แม่บทแห่งธรรม ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
DOU ความรู้สากล
เรื่อง : พระมหาวุฒิชัย วุฑฺฒิชโย ป.ธ. ๙
แม่บทแห่งธรรม ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร หรือที่เขียนตามพจนานุกรมว่า
ธัมมจักกัปปวัตนสูตร มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นพระสูตรที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศพระสัมมาสัมโพธิญาณ
และเป็นพระสูตรที่เป็นแหล่งรวมของหลักธรรมสำคัญ ๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์
พระสูตรนี้จึงได้สมญาว่า “ปฐมเทศนา” คือเป็นพระธรรมเทศนากัณฑ์แรกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่พระองค์ตั้งพระทัยที่จะประกาศพระศาสนา เพื่อประทานพุทธธรรมแก่ชาวโลก
ให้มีธรรมะเป็นหลักในการดำเนินชีวิต อันเป็นแนวทางให้เกิดสันติสุข
และเป็นการประกาศความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นพระศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ทั้งยังทรงเป็นผู้เปิดทางสายเอกสายเดียวที่จะนำพามหาชนไปสู่พระนิพพาน
นอกจากปฐมเทศนาแล้ว
ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา ไม่เคยปรากฏว่าพระพุทธองค์ทรงเทศนาพระสูตรนี้ ณ ที่ใดอีกเลย
การตรัสเทศนาในโอกาสต่อ ๆ มา ล้วนแต่ทรงแสดงธรรมกถาขยายความแห่งปฐมเทศนาในแต่ละหมวดโดยเอกเทศ
และยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นที่ทราบกันทั่วไปในหมู่นักปราชญ์ทั้งหลายว่า
การตรัสเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตรเป็นปฐมเทศนานั้น ถือเป็นประเพณีแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก
ๆ พระองค์
ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
เป็นพระสูตรที่ว่าด้วยการยังธรรมจักรให้เป็นไปหรือดำเนินไปด้วยการหมุนวงล้อแห่งธรรม
เพื่อขับเคลื่อนพระพุทธศาสนา ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
แขวงเมืองพาราณสี ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ภายหลังจากการตรัสรู้แล้ว ๒
เดือน ตรงกับวันอาสาฬหบูชาในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมที่ทรงตรัสรู้มาเป็นครั้งแรก
อันเป็นวันเริ่มต้นประกาศพระพุทธศาสนาแก่ชาวโลก และด้วยการที่พระพุทธเจ้าทรงสามารถแสดง
เปิดเผย ทำให้แจ้ง แก่ชาวโลกด้วยพระธรรมที่ทรงตรัสรู้แล้วนั้น จึงถือได้ว่าพระองค์ทรงกลายเป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยสมบูรณ์
คือ ทรงสำเร็จภารกิจแห่งการเป็นพระพุทธเจ้าผู้เป็น “สัมมาสัมพุทธะ” คือ ทรงเป็นพระพุทธเจ้าผู้ทรงสามารถแสดงสิ่งที่ทรงตรัสรู้ให้ผู้อื่นรู้ตามได้
การที่พระสัทธรรมเทศนาสูตรได้รับการขนานนามดังกล่าว
ก็เนื่องด้วยปฐมเทศนานี้เปรียบประดุจธรรมราชรถ
ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรารถนาจะใช้บรรทุกสรรพเวไนยสัตว์ทั้งหลายออกจาก ห้วงวัฏสงสารไปสู่แดนเกษม
