เมส ไซนัค กับความหวังและทางรอด
ในขณะที่รัฐบาลอัฟกานิสถานมีเหตุผลและความจำเป็นทางเศรษฐกิจ
องค์กร NGO และองค์กรพระพุทธศาสนาทั่วโลกก็มีเหตุผลที่จะต้องอนุรักษ์พุทธโบราณสถาน
เมส ไซนัค เอาไว้เพื่อเป็นมรดกอันล้ำค่าของโลกใบนี้
และเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังเห็นร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในอดีต
ด้วยเหตุนี้องค์กรต่าง ๆ
จากทั่วโลกจึงร่วมกันรณรงค์เพื่อพิทักษ์พุทธโบราณสถานเมส ไซนัค ด้วยวิธีการต่าง ๆ
อาทิเช่น จัดประชุมและรวบรวมรายชื่อเสนอต่อผู้รับผิดชอบ เช่น UNESCO และประธานาธิบดีแห่งอัฟกานิสถาน ฯลฯ
เพื่อหาทางประนีประนอมให้ขุดเจาะเหมืองทองแดงโดยไม่ทำลายพุทธสถาน
ครั้งหนึ่ง พระพุทธศาสนาเคยรุ่งเรืองสูงสุดในดินแดนนี้
อัฟกานิสถานในอดีตเป็นแหล่งรวมความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนา
จึงมีโบราณสถานและพระพุทธรูปเก่าแก่หลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งพระพุทธรูปยืนสูง ๕๕ เมตร
ที่บามิยัน ซึ่งถูกรัฐบาลตาลีบันระเบิดทำลายไปเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔
ซึ่งสร้างความสะเทือนใจแก่คนทั้งโลก
เมส ไซนัค
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงคาบูล (Kabul) เมืองหลวงของประเทศอัฟกานิสถาน ห่างออกไปประมาณ
๔๐ กิโลเมตร บริเวณที่ตั้งเมส ไซนัคในปัจจุบัน
อดีตคืออาณาเขตของแคว้นคันธาระ
ซึ่งเป็นแคว้นที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอดีต
และเป็นสถานที่ที่มีพระพุทธรูปเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก รวมทั้งเป็นที่ตั้งของโบราณสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาจำนวนมาก
มีทั้งวัด วิหาร เจดีย์ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ทั้งสิ้น
ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจเลยที่มีการสำรวจพบมรดกอันล้ำค่าทางพระพุทธศาสนาจำนวนมากที่นี่
เช่น ซากหลักฐานอารามสงฆ์ ร่องรอยของโบสถ์ประดับด้วยประติมากรรมดินเหนียว ภาพวาดฝาผนัง
ภาพเขียน ฝาผนังแสดงพุทธประวัติ และพระพุทธรูปเก่าแก่นับพันองค์
รวมทั้งโบราณวัตถุอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีพุทธสถานอีกหลายสิบแห่งในบริเวณกว่า
๒๕๐ ไร่ ที่ยังไม่ได้ขุดค้น
ปกป้องพุทธสถาน เมส ไซนัค เป็นหน้าที่ของชาวพุทธทุกคน
แม้ว่าอัฟกานิสถานจะมีกฎหมายเกี่ยวกับการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมเช่นเดียวกับประเทศอื่น
ๆ แต่ปัญหาด้านเศรษฐกิจของประเทศทำให้รัฐบาลอัฟกานิสถานไม่อาจเลิกล้มการสัมปทานเหมืองทองแดง
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของชาวพุทธทุกคนที่จะต้องร่วมมือกันปกป้องพุทธสถานแห่งนี้ซึ่งการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องพุทธสถานเมส
ไซนัค
เริ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนเมื่อสมาพันธ์พิทักษ์โบราณสถานแห่งอัฟกานิสถาน (APAA)
พยายามรวบรวมรายชื่อ
เพื่อยื่นอุทธรณ์ไปยัง UNESCO ให้ใส่ชื่อโบราณสถานแห่งนี้ไว้ในกลุ่มโบราณสถานที่กำลังถูกคุกคาม
และขอให้รักษาพื้นที่แกนหลักของแหล่งโบราณคดีนี้ไว้
แต่ก็สามารถรวบรวมรายชื่อได้เพียง ๕๐๐ ชื่อเท่านั้น
ต่อมา เมื่อหลวงพ่อธัมมชโย วัดพระธรรมกายและประธานมูลนิธิธรรมกายทราบข่าว ท่านจึงให้การสนับสนุนการรวบรวมรายชื่อ ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกพระธัมฯ
และพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างดียิ่ง ทำให้การรวบรวมรายชื่อครั้งที่ ๒ ในปี พ.ศ.
๒๕๕๕ ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ ๕๐,๐๐๐ รายชื่อ ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
ถวายโล่ประกาศเกียรติคุณแด่หลวงพ่อธัมมชโย
คุณนาเดีย ทาร์ซี ประธาน
APAA รู้สึกซาบซึ้งใจในความเมตตาของหลวงพ่อธัมมชโยเป็นอย่างยิ่ง
จึงเดินทางมาถวายโล่ประกาศเกียรติคุณแด่หลวงพ่อที่วัดพระธรรมกาย
ในฐานะที่ท่านและหมู่คณะร่วมมือกับนานาชาติทั่วโลกปกป้องพุทธโบราณสถาน เมส ไซนัค
และยื่นจดหมายขอบคุณองค์กรเครือข่ายรวมทั้งร่วมบรรยายและอภิปรายหาแนวทางในการพิทักษ์พุทธโบราณสถาน
เมส ไซนัค ที่ห้องประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
โดยมีองค์กรการศึกษา สถาบันวิจัย
และองค์กรทางพระพุทธศาสนาในประเทศออสเตรเลียนิวซีแลนด์
และองค์กรพระพุทธศาสนาระหว่างประเทศ ร่วมกับคณะกรรมาธิการการศาสนา
ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร มูลนิธิธรรมกาย และองค์กรเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมเป็นคณะกรรมการจัดงาน
ซึ่งมีผู้เข้าร่วมฟังการบรรยายทั้งสิ้นกว่า ๒๕๐ ท่าน
การบรรยายครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่พุทธศาสนิกชนไทย
และผู้ที่สนใจเรื่องราวของพุทธสถาน เมส ไซนัค
เพื่อรวบรวมความคิดเห็นของผู้ทรงคุณธรรม ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ และผู้สนใจทั่วไป ในการกำหนดเป็นแนวทางพิทักษ์รักษาและอนุรักษ์พุทธโบราณสถานดังกล่าวเสนอแก่ผู้เกี่ยวข้องต่อไป
สามัคคีคือพลังและทางรอด
เมส ไซนัค
มีกำหนดให้ถูกทำลายให้เสร็จสิ้นภายในปีพ.ศ. ๒๕๕๕
โดยบริษัทที่เป็นเจ้าของสัมปทานเหมืองแร่ทองแดงของรัฐบาลจีน ล่าสุด APAA
และองค์กรต่าง ๆ
ทั่วโลกได้นำเสนอวิธีการที่ดีที่สุดในการอนุรักษ์พุทธสถาน เมส ไซนัค
แห่งอัฟกานิสถานให้คงไว้เป็นสมบัติของชาวพุทธทั่วโลก ด้วยการย้ายพระพุทธรูป
รูปปั้น และสิ่งก่อสร้างออกจาก เมส ไซนัค ก่อนการทำเหมืองแร่ทองแดงจะเริ่มขึ้น
ซึ่งบริษัทที่ได้รับสัมปทานให้เวลานักโบราณคดี ๓ ปี เพื่อขุดค้นพุทธสถานแห่งนี้
ในฐานะที่ประเทศไทยได้รับเกียรติจากองค์กรพุทธทั่วโลก
ให้ทำหน้าที่เป็นผู้นำทางความคิดในระหว่างการจัดสัมมนาในหัวข้อต่าง ๆ
ชาวพุทธและองค์กรพระพุทธศาสนาของไทยจึงมีหน้าที่เป็นปากเสียงแทนชาวพุทธทั่วโลกในเรื่องนี้
ซึ่งสำหรับประเด็นปัญหานี้เราก็พยายามทำอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างไรก็ตามปัจจุบันชาวพุทธยังไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน จึงยังไม่มีพลังมากพอที่จะไปกำหนดทิศทางของเรื่องนี้ได้ทั้งหมด
ดังนั้นความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ชาวพุทธควรสร้างให้เกิดขึ้น
เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจคุ้มครองปกปักรักษาพระพุทธศาสนาที่จะมีขึ้นในอนาคต
“โลกจะไม่ถูกทำลายโดยคนที่ทำไม่ดี
แต่ถูกทำลายโดยคนที่ได้แต่มองโดยไม่ทำอะไรเลย”
อัลเบิร์ต ไอสไตน์
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๒๗ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เมส ไซนัค กับความหวังและทางรอด
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
22:51
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: