V-Star ณ แดนประสูติพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แม้ประเทศเนปาลเป็นแดนประสูติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แต่ปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่กลับนับถือศาสนาฮินดู ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักกับการที่จะนำโครงการเด็กดีวีสตาร์เข้าไปบุกเบิกยังประเทศที่ต่างความเชื่อ
ต่างศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม...
แต่ในความยากก็พอจะมีช่องทาง
เพราะความตั้งใจจริงของ คุณพรสรร กำลังเอก
ที่สวมหัวใจของการทำหน้าที่กัลยาณมิตรอย่างแท้จริง
“ยอมรับว่า การไปบุกเบิกนำโครงการเด็กดีวีสตาร์ไปสู่เนปาล
เป็นการทดสอบกำลังใจเราอย่างมาก เพราะการทำงานใหญ่ย่อมมีอุปสรรคเป็นธรรมดา
แต่เนื่องจากงานนี้เราได้แรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่จาก หลวงพ่อธัมมชโย
ที่เห็นท่านทำโครงการเด็กดีวีสตาร์ จนเยาวชนไทยเป็นล้าน ๆ คน เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมากมาย
และที่สำคัญ หลวงพ่อทัตตชีโว ท่านก็เมตตาชี้แนะวิธีการทำงานมาให้ จึงทำให้เรามีแรงใจว่า..ครั้งหนึ่งในชีวิต
เราต้องลองดูสักตั้ง อีกทั้งเรายังอยู่ในฐานะที่พอจะมีช่องทาง
เนื่องจากเราและพระลูกชาย (พระประพุทธ พุทธิพโล) รู้จักกับ คุณเนอวานา ชอดรี
ซึ่งครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของธุรกิจที่รวยระดับต้น ๆ ของประเทศเนปาล
มีธุรกิจในเครือถึง ๑๒ ประเภท และที่สำคัญ เขายังเป็นเจ้าของโรงเรียนถึง ๙ โรงเรียน ที่มีนักเรียนถึง ๒,๕๐๐ คน ซึ่งพอเราทราบตรงนี้
ก็เห็นว่ามีความเป็นไปได้ทันที ด้วยเหตุนี้เราจึงคุยกับคุณเนอวานาว่าอยากจะนำโครงการเด็กดีวีสตาร์ไปสู่เนปาล”
หลายคนอาจจะสงสัยว่า
ความต่างทางศาสนาอาจเป็นอุปสรรคต่อการยอมรับโครงการเด็กดีวีสตาร์ไปให้เด็กนักเรียนที่นั่นทำ
ซึ่งเราก็ได้คำตอบที่ชัดเจนจากคุณพรสรรทันทีว่า...
“เราไม่ได้ไปเปลี่ยนศาสนาเขา แต่เราเอาความดีสากลไปสอนเด็ก ๆ
ให้เขารักความสะอาด ความเป็นระเบียบ มีความสุภาพ ตรงต่อเวลา และมีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ โดยฝึกผ่านกิจกรรม ๕ ห้องชีวิต
ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะท่านแนะนำไว้”
การทำโครงการเด็กดีวีสตาร์ที่ประเทศเนปาล เริ่มจากการแนะนำให้คุณเนอวานาฝึกสมาธิจนเห็นประโยชน์ของสมาธิด้วยตัวเอง จากนั้นคุณพรสรรก็คุยถึงวิธีการทำโครงการ
คุณพรสรร กำลังเอก |
“เราแนะนำให้คุณเนอวานา ส่งครูแกนนำในโรงเรียนของเขาจำนวน ๔ คน บินข้ามประเทศมานั่งสมาธิที่เมืองไทยเป็นเวลา ๗
วัน เพื่อนำวิธีฝึกสมาธิและวิธีการทำโครงการเด็กดีวีสตาร์กลับไปทำที่เนปาล
โดยให้เด็ก ๆ ทำการบ้าน ๑๐ ข้อ อย่างต่อเนื่องหลายเดือน จากนั้นก็ให้คุณครูคัดเด็กจากโรงเรียนในเครือของคุณเนอวานาจำนวน
๔ โรงเรียน ซึ่งได้แก่โรงเรียน D.P.S Biggunj, The Chandbagh School (New Block), The
Chandbagh School (Main Block) และ Campion School มาเข้าค่ายอบรม ซึ่งเขาคัดมาได้ ๗๓ คน
มีอายุระหว่าง ๙-๑๒ ปี จากนั้นเราก็นิมนต์ทีมงานพระอาจารย์จากวัดพระธรรมกายและเจ้าหน้าที่ที่วัดบินไปช่วยกันจัดค่าย
ระหว่างวันที่ ๕–๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งในช่วงเวลาที่จัดค่าย เราก็เชิญคุณครูจากโรงเรียนต่าง
ๆ มาเพิ่มอีก ๕ โรงเรียน
เพื่อมาศึกษาดูงานในครั้งนี้ด้วย”
เด็ก ๆ ที่เข้าฐานกิจกรรมประทับใจหลาย ๆ
สิ่งที่เขาไม่เคยทำกันมาก่อน เช่น
เรื่องการเช็ดเศษอาหารออกจากจานข้าวหลังจากทานอาหารเสร็จ
หรือเรื่องการล้างห้องน้ำ แรก ๆ เด็ก ๆ
รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก แต่พอได้ลงมือทำจริง ๆ ก็รู้สึกชอบ สนุก และหลังจากทำแล้ว
ก็รู้สึกสบายตา สบายใจ ที่โรงเรียนสะอาดขึ้นด้วยมือของพวกเขาเอง ดังที่ หนูน้อยมานาวี ซุปบรา บอกว่า...
