายิ่งเดินไปหาเขามันก็ยิ่งใกล้ ซึ่งมันเป็นวิธีการเดียวเท่านั้นที่เราจะขจัดความไกลไปได้ คิดไปคิดมา..พูดอีกก็ถูกอีก เพราะยิ่งเราได้เดินไปหาเขา มันก็ใกล้ขึ้นจริงๆ ใกล้ตัวและใกล้ใจ แล้วเราก็สามารถเอาพระพุทธศาสนาไปประดิษฐานในใจเขาได้

ซึ่งหมู่บ้านมอคลีนี้ เมื่อได้เดินทางไปถึงแล้ว ทำให้ผมรักพระพุทธศาสนาและภาคภูมิใจในเพศสมณะนี้มากๆ ทำให้นึกถึงถ้อยคำที่หลวงพ่อท่านเมตตาแต่งเป็นบทประพันธ์เอาไว้ประโยคหนึ่งว่า ทุกเผ่าพันธุ์ในป่าเขาต่างเฝ้ารอคอย พุทธบุตรเณรน้อยไปสั่งสอนด้วยความกระหาย อยากศึกษาความรู้ขององค์พระจอมไตร ปิดประตูอบาย เปิดประตูไปสู่สวรรค์ซึ่งเมื่อได้ไปทำหน้าที่แล้วความจริงก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ราวกับหลวงพ่อท่านดึงหัวใจของชาวพุทธบนยอดดอยมาเขียน ท่านมีความเมตตาและเข้าใจหัวใจชาวพุทธบนดอยมากๆ ซึ่งผมจะขอเล่ารายละเอียดในตอนต่อไปครับ


Cr. พระปลัดบริบูรณ์ ธมฺมวิชฺโช สำนักสื่อธรรมะ

ตอนที่ 2 อานุภาพการสวด

เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 1) เผยแผ่การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรสู่ชาวดอย (ตอนที่ 1) Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 00:08 Rating: 5

3 ความคิดเห็น:

  1. กราบอนุโมทนาบุญกับผู้มีบุญ
    ทุกท่านด้วยครับ สาธุครับ

    ตอบลบ
  2. กราบอนุโมทนาบุญกับผู้มีบุญ
    ทุกท่านด้วยครับ สาธุครับ

    ตอบลบ
  3. กราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์และสามเณรทุกรูปด้วยความปลื้มสุดๆ เป็นบุญของชาวดอยจริงๆ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเมตตาไม่ทอดทิ้ง พระอาจารย์และสามเณรมีความเพียรอดทนรักบุญและเมตตาด้วย

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.