หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑๕)
สืบเนื่องจากที่ผู้เขียนนำเสนอบทความ “การค้นพบหลักฐานธรรมกายจากเอกสารโบราณในประเทศไทย” ฉบับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กล่าวคือ คณะนักวิจัยของสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย
(DIRI) ได้ทำการสืบค้นศึกษาวิจัยจนพบ หลักฐานร่องรอยธรรมกาย
จากหลักศิลาจารึก จารึกลานเงิน เอกสารตัวเขียนประเภทสมุดไทย
คัมภีร์พุทธโบราณที่จารลงในใบลาน ซึ่งหลักฐานธรรมกายจากเอกสารโบราณเหล่านั้น
ที่ถูกจารด้วยอักษรเขมรโบราณ อักษรขอมไทย อักษรธรรม และอื่น ๆ ทั้งที่เป็นภาษาบาลี
ภาษาสันสกฤต และภาษาไทย ซึ่งมีมากถึง ๑๔ ชิ้นแล้วนั้น ทางสถาบันวิจัยฯ (DIRI) ก็ยังคงสืบค้นอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ได้หลักฐานเพิ่มขึ้น
เพราะขณะนี้ก็ได้พบหลักฐานธรรมกายจากแหล่งข้อมูลในต่างประเทศอีกหลายแห่งทีเดียว
เช่น ในราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
และสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา เป็นต้น
ช่วงที่เดินทางไปกัมพูชา เพื่อสืบค้นหลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ ได้ไปกราบสักการะ ซึ่งสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศได้รับความเมตตาให้ใช้อาคารภายในวัดเป็นที่ทำการ เพื่อเก็บรักษาอนุรักษ์คัมภีร์โบราณ |
สมเด็จพระสังฆราชและคณะสงฆ์กัมพูชาร่วมบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนโรดม สีหนุ ณ ลานหน้าพระราชวังหลวง และเมตตาให้ผู้เขียนกับคณะเข้าร่วมพิธีดังกล่าวนี้ด้วย |
บรรยากาศที่อบอุ่นในการประชุมทางวิชาการ เรื่องกรรมฐานแบบโบราณตามคติพุทธเถรวาท |
เมื่อผู้เขียนศึกษารายชื่อและผลงานของนักวิชาการที่มาร่วมประชุมและร่วมทำ
Workshop ครั้งนี้ เห็นชัดว่า
ทุกท่านล้วนมีผลงานเป็นนักวิชาการระดับแนวหน้าของโลก ผู้เขียนและคณะจึงไม่มีความเห็นอื่นใด
นอกจากตอบรับคำเชิญของท่าน ศาสตราจารย์เคท ครอสบี ด้วยความยินดีและเต็มใจ
แม้มีภารกิจมากในช่วงนี้ก็ตาม
เริ่มการประชุมตั้งแต่วันแรกก็มีเนื้อหาเข้มข้น
โดยมีการนำเสนอจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Source) เช่น ศาสตราจารย์โอลิวีเยร์ เดอ บานอน
ชาวฝรั่งเศส ผู้อำนวยการสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศ (EFEO) สาขากัมพูชา ผู้มีความเชี่ยวชาญเรื่องคัมภีร์ใบลานในกัมพูชามากว่า
๑๐ ปี พร้อมคณะผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นอีก ๒ ท่าน คือ คุณสุเพียบ (สุภาพ)
และ คุณเลียง ก๊กอาน
ที่ทำการสาธิตรูปแบบการปฏิบัติกรรมฐานแบบโบราณในกัมพูชาซึ่งทำให้ที่ประชุมรับทราบอย่างชัดเจน
ศาสตราจารย์บาส เทอร์วิล กำลังบรรยายเรื่อง "การปฏิบัติตามพุทธวิธีมุ่งสู่พระนิพพาน" โดยนำข้อมูลมาจากสมุดภาพโบราณ "ไตรภูมิพระร่วง" |
เมื่อถึงกำหนดเวลาที่ผู้เขียนในนามสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย
(DIRI) และคณะจะได้นำเสนอผลงานจากการที่ได้สืบค้นหลักฐานธรรมกายจากเอกสารโบราณ
ที่เกี่ยวกับกรรมฐานแบบโบราณในประเทศไทย
จึงได้นำเนื้อหาข้อมูลที่ผู้เขียนเคยบรรยายในการจัดเสวนา “ถาม-ตอบเรื่องธรรมกาย ครั้งที่ ๓” ณ ห้องประชุมอาคาร ๑๐๐ ปี
คุณยายอาจารย์ฯ มาใช้
ซึ่งครั้งนี้ก็ใช้เนื้อหาเดิมที่เป็นภาษาไทยแต่ปรับเปลี่ยนการนำเสนอเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษ
พระสุธรรมญาณวิเทศ วิ. นำเสนอผลวิจัยเรื่อง "การค้นพบหลักฐานธรรมกายในเอกสารโบราณของประเทศไทย" |
ภาพศิลาจารึกพระธรรมกายวัดเสือ จังหวัดพิษณุโลก |
เมื่อนำเสนอบทความพร้อมภาพประกอบเอกสารโบราณเสร็จสิ้นลง
มีผลทำให้นักวิชาการที่มาร่วมประชุมต่างให้การยอมรับว่า “ธรรมกาย” นั้นมีจริง
และต่างเสนอกันว่าเรื่องนี้ควรที่จะสืบค้นและศึกษาอย่างต่อเนื่องเพราะหลักฐานจากเอกสารโบราณที่นำเสนอต่อที่ประชุมนั้น
โดยเฉพาะศิลาจารึกก็มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๑
เเละผู้เขียนยังแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ทางสถาบันฯ (DIRI) ยังได้ทำการสำรวจแหล่งข้อมูลเพื่อสืบค้นหลักฐานธรรมกาย
ในเขตพุทธโบราณของประเทศอื่น ๆ ด้วย เช่น ศรีลังกา เวียดนามและกัมพูชา เป็นต้น
และเพื่อสร้างความเชื่อถือให้มากและหนักแน่นยิ่งขึ้น จึงเชิญคุณสุเพียบให้มาสาธิตการสวดคาถาพระธรรมกาย
ตามที่มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์ธมฺมกายาทิ
เพื่อให้กลุ่มนักวิชาการในที่ประชุมได้เห็นประจักษ์ด้วยตนเอง และเห็นจริงว่า “ธรรมกาย” เป็นที่รู้จักในกรรมฐานแบบโบราณตามพุทธเถรวาท
ในหลายแห่งตามที่ผู้เขียนกล่าวไว้
คุณสุเพียบ ผู้เชี่ยวชาญอักษรเขมรโบราณ กำลังสาธิตการสวดคาถาพระธรรมกายที่มีในกัมพูชา ซึ่งคุณสุเพียบและคุณเลียง ก๊กอาน ได้ให้ความช่วยเหลือแก่สถาบันฯ (DIRI) ในการสืบค้นหลักฐานธรรมกายในกัมพูชา |
พอสรุปได้ว่า การที่ สถาบันฯ DIRI ได้นำเสนอผลงานวิจัยต่อที่ประชุม ๒ ชิ้น
นั้นนับว่าเป็นการเริ่มวางรากฐานในวงวิชาการ เพื่อให้เกิดการยอมรับว่า คำว่า “ธรรมกาย” นี้มีอยู่จริง
และให้ยอมรับว่ามีธรรมเนียมปฏิบัติที่มุ่งการบรรลุถึงธรรมกายและเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด
ซึ่งทางสถาบันฯ (DIRI) เชื่อว่าในภาวะปัจจุบันคงมีผลได้ในระดับหนึ่ง
แต่จะต้องตระหนักและถือเป็นพันธกิจที่สำคัญในการมุ่งมั่นเกาะติดแวดวงวิชาการเพื่อทำความจริงให้ปรากฏแก่ชาวโลกสืบไป
ข้อสังเกต
เมื่อผู้เขียนเดินทางกลับมาจากการสัมมนาทางวิชาการครั้งนี้แล้ว
รู้สึกปลื้มปีติใจที่ได้เห็น วารสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับวันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ.
๒๕๕๙ มีบทความทางวิชาการเรื่อง “พระจอมเกล้า” กับ “พระธรรมกาย” ในจิตรกรรมวัดปทุมวนาราม
ซึ่งมีเนื้อหาอ้างอิงผลงานวิจัยของผู้เขียนเมื่อครั้งยังดำรงสมณศักดิ์ ที่ พระครูปลัดนายกวรวัฒน์
(สุธรรม สุธมฺโม) จาก “คัมภีร์ธมฺมกายาทิ
ฉบับเทพชุมนุม” และผลงานฉบับวิชาการที่เรียบเรียงโดย ดร.ชนิดา
จันทราศรีไศล บ.ศ.๙ จากหนังสือ หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ถ้าสนใจโปรดติดตามรายละเอียดได้จากวารสารตามภาพปกนี้)
และคณะนักวิจัย DIRI
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๖ เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
|
หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑๓)
หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑๔)
หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑๗)
หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑๘)
หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑๙)
หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑๕)
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
00:26
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: