มิงกะลาบา…เยือนเมียนมาค้นหาคัมภีร์ (ตอนที่ ๒)
แผ่นศิลาแกะสลักที่ใช้ปิดสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แห่งศรีเกษตร |
ชาวปยูเป็นชนชาติแรกของเมียนมาที่มีอารยธรรมแบบสังคมเมือง
มีการปกครองแบบนครรัฐ และได้สถาปนานครรัฐขึ้นหลายแห่ง เมืองเก่าแก่ที่สุดคือเมืองเบกถาโน
(Beikthano) ทางตอนกลางของดินแดนที่เป็นประเทศเมียนมาในปัจจุบัน
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในช่วงก่อนพุทธศักราช ต่อมาจึงสร้างที่เมืองมองกะโม (Maingmaw)
เมืองศรีเกษตร (Sri Ksetra) และเมืองฮาลิน (Halin) ตามลำดับ
โดยศรีเกษตรนับเป็นนครรัฐที่มีอิทธิพลมากที่สุดเป็นที่รู้จักกันในนามอาณาจักรศรีเกษตร
ซึ่งแปลว่า ดินแดนแห่งความโชคดี อาณาจักรของชาวปยูรุ่งเรืองยาวนานกว่า ๑,๐๐๐
ปี จนกระทั่งล่มสลายไปในราว พ.ศ. ๑๔๐๐
เนื่องจากการรุกรานของชนชาติมอญและอาณาจักรน่านเจ้า หลังจากนั้นก็ตกอยู่ใต้อำนาจและผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรพุกาม
ชาวปยูมีภาษาพูดของตนเอง
เป็นภาษาโบราณในตระกูลภาษาย่อยทิเบต-พม่า และกลายเป็นภาษาตายในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗
นักประวัติศาสตร์ได้พยายามตีความหมายจารึกภาษาปยูบางส่วนเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.๒๔๕๔
แต่เนื่องจากหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนั้นมีไม่มากนัก
ทำให้ปะติดปะต่อเรื่องราวและรวบรวมข้อมูลได้ไม่มากเท่าที่ควร เช่น
จารึกบนผอบหินฝังอยู่ที่เมืองศรีเกษตร ข้างในบรรจุขี้เถ้า ลูกปัด และอัญมณี
ที่แสดงถึงธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับงานศพในยุคประวัติศาสตร์ตอนต้น
ปรากฏภาษาปยูเป็นข้อความสั้น ๆ ระบุว่า “กษัตริย์พระนามว่า Harivikrama เสด็จสวรรคตในวันที่
๙ เดือน ๒ ปี ๔๑ รวมพระชนมายุได้ ๕๒ ปี ๗ เดือน ๔๒ วัน” ซึ่งนักประวัติศาสตร์ขณะนั้นสามารถสรุปข้อมูลสั้น
ๆ จากรอยจารึกดังกล่าวได้แค่เพียงว่า ราชวงศ์ที่ปกครองอาณาจักรศรีเกษตรชื่อ Vikrama
แม้แต่ช่วงเวลาที่ราชวงศ์ดังกล่าวเฟื่องฟูก็มิอาจสรุปได้
เนื่องจากปีที่ระบุไม่แน่ชัดว่าเป็นปีของยุคสมัยใด
ดังจะเห็นได้ว่ารูปแบบศาสนสถานโบราณที่หลงเหลืออยู่ในประเทศเมียนมาในปัจจุบันหลายแห่ง
แม้แต่เจดีย์ชเวดากองเองก็มีเค้าโครงรากฐานมาจากสถาปัตยกรรมของชาวปยู
ซึ่งได้รับอิทธิพลด้านพระพุทธศาสนาและสถาปัตยกรรมจากชมพูทวีป
เมื่อชาวปยูรับอารยธรรมอินเดียมาแล้ว
ก็นำมาประยุกต์ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของตนได้อย่างลงตัว เช่น
สถูปแห่งเมืองเบกถาโน (Beikthano) ที่แสดงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในยุคพุทธศตวรรษที่
๖-๑๐ มีรูปทรงเป็นทรงกระบอก คล้ายกับสถูป Mohra Moradu แห่งเมืองตักศิลา
ปัจจุบันอยู่ในประเทศปากีสถานหรือวิหารเบเบจี (Bebe Gyi) และวิหารเลเมียทนา
(Limyethna) แห่งเมืองศรีเกษตรก็เป็นต้นแบบการสร้างวิหารในสมัยพุกาม
เป็นต้น
สถูป Khin Ba แห่งศรีเกษตร |
ข้อความภาษาบาลีบนแผ่นลานทองเป็นข้อมูลสำคัญด้านอักขรวิธี
อีกทั้งยังเป็นหลักฐานสำคัญในการศึกษาเปรียบเทียบภาษาบาลีในยุคอดีตและภาษาบาลีที่ศึกษาในปัจจุบัน
Dr. Alexander Wynne ซึ่งเคยร่วมงานกับโครงการพระไตรปิฎก
ฉบับวิชาการ เคยนำเนื้อหาภาษาบาลีที่ปรากฏบนจารึกลานทองคำอายุพันกว่าปี
กับเนื้อความพระไตรปิฎกใบลานอายุหลายร้อยปี
และเนื้อความในพระไตรปิฎกบาลีฉบับพิมพ์ที่ใช้แพร่หลายในปัจจุบันมาเปรียบเทียบ
พบว่าเนื้อความสอดคล้องกันอย่างมากทีเดียว
แม้ว่าเรื่องราวของชาวปยูจะหายไปหลังจากอาณาจักรล่มสลาย
แต่สิ่งที่ชาวปยูได้สร้างไว้ในอดีตเมื่อหลายพันปี ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถานหรือโบราณวัตถุ
ก็ยังประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อการศึกษาค้นคว้าให้อนุชนรุ่นหลังของเมียนมาได้ศึกษารากเหง้าวัฒนธรรมของตน
ทั้งยังเป็นประโยชน์แก่นักวิชาการและผู้ที่สนใจจากทุกมุมโลกที่เข้ามาศึกษา
ชาวปยูสร้างทุกสิ่งด้วยความรัก ความศรัทธา และเพื่อประโยชน์ในการดำรงชีพ
แต่สิ่งเหล่านั้นยังทรงคุณค่าต่อมาอีกพันกว่าปี
เช่นเดียวกันสิ่งที่พวกเราร่วมแรงร่วมใจกันสถาปนาขึ้นมาเพื่อความรุ่งเรืองแห่งพระพุทธศาสนาในปัจจุบันย่อมยังประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลังที่ตามมาเฉกเช่นเดียวกันอย่างแน่นอน
-------------------------------------------------
-------------------------------------------------
ขอขอบคุณภาพประกอบและข้อมูลจาก
Guy, J. (2014). Lost Kingdoms:
Hindu-Buddhist Sculpture of Early Southeast Asia (Metropolitan
Museum of Art). : Yale University
Press.
Cr. Tipitaka (DTP)
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๘๑ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑
มิงกะลาบา…เยือนเมียนมาค้นหาคัมภีร์ (ตอนที่ ๒)
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
05:31
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: