โครงการสมาธิแก้ว


สมาธิแก้วเป็นโครงการสนับสนุนการปฏิบัติธรรมที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๙ แต่เดิมเป็นเพียงโครงการอบรมที่เน้นการนั่งสมาธิและการฝึกตัว กิจวัตรกิจกรรม อยู่กันสบาย ๆ แต่เป็นระบบระเบียบ โดยตลอดโครงการมีพระอาจารย์ผลัดเปลี่ยนกัน ให้ธรรมะและแนะนำการปฏิบัติธรรม ผู้เข้ารับการอบรมส่วนใหญ่จบการศึกษาแล้วในระดับอุดมศึกษา

ปัจจุบัน ขยายการอบรมไปสู่บุคคลทั่วไป ทำให้ผู้เข้ารับการอบรมสมาธิแก้วมีทั้งนิสิตนักศึกษาและผู้ที่จบการศึกษาแล้ว (อายุระหว่าง ๑๘-๓๕ ปี) รวมทั้งผู้สนใจทั่วไป (อายุ ๑๘-๕๐ ปี) ซึ่งสามารถเข้าอบรมได้ในโครงการสมาธิแก้วรุ่นพิเศษ จากจุดเริ่มต้นโครงการเมื่อปี ๒๕๓๙ จนถึงปัจจุบัน มีผู้เข้ารับการอบรมสมาธิแก้วนับพันคนแล้ว

ในการอบรมสมาธิแก้วมีการใช้สถานที่อบรมหลายที่ด้วยกัน เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ยุคแรก สถานที่อบรมอยู่ที่หมู่บ้านปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย โดยมีระยะเวลาการอบรมถึง ๓ เดือน ต่อมาปรับเป็น ๒ เดือน และ ๑ เดือน ในปัจจุบัน การอบรมใช้เวลาประมาณ ๓ สัปดาห์ จัดอบรมที่หมู่บ้านบุคลากรแก้ว วัดพระธรรมกาย ซึ่งแม้ว่าสถานที่อบรมแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนเดิมก็คือ การบ่มเพาะให้ทุกคนรักการปฏิบัติธรรม และฝึกฝนตนเอง

โครงการให้ความสำคัญกับหลักสูตรการอบรมโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานให้ผู้เข้าอบรมมีความสุข ได้ความรู้พื้นฐานในการปฏิบัติธรรมตามพุทธวิธี กิจกรรมในการอบรม คือ การนั่งสมาธิต่อเนื่องระยะยาวเป็นหลัก เพื่อความสุขสงบของจิตใจ และการฝึกระเบียบวินัย ฝึกความดีสากล ๕ ประการผ่าน ๕ ห้องชีวิต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตในสังคมต่อไป

นับเป็นความภูมิใจที่โครงการสมาธิแก้วได้เป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการปฏิบัติธรรม และเรียนรู้ความดีสากลอย่างเป็นระบบ ทำให้ผู้เข้าร่วมอบรมเข้าใจวิถีชาวพุทธ สามารถนำสมาธิมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นรูปธรรม และเมื่อจบโครงการแล้ว ผู้เข้ารับการอบรมจะกลับไปพร้อมกับแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองอย่างเต็มเปี่ยม

ความในใจของผู้ผ่านการอบรมสมาธิแก้ว


นายณัฐวุฒิ จาตุรัส (มาร์ท) อายุ ๒๖ ปี ปริญญาตรี คณะวิทยาลัยพาณิชยนาวีนานาชาติ สาขาวิชาวิศวกรรมต่อเรือและเครื่องกล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ปริญญาโท คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี อบรมสมาธิแก้ว รุ่น ๕๑

ผมไปวัดครั้งแรกในวันกฐินปี ๒๕๕๕ ก้าวแรกที่ย่างเข้าไปเห็นสิ่งต่าง ๆ แล้วรู้สึกปลื้มมากครับ กลับบ้านไปรู้สึกอยากถือศีล ๘ ผมจึงถือศีล ๘ ไป ๗ วัน แล้วเข้าไปเป็นอาสาสมัครที่วัด พอผมเรียนจบก็ไปทำงาน และไม่ได้ไปวัดเลย

ต่อมา ผมได้กลับไปที่วัดอีก พอไปวัดประจำก็อยากบวช แต่ยังติดเรียนปริญญาโท เลยอธิษฐานว่าขอให้ได้เข้าอบรมโครงการอะไรก็ได้ช่วงปิดเทอม เพื่อฝึกฝนตนเองและผ่อนคลายจิตใจจากการเรียน พอดีเห็นป้ายโครงการสมาธิแก้วก็เลยสมัคร ตอนแรกคิดว่าคงจะนั่งสมาธิอย่างเดียว แต่จริง ๆ แล้วได้ฝึกหลายอย่าง ตอนแรก ๆ ที่เข้าโครงการยังมีอาการเพ่งโทษผู้อื่นอยู่บ้าง แต่พอได้นั่งสมาธิมากขึ้น ได้ฟังธรรมะมากขึ้น ใจก็นุ่มนวลขึ้น จากเมื่อก่อนที่เป็นคนชุ่ยมาก ทำอะไรเร่งร้อน พอได้ทำสมาธิ ได้ฝึก UG 5 ห้าห้องชีวิต เรื่องไม่ดีก็ลดลงและรู้สึกมีความสุขมากขึ้นครับ

การเปลี่ยนแปลงเมื่อจบโครงการออกไปอย่างแรกคือมีความสุขเกิดขึ้นในใจเรา จบโครงการออกมาผมนั่งสมาธิทุกวัน เพราะเห็นความสำคัญของการนั่งสมาธิว่าเป็นเหมือนข้าวอีกมื้อหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ซึ่งนอกจากทำให้มีความสุขแล้ว ยังทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้น และผมก็รักษาศีล ๘ ทุกวัน ถ้าเราอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง สมาธิแก้วช่วยได้จริง ๆ ครับ


นายคมสันต์ ชุนเจริญ (เบนซ์) อายุ ๓๖ ปี คณะสังคมศาสตร์ สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อบรมสมาธิแก้ว รุ่นบูชาธรรมมหาปูชะนียาจารย์

ผมชอบทำหน้าที่กัลยาณมิตรครับ เคยชวนน้องสาวมาเข้าโครงการนี้ ต่อมาก็ชวนคนอื่น ๆ มาด้วย สำหรับตัวเองชอบเข้าคอร์สอื่น ๆ ไม่ชอบปฏิบัติธรรมยาว ๆ และด้วยภาระหน้าที่ทำให้ไม่มีเวลา จนผมได้รู้จักน้องคนหนึ่งที่เคยอบรมสมาธิแก้วถึง ๒ รุ่น เลยสงสัยว่าโครงการนี้ดีอย่างไรเขาถึงเข้าอบรมถึง ๒ ครั้ง เขาบอกว่าเป็นคอร์สที่ฝึกสมาธิและฝึกฝนตนเอง ทีแรกผมคิดว่าตัวเองก็เจ๋งแล้ว เป็นคนที่รู้อะไรมากในระดับหนึ่ง เพราะอบรมมาหลายคอร์สทั้งนอกวัดและในวัด แต่เขาทำให้ดูและทำให้ผมเห็นว่าตัวเองยังไม่รู้อะไรอีกเยอะ หลาย ๆ อย่างเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มาจากการฝึกในชีวิตประจำวัน นั่นคือสิ่งที่เขาได้รับจากการอบรมสมาธิแก้ว ซึ่งผมเห็นว่ายังมีส่วนต่างที่จะทำให้ผมพัฒนาตัวเองได้อีกเยอะถ้าได้เข้าอบรม พอโครงการเปิดผมก็ไม่รีรอ รีบจัดกระเป๋าเตรียมเข้าโครงการก่อนล่วงหน้าเป็นอาทิตย์เลยครับ เมื่อได้เข้าอบรมแล้วก็ไม่ผิดหวัง ประทับใจมากครับ


น.ส. นพวรรณ ธนโชติศิริวิบูลย์ (ใหม่) อายุ ๒๙ ปี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ อบรมสมาธิแก้ว รุ่นพิเศษ ๑๖ และรุ่น ๔๙

ปกติใหม่เป็นคนทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ค่อยมีระเบียบวินัย และอารมณ์ร้อน อยู่ที่บ้านไม่เคยแม้แต่เก็บที่นอน เพราะมีคนทำให้ใหม่เข้าวัดมานานแต่ไม่เคยอบรมโครงการของวัดเลยค่ะ เพราะกลัวความลำบาก ที่เข้าอบรมสมาธิแก้วเพราะรู้สึกเบื่อ ๆ พอดีมีคนมาชวน ตอนแรกรู้แค่ว่าเป็นโครงการที่เน้นสมาธิ แต่พอเข้ามาจริง ๆ รู้สึกว่าดีกว่าที่คิดค่ะ ทำให้รู้ว่าชีวิตจริง ๆ อยู่ไปเพื่ออะไร จากเมื่อก่อนใช้ชีวิตไร้สาระมาก ที่ไปวัดคิดแค่ว่าไปทำบุญ ไปนั่งสมาธิให้ใจสงบ เข้าใจแค่ประมาณนี้ พอเข้าอบรมทำให้รู้ว่านั่งสมาธิไปเพื่ออะไร และรู้สึกว่าชีวิตคนเราน่ากลัวจริง ๆ ถ้าไม่ได้นั่งสมาธิ จบโครงการสมาธิแก้วรุ่นพิเศษแล้วจึงมาสมัครต่อรุ่นปกติ เพราะอยากนั่งสมาธิต่อค่ะ

จากเมื่อก่อนไม่ชอบใช้ชีวิตในกรอบ ไม่ชอบถูกบังคับ แต่มาเจอบทฝึก ๕ ห้องชีวิตในโครงการ พอออกไปใหม่ตื่นเช้าทุกวันค่ะ พับผ้าห่มตลอด คนอื่นอาจคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับใหม่รู้สึกว่าเราทำได้ขนาดนี้เลยหรือ และใหม่ก็นั่งสมาธิทุกวันค่ะ กลัวว่าถ้าขาดการนั่งสมาธิอาจจะเผลอใจไปทำอะไรที่ไม่ดี แต่ถ้านั่งสมาธิอยู่ก็ยังสามารถจะดึงใจเราไปในทางที่ดีได้

เมื่อก่อนใหม่ทำบุญถือศีลก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่งแล้ว แต่พอมาอบรมรู้สึกว่าเราได้ฝึกตัวหลาย ๆ อย่าง สิ่งที่เราคิดว่ารู้ แต่จริง ๆ ไม่รู้ยังมีอีกเยอะมาก และเราอาจจะไม่ได้เห็นคุณค่าของการทำบุญ นั่งสมาธิ และการสร้างบารมีอย่างนี้ก็ได้ค่ะ


น.ส.ปรียาภรณ์ ขัตติยารักษ์ (เฟิร์น) อายุ ๒๔ ปี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อบรมสมาธิแก้ว รุ่นที่ ๔๙ และรุ่นที่ ๕๒

เฟิร์นเคยอบรมโครงการของวัดมาทุกโครงการเพื่อจะค้นหาตนเอง สำหรับสมาธิแก้ว ตอนแรกกล้า ๆ กลัว ๆ ค่ะ เห็นว่ามีนั่งยาว ๖ ชั่วโมง แต่เพื่อน ๆ เชียร์ให้สมัคร พอเข้าโครงการแล้วมีความสุขมาก และประทับใจว่าที่นี่มีหัวใจของการปฏิบัติธรรมจริง ๆ ทำให้เฟิร์นรักการนั่งสมาธิ ก่อนหน้านี้ฟุ้งมากและตึงมากจนติดเป็นนิสัย พอมาอบรมสมาธิแก้วทำให้รู้จักปรับสมดุลมากขึ้น และเข้าใจคำว่าสบายมากขึ้น เพิ่งมาเข้าใจลึกซึ้งว่าอารมณ์สบายเป็นหัวใจของการปฏิบัติธรรม เข้าใจธรรมะมากขึ้น รู้ว่าการปฏิบัติธรรมคือหัวใจของทุกอย่าง

ยิ่งพอมาฝึก ๕ ห้องชีวิตกับสมาธิควบคู่กันไปเพื่อจะเปลี่ยนนิสัยเรา และได้มาพบกับความทุ่มเทของพระอาจารย์ในการพร่ำสอนที่มุ่งหวังจะเปลี่ยนแปลงเราให้ดีขึ้น ทำให้เฟิร์นตัดสินใจเข้าโครงการอีกครั้งหนึ่งค่ะ และพอจบการอบรมออกไปก็นั่งสมาธิทุกวัน เพราะเข้าใจว่า ธรรมะสำคัญเหมือนอากาศที่มองไม่เห็น แต่เราขาดมันไม่ได้ทำให้เฟิร์นเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคนเลย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงจากข้างในไปสู่ข้างนอก สมาธิทำให้เรามีปัญญามากขึ้น มองอะไรไปตามความเป็นจริง เฟิร์นจึงตั้งใจที่จะเข้าอบรมรอบที่ ๓ ตอนปิดเทอมนี้ค่ะ

Cr. ทีมงานสมาธิแก้ว
 วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๗๓ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐









โครงการสมาธิแก้ว โครงการสมาธิแก้ว Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 19:11 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.