หนูน้อยมานาวี ซุปบรา (เด็กผู้หญิงนั่งติดคุณแม่) |
“ประทับใจการทำความสะอาดห้องน้ำ เพราะว่าหนูไม่เคยทำความสะอาดห้องน้ำแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
ครั้งแรกที่หนูลองทำ หนูค่อนข้างขยะแขยงนิด
ๆ รู้สึกว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น
แต่สุดท้ายแล้วหนูก็ไปช่วยแม่ทำความสะอาดด้วยกัน รู้สึกสนุกดี
และคิดว่าไม่เห็นจะยากเลย และอีกอย่างหนึ่งหนูชอบการนั่งสมาธิค่ะ เป็นกิจกรรมที่หนูชอบมากที่สุดในโครงการเด็กดีวีสตาร์
ครั้งแรกที่หนูลองนั่งสมาธิ รู้สึกว่าค่อนข้างยากนิดหนึ่ง
แต่หลังจากได้ทำที่โรงเรียนบ่อย ๆ ทุก ๆ เช้าแล้ว หนูก็พบว่ามันง่ายมาก
หนูรู้สึกผ่อนคลาย สบาย และสนุกมากกับการทำกิจกรรมแบบนี้กับเพื่อน ๆ ของหนูค่ะ”
หลังจากนำโครงการเด็กดีวีสตาร์เข้ามาทำในโรงเรียน
ทุกเช้าหลังเคารพธงชาติ เด็กทั้งโรงเรียนจะต้องนั่งสมาธิก่อนเข้าเรียนและระหว่างคาบเรียนก็ให้นักเรียนทำจิตให้เป็นสมาธิ
๕ นาที ก่อนเริ่มเรียน ซึ่งเรื่องนี้ น้องรูดรา
วิสวาคัสมา บอกว่า...
น้องรูดรา วิสวาคัสมา |
“สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดก็คือ การนั่งสมาธิ เพราะมันทำให้ผมมีความสุข ผ่อนคลาย และไม่เครียด เมื่อก่อนผมเป็นคนขี้โมโหแม้กับเรื่องเล็ก
ๆ น้อย ๆ แต่ตอนนี้ผมสามารถควบคุมความโกรธได้ และที่สำคัญ
เมื่อผมหลับตาและทำใจให้สงบที่ศูนย์กลางกาย ผมรู้สึกตัวเบาคล้ายขนนก เหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ
และผมก็เข้าไปอยู่ในดวงกลมใส เมื่อผมลืมตาขึ้น ก็รู้สึกสดชื่นเหมือนกลายเป็นคนใหม่”
การทำโครงการนี้ที่เนปาล
ถือเป็นการทำในระดับลึก โดยมีการติดตามผลของนักเรียนถึงที่บ้าน
คือตามไปสอบถามความประทับใจจากพ่อแม่ของเด็ก ๆ ดังตัวอย่างการติดตามผลเด็กใน ครอบครัวภัททัก
ครอบครัวภัททัก |
“ตั้งแต่ลูกได้เข้าร่วมโครงการเด็กดีวีสตาร์ ลูกตื่นหกโมงเช้าเป็นประจำทุกวัน เก็บห้องนอนจนเรียบร้อย
บางครั้งก็ลุกมาทำความสะอาดห้องน้ำ บางครั้งปัดกวาดห้องตัวเอง
ครอบครัวเราได้พบความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเลยครับ อย่างเช่น เมื่อก่อนลูกติดพ่อกับแม่มาก
แต่ตอนนี้เขาพยายามทำทุกสิ่งด้วยตัวเอง อีกทั้งยังทำเป็นขั้นเป็นตอน แบบ ๑-๒-๓-๔
จนตอนนี้เขาสามารถทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้เป็นระบบระเบียบมากขึ้น”
ในการทำโครงการนี้ ทีมงานทุกคนเหนื่อยมาก ๆ
แต่ก็ปลื้มใจ เพราะในเบื้องต้นถึงแม้คุณเนอวานาเห็นด้วยก็จริง
แต่คณะผู้บริหารของโรงเรียนยังรู้สึกเฉย ๆ ไม่เข้าใจว่าทีมงานไปทำอะไร แม้ตอนหลังพอจัดค่ายเสร็จแล้ว พวกเขาก็ยังมาพูดกับทีมงานเป็นการส่วนตัวว่า เขามองไม่ออกเลยว่า การที่ทีมงานไปทำโครงการนี้ให้เขานั้น ได้อะไรเป็นการตอบแทน อย่างไรก็ตาม
เขาก็รู้สึกซาบซึ้งกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่เกิดขึ้น ดังคำพูดของ คุณบูชเชิน จันดรา เชนกรุง ผู้บริหาร CG Education Schools ที่กล่าวว่า...
คุณบูชเชิน จันดรา เชนกรุง ผู้บริหาร CG Education Schools |
“ผมขอขอบคุณ และรู้สึกซาบซึ้งที่ตัวแทนโครงการเด็กดีวีสตาร์ดั้นด้นมาจากประเทศไทย
มาสานต่อโครงการนี้ที่ประเทศเนปาล ผมคิดว่า
หากโครงการเด็กดีวีสตาร์ได้ขยายไปทั่วโลก จะมีผลกระทบครั้งยิ่งใหญ่
ในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในผู้นำการศึกษาของ CG Education Schools ถือเป็นหน้าที่หลักของผม ที่จะนำสิ่งดี ๆ อย่างนี้ไปบอกเพื่อน
ๆ ในแวดวงการศึกษาของประเทศเนปาล
เพราะผมคิดว่า โครงการเด็กดีวีสตาร์ไม่ควรถูกเก็บไว้เฉพาะใน CG Education Schools เท่านั้น
เพราะเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์ไม่ใช่แค่ต่อเด็กนักเรียน ต่อครอบครัว
และต่อโรงเรียนเท่านั้น แต่จะมีประโยชน์ต่อชาติของเราด้วย”
ส่วน
คุณเนอวานา ชอดรี ก็เปิดใจว่า...
คุณเนอวานา ชอดรี |
“ผมว่าโครงการนี้เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบทีเดียว เป็นโครงการที่เปิดโอกาสในการสร้างความรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์ให้เกิดขึ้นกับเยาวชนในวันข้างหน้า
เป็นโครงการที่เริ่มต้นอย่างเรียบง่าย ด้วยการสอนให้เด็ก ๆ ช่วยเหลือกัน
ซึ่งทางผมได้รับคำแนะนำที่ประเมินค่าไม่ได้
และได้รับความช่วยเหลือในระดับที่สูงมากจากทุกท่านที่มาจากประเทศไทย ซึ่งผมก็เชื่อมั่นว่า
นักเรียนกลุ่มแรกที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ จะกลายเป็นอนาคตของประเทศที่ใคร ๆ
ต่างก็ต้องการ ผมอยากจะกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ที่ได้อำนวยพรฝากมาให้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมโครงการนี้
รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งจนไม่รู้จะพรรณนาออกมาอย่างไร และขอเก็บความทรงจำนี้ไว้
เพราะสิ่งที่ทุกคนทุ่มเทแนะนำให้เรา จะเป็นสิ่งที่อยู่กับเราและเด็ก ๆ ไปตลอดชีวิต”
หลังจากจัดกิจกรรมค่ายอบรมเสร็จ เมื่อทีมงานจะกลับเมืองไทย
คณะครูและผู้บริหารซึ่งรู้สึกผูกพันและซาบซึ้งกับทีมงานอย่างบอกไม่ถูก
ต่างไม่อยากให้ทีมงานจากพวกเขาไป พวกเด็กนักเรียนก็ร้องไห้
และพากันเรียกคุณพรสรรว่า “Universal
Mom” หรือ “คุณแม่แห่งจักรวาล” ทำให้ทีมงานรู้สึกว่า
เด็ก ๆ สามารถสัมผัสถึงอานุภาพแห่งการให้ ที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ทุกคนยังฝากกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ที่ดำริทำโครงการดี ๆ มาให้พวกเขาด้วย
ในส่วนของทีมงาน ทุกคนตั้งใจว่าจะทำโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง
และจะกลับไปเนปาลอีก เพื่อขยายโครงการนี้เข้าไปยังทุกโรงเรียนในประเทศเนปาล
Cr. ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๓๖
เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗
V-Star ณ แดนประสูติพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
20:56
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: