โลกสวยด้วยมือเรา


มีวิธีการอย่างไรให้คนในสังคมช่วยกันรักษาความสะอาด ?

ถ้าแบ่งใหญ่ ๆ มี ๒ อย่าง คือ ๑. การปลูกจิตสำนึกให้เห็นความสำคัญของการเก็บขยะ ความสะอาด ความมีระเบียบเรียบร้อย ๒. หามาตรการรองรับ

ถ้าเราปลูกจิตสำนึก มีการกระตุ้นเชียร์แต่ขาดมาตรการรองรับ ก็ได้ผลไม่เต็มที่ ถ้ามีมาตรการแต่ขาดการปลูกจิตสำนึก ก็จะกลายเป็นการบังคับให้ทำนั่นทำนี่ ถ้ามีทั้ง ๒ อย่างคู่ขนานกันผลจะเกิดขึ้นเต็มที่

ตอนอาตมายังเด็กเข้ากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ ซื้อมะม่วงดองจากรถเข็นมาทาน อิ่มแล้วหาที่ทิ้งไม่ได้ ต้องเอาเม็ดมะม่วงใส่ถุงที่เขาขายมานั่นแหละ แล้วใส่ถุงกระดาษเล็ก ๆ ม้วน ๆ ใส่กระเป๋าไว้ พอเห็นถังขยะจึงล้วงเอามาทิ้งหากทุกคนช่วยกันอย่างนี้บ้านเมืองจะสะอาด ถามว่าสิ่งนี้มาจากไหน ก็มาจากคุณครูสมัยประถมท่านปลูกฝังเอาไว้ ท่านใช้ทั้ง ๒ อย่างคือ สอนให้เห็นความสำคัญของความสะอาดแล้วมีมาตรการรองรับ คือ ท่านรณรงค์ให้เด็กเก็บขยะแล้วให้คะแนน ฉะนั้นพอมีเวลาว่างเด็ก ๆ เก็บขยะกันใหญ่เลย เก็บจนโรงเรียนไม่มีขยะให้เก็บ นักเรียน ๒๐๐ กว่าคน ช่วยกันเก็บทุกวัน เก็บอย่างนี้มา ๕ ปี ตั้งแต่ ป.เตรียม ป.๑-๔ พอโตขึ้นมาจะให้ทิ้งขยะลงบนถนนหรือสถานที่ที่ไม่ใช่ที่ทิ้งขยะ ทำไม่ลง นี้คือการปลูกฝังตั้งแต่ยังเด็ก โดยมีมาตรการรองรับ

บางคนถามว่าโตป่านนี้แล้วจะปลูกฝังทันไหม  ทัน  ขอให้ตั้งใจจริง  ให้ชุมชนทุกแห่งไม่ว่าหมู่บ้าน ตำบล วัด หรือโรงเรียนก็ตาม ให้มีแกนนำขึ้นมา แล้วชักชวนคนในละแวกนั้นมาช่วยกัน หรือถ้าเป็นพ่อบ้านแม่บ้านก็เริ่มจากในบ้านของเราง่ายที่สุด ทำความสะอาดบ้านขนานใหญ่ เก็บขยะในบ้านไม่ให้เหลือเลยสักชิ้น ถ้าหากแต่ละบ้านสะอาด เดี๋ยวชุมชนจะสะอาดตาม

อย่างที่วัดเรา หลวงพ่อ คุณยาย ท่านปลูกฝังไว้ดี เดินไปถ้าเห็นขยะก็ต้องหยุดเก็บบางครั้งถ้าไม่รีบมากแม้นั่งรถไปพอเห็นขยะอยู่กลางถนน ก็ต้องลงไปเก็บ เพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นขยะอยู่ในวัดของเรา ท่านปลูกฝังกันมาอย่างนี้ ความสะอาดจึงเกิดขึ้นในวัด

ดังนั้น ถ้าในบ้านแต่ละหลังสะอาดแล้วก็เท่ากับว่าคนที่จะเติมขยะในชุมชนลดลงไป ๑ ครอบครัว และจะมีคนช่วยดูแลความสะอาดของชุมชนเพิ่มขึ้นอีก ๑ ครอบครัว ถ้าเริ่มอย่างนี้ สุดท้ายชุมชนสะอาด โรงเรียนสะอาด วัดสะอาด ทั้งประเทศสะอาด สุดท้ายโลกก็สะอาด

วัดพระธรรมกายปลูกฝังการรักษาความสะอาดได้ดี ทำไมไม่ขยายวงกว้างไปสู่สังคมอื่นบ้าง ?

พยายามขยาย แต่ว่าจะไปสั่งใครเขาไม่ได้ ต้องทำวัดให้สะอาดและสอนญาติโยมให้รักความสะอาด พอเขากลับบ้าน ก็ไปทำบ้านตัวเองให้สะอาด ทำชุมชนให้สะอาด แล้วเวลามีงานบุญอะไร เราก็อาราธนาพระภิกษุจากทั่วประเทศมา ท่านมาเห็นแล้วกลับไปท่านก็ไปทำวัดท่านให้สะอาด อาตมาจำได้ว่าภาพของวัดไทยที่เห็นเมื่อ ๓๐ กว่าปีที่แล้วกับตอนนี้มีการพัฒนาไปเยอะ วัดต่าง ๆ โดยรวมสะอาดสะอ้านขึ้นมาก

ที่วัดเรา หลวงพ่อ คุณยาย ท่านปลูกจิตสำนึกก่อน คนทั่วไปพอมองขยะก็นึกเป็นภาพที่น่ารังเกียจ ไม่อยากไปยุ่ง แต่หลวงพ่อท่านไม่ใช้คำว่า ขยะท่านเรียก เพชรพลอยถุงขยะเขียนว่าถุงเพชรพลอย ที่เก็บขยะเขียนว่าที่เก็บเพชรพลอย ความรู้สึกในใจคนเปลี่ยนไปเลย แล้วยิ่งรู้อานิสงส์ของบุญจากการรักษาความสะอาดวัด ยิ่งมีใจที่จะรักษาความสะอาด

ปลูกจิตสำนึกแล้วต้องมีมาตรการรองรับ เช่น เรื่องถุงเก็บขยะ การลำเลียงเพชรพลอยมารวมกัน ฯลฯ ค่อย ๆ พัฒนาให้สมบูรณ์ขึ้น ทำอย่างนี้ใจเราจะสบาย ลองจัดการเก็บขยะในห้องของเราก่อน จัดให้เป็นระเบียบ ของบางอย่างไม่ได้ใช้แล้วก็ทิ้งไป ถูพื้นให้เอี่ยม จัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ เช็ดฝุ่นหลังตู้ ใต้ตู้ใต้เตียง เคลียร์ให้เรียบร้อย พอทำเสร็จแล้วเราจะรู้สึกชื่นใจ แล้วพอไม่มีฝุ่น อากาศที่พัดมาก็สดชื่น พอห้องเราเรียบร้อย เราก็ชวนสมาชิกในบ้านค่อย ๆ ทำให้หมดบ้าน ไปออฟฟิศก็จัดให้เอี่ยมเลย ทำอย่างนี้แล้วสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้นมา

เรื่องความสะอาดนี้ คุณยายท่านเป็นแบบอย่างตั้งแต่สมัยอยู่บ้านธรรมประสิทธิ์ที่วัดปากน้ำ เวลาเขาไปปฏิบัติธรรมกัน ห้องน้ำจะแห้งตลอด เวลาที่บางคนกำลังนั่งหลับตา ท่านก็ปลีกตัวไปห้องน้ำ แล้วซับน้ำจนแห้ง เรื่องนี้คุณยายไม่ได้บอกว่าท่านรักความสะอาด ท่านบอกว่า ยายมีอายุแล้ว เท้าไม่ค่อยมียางก็เลยไปซับพื้นให้แห้ง จะได้ไม่ลื่นล้ม แต่ว่าความจริงก็คือทุกอย่างในบ้านสะอาดเอี่ยม ปกติคนทำความสะอาดโต๊ะจะเช็ดกันแค่บนโต๊ะใช่ไหม แต่คุณยายเช็ดทั้งบนโต๊ะและใต้โต๊ะ ถ้าเช็ดบันไดก็เช็ดทั้งบนและใต้บันได เช็ดหมดทุกซอกทุกมุม ขนาดใต้เตียงยังเช็ดเลย เช็ดเสร็จแล้วยังส่องดูอีกว่าสะอาดทั่วหรือยัง นี้คือที่มาของรากฐานความสะอาดของวัดพระธรรมกาย ดีเอ็นเอต้นแบบตัวแรกมาจากบ้านธรรมประสิทธิ์ และขยายมาถึงหลวงพ่อของเรา มาถึงชาววัดในรุ่นบุกเบิก แล้วก็มาถึงปัจจุบัน ทุกคนรู้ว่าความสะอาดจำเป็น ถ้าข้างนอกยังสกปรกอยู่ คุณจะมานั่งสมาธิให้ใจสะอาดเข้าถึงธรรมเป็นไปได้ยาก ของง่าย ๆ ข้างนอกที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมคุณยังทำให้สะอาดไม่ได้เลย แล้วจะทำใจตัวเองให้สะอาดคงยาก เพราะฉะนั้นจะให้สะอาดใจก็เริ่มจากสะอาดกายก่อน คนจะมาเป็นแสนหรือเป็นล้านก็ตาม ถ้าทุกคนมีจิตสำนึกร่วมกันแล้วช่วยกันอย่างนี้ จะกี่แสนกี่ล้านคนก็สะอาด

ปกติทั่วไปเราจะเห็นว่าเวลามีงานที่มีคนมาเป็นหมื่นเป็นแสน พอเสร็จงานอะไรเกิดขึ้นสิ่งที่เหลืออยู่คือขยะกองเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด หลวงพ่อบอกว่า เราต้องพยายามทำให้สิ่งนี้หมดไป แม้งานใหญ่ที่วัดแต่ละครั้งจะมีสมาชิกใหม่มาเยอะพอสมควรก็ตาม คนเก่าต้องช่วยกันถ่ายทอดวัฒนธรรมเรื่องความสะอาดให้กระจายออกไปจากรุ่นสู่รุ่น อย่างนี้เดี๋ยวก็ขยายไปเต็มแผ่นดิน

อานุภาพแห่งความสะอาดจะส่งผลต่องานอย่างมหาศาล เพราะฉะนั้นให้เราทุกคนที่ทราบความสำคัญเรื่องนี้ เริ่มทำจากที่ทำงานของเรา บ้านของเราเสียก่อน

สิ่งที่เป็นขยะใช้ประโยชน์ได้มากไหม ?

ขยะเป็นเงินเป็นทองทีเดียว ดูง่าย ๆก็แล้วกัน ตามที่ทิ้งขยะจะมีคนไปเก็บถุงพลาสติก ขวด เหล็ก อะไรต่าง ๆ สารพัดอย่างเพื่อเอาไปแยกขาย แล้วก็มีบริษัทที่รับซื้อขยะโดยเฉพาะ ถ้ารวมทั้งประเทศปีหนึ่งเป็นหมื่น ๆ ล้าน มูลค่ามหาศาล ตัวเราเวลาทิ้งขยะก็ต้องแยกประเภท ซึ่งถ้าดูเผิน ๆ เป็นเรื่องที่ยุ่งยากแต่ถ้าทำจนเคย และแต่ละคนช่วยกันมันก็ง่าย

ในญี่ปุ่นเขาแยกขยะออกมาเกือบ ๑๐ ประเภท   ทิ้งเป็นประเภท ๆ ประเภทกระดาษ ประเภทโลหะ ประเภทพลาสติก ฯลฯ ถึงเวลาเอาไปขายได้เงินเยอะแยะ แล้วเขาก็เอาไปทำสาธารณกุศลในด้านต่าง ๆ เกือบทั้งสังคมช่วยกัน ผลคือทำให้ขยะมีมูลค่าเยอะเลย แต่ถ้าเอามาขยุ้มรวมกัน บางอย่างก็เสียคุณค่าไป ขายไม่ค่อยได้ราคา แล้วเสียแรงงานในการแยกทำความสะอาดอีกรอบหนึ่งด้วย แต่ถ้าแยกตั้งแต่ต้นจะได้ราคาดี แล้วปัญหาเรื่องที่ทิ้งขยะลดไปเยอะเลย เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ในญี่ปุ่นมีคนร้อยกว่าล้านคน แต่พื้นที่เขาเล็กกว่าประเทศไทยเสียอีก ประชากรหนาแน่นมาก แต่ละวันต้องใช้พื้นที่มหาศาลในการทิ้งขยะเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมากว่าเมืองใหญ่แต่ละเมือง เช่น โตเกียว โอซะกะ ฯลฯ จะเอาขยะไปทิ้งที่ไหน ฉะนั้นการที่แยกประเภทขยะแล้วเอาไปรีไซเคิล ทำให้ลดพื้นที่ในการทิ้งขยะไปเยอะ ประหยัดทรัพยากรของโลกด้วย ไม่ใช้ทิ้งใช้ขว้าง แต่ใช้อย่างคุ้มค่า เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกัน

ระบบการจัดการขยะของประเทศไทยเป็นอย่างไรบ้าง ?

โดยรวมถือว่าเราค่อย ๆ ดีขึ้น คนไทยเรารักความสะอาดมากขึ้นกว่าเก่า แต่ว่าเราจะต้องไม่พอใจแค่นี้ เพราะว่าที่จริงแล้วเรามีจุดที่ต้องปรับปรุงอีกเยอะ เราต้องปลูกฝังจิตสำนึกขึ้นมา แล้วเสริมมุมมองในเรื่องของมาตรการที่มารองรับ

โรงงานในญี่ปุ่นหลายแห่ง สมมุติว่าเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ซึ่งปกติจะต้องมีน้ำมันเครื่องเลอะเทอะ เขาให้คนงานใส่ชุดขาว ที่จริงน่าจะใส่เสื้อสีกรมท่าหรือสีดำ ๆ เวลาเปื้อนจะได้มองไม่เห็นใช่ไหม เจ้าของบริษัทระบุออกมาเลยว่าต้องใส่ชุดขาว ทุกคนจะได้ระมัดระวัง เพราะชุดตัวเองสีขาว ถ้าเลอะก็จะแย่ ทุกคนจะช่วยกันดูแล เดินเข้าไปพื้นโรงงานแทบจะนอนได้เลย สะอาดกว่าออฟฟิศทั่วไปอีก พอเป็นอย่างนี้เขาบอกว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นมาคุณภาพดี เพราะทุกคนใส่ใจทุกรายละเอียด สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยหมด

ถ้าหากว่าท่านใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ให้ไปดูบ้านพักคนงานที่ทำเป็นเพิงสังกะสีพออยู่ได้ชั่วคราว ไปดูขยะที่เขาทิ้งกันเกลื่อนกลาด ให้รู้เลยว่าถ้าเป็นอย่างนี้ ผลงานไม่มีทางได้ดี เพราะคนงานเขาคุ้นกับความสกปรก คุ้นกับของที่หยาบ ๆ ฉะนั้นมาตรฐานในการก่อสร้างของเขาก็คือมาตรฐานเหมือนบ้านที่เขานอน โฟร์แมนจะควบคุมอย่างไร วิศวกรจะคุมงานอย่างไร ก็ดีขึ้นมานิดหน่อย เพราะเขาคุ้นกับมาตรฐานของบ้านที่เขาอาศัยอยู่ ฉะนั้นถ้าอยากจะให้งานดี ให้ไปดูถึงบ้านของคนงานด้วย ต้องให้สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย ยอมลงทุนตรงนี้นิดหนึ่ง คุณภาพจะดีขึ้น ตอนนี้หลายบริษัทเริ่มจับหลักได้ เวลาทำบ้านพักคนงาน ไม่ได้ทำปุ ๆ ปะ ๆ แบบเก่าแล้ว เริ่มทำแบบเป็นหลักเป็นฐานพอสมควรแล้ว ดูแลความเป็นระเบียบดีพอสมควร ถ้าอย่างนี้คุณภาพงานจึงจะดี

ใครเป็นเจ้าของกิจการไม่เฉพาะรับเหมาก่อสร้าง งานทุกประเภทถ้าหากที่ทำงานสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย ผลงานจะดีขึ้น อานุภาพแห่งความสะอาดจะส่งผลต่อผลงานอย่างมหาศาล แต่ถ้าปล่อยทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ สกปรกรกรุงรัง แล้วทุกคนมองสิ่งเหล่านี้จนชิน งานที่ออกมายากจะดี

ฉะนั้น ให้เราทุกคนที่ทราบความสำคัญของเรื่องนี้เริ่มทำจากตัวเราก่อน จากที่ทำงานของเรา บ้านของเรา แล้วขยายวงกว้างไปสู่จุดที่เราทำได้ สู่ชุมชน สู่บริษัทที่ทำงาน แม้เราไม่ใช่เจ้าของบริษัท เราก็ปลุกกระแสทำความสะอาดได้ รับรองเจ้าของบริษัทมีแต่ชอบ ไม่มีใครรังเกียจความสะอาดหรอก เห็นประโยชน์กันทั้งนั้น รณรงค์จากระดับล่างขึ้นมาก็ได้ เราจะกลายเป็นคนที่มีคุณค่าและมีคุณภาพ สิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้นมากมาย ให้เริ่มจากตัวเราก่อน เล็บมือ เล็บเท้า เนื้อตัว ผมเผ้า ดูแลให้สะอาด อย่าให้คนเข้าใกล้ แล้วอุดจมูก ดูแลความสะอาดของร่างกายให้ดี พอทำได้แล้วจะขยายไปถึงบ้าน ที่ทำงาน บริษัท ชุมชน ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีตามไปหมด อย่าหวังว่าเราอยู่เฉย ๆ เดี๋ยวประเทศก็ดีไปเอง ต้องเริ่มจากเราและทุกคนช่วยกัน จึงจะยกระดับขึ้นมาทั้งหมด แล้วเราชาวไทยทุกคนก็จะสะอาดทั้งกาย ทั้งใจ ประเทศของเราก็จะมีศรีสง่า นักท่องเที่ยวมาเห็นก็ชื่นใจ ประเทศไทยสะอาดสะอ้านจังเลย เขาก็จะแห่มากันใหญ่ ไม่ใช่ชายหาดสวยจัง น้ำทะเลก็สวย เสียอย่างเดียวขยะเยอะไปหน่อย อย่างนี้ก็แย่ ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ แล้วจะดึงดูดทรัพย์เข้าประเทศอีกมหาศาล เพราะว่าใครมาถึงเขาก็ประทับใจ

Cr. พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ) M.D.; Ph. D.
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๘๑ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑
โลกสวยด้วยมือเรา โลกสวยด้วยมือเรา Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 23:11 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.