คือ พระอมตนิพพาน โดยมีพระพุทธองค์ทรงเป็นสารถีเอง ซึ่งส่วนประกอบที่สำคัญประการหนึ่งอันจะทำให้รถแล่นไปสู่ที่หมายก็คือ
ล้อรถ หรือที่เรียกว่า “จักร” นั่นเอง
ดังนั้น ล้อแห่งธรรมราชรถจึงได้ชื่อว่า “จักรธรรม”
หรือ “ธรรมจักร”
ตามธรรมดา “ล้อ” หรือ “จักร”
ย่อมประกอบด้วยส่วนสำคัญ ๓ ส่วน คือ ดุม กำ และกง ส่วน “จักรธรรม” นี้
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุปมาเปรียบ โพธิปักขิยธรรม เป็น “ดุม” ปฏิจจสมุปบาทธรรม
เป็น “กำ” และ อริยสัจ ๔ เป็น “กง”
ตราบใดที่ ดุม กำ และกง ยังวางแยกกันอยู่
ตราบนั้น “ล้อ” หรือ “จักร” ย่อมไม่บังเกิดขึ้น
ต่อเมื่อนายช่างผู้ชาญฉลาดนำอุปกรณ์ทั้ง ๓ อย่างนั้นประกอบเข้าด้วยกันอย่างถูกต้องและสนิทแนบแน่นแล้ว “จักร” ที่แข็งแรงมั่นคงพร้อมที่จะนำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงจะบังเกิดขึ้นฉันใด
ขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตรก็ฉันนั้น
กล่าวคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเทศนาพระธรรมทั้ง ๓ หมวดดังกล่าวแล้ว
โดยมีความสัมพันธ์โยงใยกันอย่างใกล้ชิด เพราะเหตุนี้เอง
พระธรรมเทศนาที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ จึงได้ชื่อว่า “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร”
เพราะเป็นพระธรรมที่จะนำผู้ที่ได้ปฏิบัติไปสู่ความเจริญและความหลุดพ้นได้ในที่สุด
นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จะหานักปราชญ์ราชบัณฑิตผู้ใดที่จะมีปัญญาสามารถตรัสรู้และเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตรนี้มิได้เลย
ธัมมจักกัปปวัตนสูตรมีเนื้อหาที่แสดงถึงการปฏิเสธการประพฤติปฏิบัติในส่วนที่สุดโต่ง
๒ ทางที่ไม่ควรปฏิบัติ คือ
๑. กามสุขัลลิกานุโยค คือ
การหมกมุ่นอยู่ในกามสุข หมายถึงสภาวะกำหนัดยินดีในกามคุณ ๕ อันประกอบด้วย รูป
เสียง กลิ่น รส และสัมผัสทางกาย เป็นต้น
๒. อัตตกิลมถานุโยค คือ การประกอบความลำบากเดือดร้อนแก่ตนเอง
การบีบคั้นทรมานตนให้เดือดร้อน
และทรงเสนอแนวทางการดำเนินชีวิตโดยสายกลาง
อันเป็นแนวทางใหม่ให้มนุษย์นำมาประพฤติปฏิบัติ คือ มัชฌิมาปฏิปทา
ที่ชื่อว่า ทางสายกลาง มัชฌิมาปฏิปทาหรือข้อปฏิบัติอันเป็นสายกลางทั้ง ๘ ประการนี้
มีชื่อเป็นภาษาบาลีว่า พระอัฏฐังคิกมรรค อันเป็นแนวปฏิบัติที่เป็นปัจจัยให้เจ้าชายสิทธัตถะทรงบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ
ทรงตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ทรงประจักษ์แจ้งในอริยสัจ ๔ การปฏิบัติมรรคมีองค์
๘ นี้ นอกจากเป็นปัจจัยให้เจ้าชายสิทธัตถะทรงบรรลุอาสวักขยญาณ คือ ญาณหยั่งรู้ในธรรมอันเป็นเหตุให้สิ้นอาสวกิเลส
กลายเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังส่งให้พระพุทธองค์ทรงบรรลุ พระสอุปาทิเสสนิพพาน
หรือที่เรียกว่า นิพพานเป็น คือ ดับกิเลสโดยสิ้นเชิง แต่ยังทรงมีเบญจขันธ์
(ขันธ์ ๕ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์) เหลืออยู่ และภายหลังทรงบรรลุ
พระอนุปาทิเสสนิพพาน หรือที่เรียกว่า นิพพานตาย ในที่สุด
บุคคลผู้ปรารถนาจะพ้นจากวัฏสงสาร
สละเพศฆราวาสออกบรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้ว พึงปฏิบัติตามมัชฌิมาปฏิปทาหรือหนทางสายกลางอันประเสริฐ
ซึ่งประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ หรือเรียกว่า “มรรคมีองค์ ๘” ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ประจักษ์แจ้งด้วย
พระอนาวรณญาณ
(พระปรีชาญาณเฉพาะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงรู้ทุกอย่างโดยตลอดทะลุปรุโปร่ง)
อันวิเศษ มรรคมีองค์ ๘ นี้เป็นเหตุให้เห็นแจ้งในอริยสัจ ๔ อันประกอบด้วย ทุกขอริยสัจ
สมุทัยอริยสัจ นิโรธอริยสัจ และ มรรคอริยสัจ มรรคมีองค์ ๘ นี้
เป็นเหตุปัจจัยให้ระงับกิเลส เป็นเหตุปัจจัยให้ตรัสรู้อริยสัจ
เป็นเหตุปัจจัยให้เห็นแจ้งประจักษ์ในพระนิพพานอันเป็นอมตะ
โดยเหตุนี้
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่ามรรคมีองค์ ๘ นี้เป็นธรรมอันอุดมล้ำเลิศยิ่ง เปรียบประดุจรัตนยานอันประเสริฐเยี่ยมยอด
สามารถนำผู้ปฏิบัติไปสู่พระนิพพานได้เที่ยงแท้
ธรรมนี้ตถาคตทรงตรัสรู้แล้วด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง
มรรคมีองค์ ๘ นี้
เป็นธรรมอันอุดมล้ำเลิศยิ่งของพระอริยเจ้า เปรียบประดุจสมเด็จบรมจักรพัตราธิราชผู้ทรงไว้ซึ่งพระเดชาคุณอันสูงส่ง
เหล่าอริราชทั้งมวลย่อมสยดสยอง มิอาจต้านทานต่อราชฤทธิ์ของพระองค์ได้ มรรคมีองค์ ๘
นี้เป็นที่ประชุมแห่งโพธิปักขิยธรรมทั้งปวง
เปรียบประดุจดังมหาสมุทรอันเป็นที่ประชุมแห่งแม่น้ำทั้งปวง
แม่น้ำน้อยใหญ่บรรดามีในโลกนี้ย่อมหลั่งไหลลงสู่มหาสมุทรทั้งสิ้นฉันใดก็ดี มรรคมีองค์
๘ นี้ ก็เป็นองค์ประชุมแห่งโพธิปักขิยธรรมทั้งปวง อันประกอบด้วย สติปัฏฐาน
๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ และโพชฌงค์ ๗ ก็ฉันนั้น
ดังได้กล่าวแล้วว่ามรรคมีองค์ ๘ เป็นข้อปฏิบัติอันเป็นปัจจัยให้เจ้าชายสิทธัตถะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ
ตรัสรู้แจ้งในอริยสัจ ๔ ประการ เกี่ยวกับเรื่องนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
พระญาณหรือปัญญาอันรู้แจ้งในอริยสัจ ๔ นั้น พระองค์ทรงทบทวนถึง ๓ รอบ เป็นไปในอริยสัจทั้ง
๔ รวมเป็น ๑๒ แล้วจึงกล้าปฏิญาณว่า พระองค์ทรงบรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ดังนั้นญาณทัสนะอันรู้แจ้งในอริยสัจ
๔ จึงได้ชื่อว่า ญาณทัสนะอันมีปริวัฏฏ์ ๓ มีอาการ ๑๒
อริยสัจญาณ
|
ทุกขอริยสัจ
|
สมุทัยอริยสัจ
|
นิโรธอริยสัจ
|
นิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
|
สัจจญาณ
|
ทรงหยั่งรู้
|
ทรงหยั่งรู้
|
ทรงหยั่งรู้
|
ทรงหยั่งรู้
|
กิจจญาณ
|
เป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้
|
เป็นสิ่งที่ควรละ
|
เป็นสิ่งที่ควรทำให้แจ้ง
|
เป็นสิ่งที่ควรเจริญหรือปฏิบัติ
|
กตญาณ
|
ทรงกำหนดรู้แล้ว
|
ทรงละแล้ว
|
ทรงทำให้แจ้งแล้ว
|
ทรงเจริญแล้ว
|
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปัจวัคคีย์ว่า
พระญาณทัสนะหรือปัญญาอันรู้ในอริยสัจ ๔ อันมีรอบ ๓ อาการ ๑๒
ของพระองค์นั้นหมดจดดีแล้ว จึงทรงกล้ายืนยันว่า
พระองค์ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยม ทั้งในโลกมนุษย์ ในเทวโลก มารโลก
พรหมโลก ในหมู่สัตว์ หมู่สมณะ พราหมณ์ เทวดา และมนุษย์ อาสวกิเลสของพระองค์ไม่กลับมากำเริบขึ้นอีกแล้ว
พระชาตินี้เป็นที่สุด จะมีภพใหม่อีกก็หาไม่
เมื่อบุคคลใดก็ตามหากได้ปฏิบัติตามคำสอนอย่างถูกต้องพร้อมบริบูรณ์แล้ว
ก็สามารถจะทำให้กิเลสตัณหาในตัวสูญสิ้นไปอย่างสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ
สามารถบรรลุมรรค ผล นิพพาน ตามพระพุทธองค์ได้ในที่สุด ดังที่เมื่อพระโกณฑัญญะได้ฟังธัมมจักกัปปวัตนสูตรจบแล้ว
ให้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล จึงกราบทูลขอบรรพชาอุปสมบทต่อพระศาสดา แล้วพระพุทธองค์ก็ประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา
เป็นพระภิกษุสงฆ์สาวกองค์แรกในพระพุทธศาสนา ด้วยอานุภาพของพระสูตรนี้จึงทำให้มีสังฆรัตนะบังเกิดขึ้นในโลกร่วมกับพุทธรัตนะ
ธรรมรัตนะ เป็นพระรัตนตรัย คือ แก้ว ๓ ประการ
Cr. วารสารอยู่ในบุญ สำนักสื่อธรรมะ
แม่บทแห่งธรรม ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:18
Rating:
กราบอนุโมทนา สาธุเข้าค่ะ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ด้วยเจ้าค่ะ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ด้วยเจ้าค่ะ
ตอบลบสาธุ
ตอบลบกราบอนุโมทนา สาธุ พระอาจารย์ เจ้าค่ะ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญค่ะ
ตอบลบขออนุโมทนาสาธุการด้วยนะครับ
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุ
อนุโมทนาบุญพระอาจารย์เจ้าค่ะ
ตอบลบอนุโมทนาบุญพระอาจารย์เจ้าค่ะ
ตอบลบขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญกับผู้มีบุญ
ตอบลบทุกท่านด้วยครับ สาธุครับ
กราบอนุโมทนาสาธุกับพระอาจารย์ด้วยครับ...
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญเจ้าค่ะ เป็นความรู้ที่หาที่ไหนไม่ได้เจ้าค่ะ
ตอบลบสาธุๆๆๆ
ตอบลบกราบพระอาจารย์และขออนุโมทนาสาธุที่ให้ความรู้อันค่าควรปฎิบัติตามเจ้าค่ะ สาธุๆๆค่ะ
ตอบลบสาธุค่ะ
ตอบลบสาธุ กราบอนุโมทนาบุญเจ้าค่ะที่อธิบายให้รู้ความหมาย ความสำคัญเจ้าค่ะ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญด้วยเจ้าค่ะสาธุสาธุเจ้าค่ะ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุครับ
ตอบลบสาธุครับ
ตอบลบ