ชีวิตที่โปรยไปด้วยกลีบกุหลาบของพรรสรร กำลังเอก
จากการที่ CNN หรือ Cable
News Network สำนักข่าวยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาได้แพร่ภาพข่าวการเดินธุดงค์
จนกลายเป็นความฮือฮาไปในระดับโลกอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งยังกลายเป็น Talk of the Town ในหน้าหนังสือพิมพ์ ทีวี หรือแม้แต่ในระบบ Social
Network ต่าง
ๆ เช่น Facebook
วันนี้..เราจะพาคุณมาเจาะลึก
เพื่อทราบถึงข้อมูลที่แตกต่าง จากความในใจของเซเล็บฯ (celebrity) หรือไฮโซระดับประเทศว่า
มีมุมคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
พรสรร กำลังเอก หรือ คุณแดง ตัวแทนไฮโซ ผู้เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง
ที่เป็นถึงลูกสาว ดร.ถาวร-ดร.อุษา พรประภา
ผู้ก่อตั้งบริษัทสยามกลการ จำกัด
และบริษัทในเครือกว่า ๕๐ บริษัท อีกทั้งผู้คนจำนวนมากยังรู้จักเธอดีในฐานะภริยา พลเอกอาทิตย์
กำลังเอก อดีตผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุด
“ทันทีที่ทราบว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ท่านเมตตาให้พระลูกชาย (พระประพุทธ พุทฺธิพโล) เป็นตัวแทนในการเดินธุดงค์อัญเชิญรูปหล่อทองคำหลวงปู่ในครั้งนี้ด้วย
ก็ปลื้มใจมาก ถือเป็นวาสนาของพระลูกชายที่ครั้งหนึ่งในชีวิตของท่าน
จะได้มาสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ส่วนเราในฐานะโยมแม่ก็รู้สึกว่า
ต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้เราได้บุญใหญ่ไปกับท่านและคณะพระธุดงค์ด้วย ดังนั้นเราจึงช่วยรับบุญในส่วนของการประสานงานสถานที่พักค้าง
และที่พักระหว่างทางให้กับคณะพระธุดงค์หลายต่อหลายแห่ง เช่น สนามกีฬาธูปะเตมีย์ โรงเรียนสารวิทยา กรมการขนส่งทางบก สนามเทพหัสดิน ศูนย์สุขภาพกองทัพอากาศ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ซึ่งบางแห่งที่เข้าไปประสานงาน เขาก็ถามเราว่า การเมืองหรือเปล่า
เราก็ตอบว่า พลเอกอาทิตย์ท่านไม่มีการเมืองหรอกหรอกค่ะ
เพราะเราจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิต
แต่เราเข้ามาช่วยในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนไทยที่รักประเทศ
อยากจะเห็นความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนา และสิ่งดี ๆ
เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทยของเราบ้าง เพราะที่ผ่านมา บ้านเมืองเราเต็มไปด้วยปัญหาความขัดแย้ง
เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จนบ้านเรือนจมลงไปกับน้ำ หนำซ้ำเศรษฐกิจยังตกต่ำ
ทำให้ประชาชนได้รับความบอบช้ำสูญเสียมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“จากเหตุการณ์นี้...ทำให้เรามาคิดว่า
เป็นเพราะบุญของประเทศพร่องลงไปหรือเปล่า ถึงได้เกิดปัญหาวุ่นวายบนผืนแผ่นดินไทยเรามากขนาดนี้
และเมื่อคิดดังนี้
หากมีกิจกรรมใดที่จะช่วยเติมบุญเพื่อให้ประเทศชาติดีขึ้น เราก็พร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ขวัญและกำลังใจของคนในประเทศกลับคืนมาเร็วที่สุด
เพราะกิจกรรมที่สร้างความเลื่อมใสศรัทธาและเป็นบุญกุศลนี้เอง จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังใจให้คนไทยมีพลังขับเคลื่อนลุกขึ้นมาสู้ชีวิตได้เร็วกว่าเดิม
“ที่สำคัญในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ
ก็ต้องดำเนินรอยตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล
ครั้งที่เมืองไพศาลีประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่ ข้าวยากหมากแพง เกิดโรคระบาด
มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ขณะนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา
ท่านเสด็จไปโปรดชาวเมืองไพศาลีพร้อมกับคณะพระภิกษุที่มากถึง ๕๐๐ รูป ครั้งนั้นพระเจ้าพิมพิสาร จัดเตรียมการส่งเสด็จอย่างยิ่งใหญ่
บูชาด้วยดอกไม้ของหอม โปรยด้วยดอกไม้ ๕ สี ประดับธงชัย กั้นเศวตฉัตร
และโปรดให้สร้างวิหารไว้สำหรับพักตลอดเส้นทาง จนท้ายที่สุดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จไปถึงเมืองไพศาลี
และด้วยอำนาจพุทธบารมี ทำให้ภัยพิบัติทั้งมวลมลายหายสูญไปทั้งหมด
ชาวเมืองที่ล้มป่วยก็หาย อมนุษย์ภูตผีปีศาจก็หลบหนีไป และที่สำคัญ
ชาวเมืองกว่า ๘๔,๐๐๐ คน มีดวงตาเห็นธรรมหลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงรัตนสูตรจบลง...”
ทำไม..ต้องเดินธุดงค์ในเมือง
“..เพราะนอกเมือง..ก็เดินธุดงค์กันไปแล้วถึง ๓๖๕ กิโลเมตร ในวันที่ ๒-๒๕
มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเขตในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย เช่น จ.ปทุมธานี
จ.นนทบุรี จ.อยุธยา จ.สุพรรณบุรี จ.นครปฐม
และได้รับกระแสการตอบรับจากพี่น้องประชาชนดีมากอย่างไม่น่าเชื่อ คือ
บางคนถึงกับปล่อยโฮร้องไห้ออกมา แล้วพูดด้วยความตื้นตันว่า นานแล้ว
ไม่ได้เห็นอะไรดี ๆ อย่างนี้เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทย หรือในกรณีของเจ้าของโรงงานวินลี่คอมฟอร์ท
จากเดิมพื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงงานไม่มีคนมาเช่าเลย หนำซ้ำน้ำยังท่วมสูงเป็นเมตร
เนื่องจากอยู่ใน จ.นนทบุรี แต่หลังจากได้ต้อนรับคณะพระธุดงค์ผ่านไปแค่ ๗
วันเท่านั้น ด้วยบุญบันดาลอย่างไรก็ไม่ทราบ
อยู่ ๆ ก็มีคนมาติดต่อขอเช่าพื้นที่โรงงาน
ทำให้มีรายได้จำนวนมากเข้ามาทันทีเป็นตัวเลขที่สูงมาก
“..มากไปกว่านั้น ในฐานะที่เราเป็นตัวแทนของคนที่อยู่ใจกลางเมือง
เพราะบริษัทเราตั้งอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาหลายสิบปีแล้ว ทำให้ได้เห็นวิถีชีวิตของคนเมืองมาตลอดว่า
ไม่ค่อยมีเวลาไปทำบุญเลย ผิดกับชาวชนบท ที่พอตื่นขึ้นก็ได้สูดอากาศบริสุทธิ์
มีเวลาตักบาตร หิ้วปิ่นโตไปทำบุญที่วัดใกล้บ้าน ก่อนจะไปทำไร่ ทำนา
ตรงกันข้ามกับชาวกรุง ที่ต้องอยู่ในภาวะรีบเร่งตลอดเวลา แย่งกันขึ้นรถไฟฟ้า
รีบวิ่งข้ามถนน บีบแตรกันดังแป๊น ๆ ขับรถปาดกันไปปาดกันมา เบรกดังเอี๊ยดอ๊าด ๆ
ควันโขมงลอยตลบอบอวล รถติดแทบจะไม่เว้นแม้แต่วันเดียว และท่ามกลางความสับสนวุ่นวายที่มากขนาดนี้
จะดีสักเพียงไร.. หากมีภาพอันสงบน่าเลื่อมใสศรัทธาเกิดขึ้น
เพื่อยังจิตใจมนุษย์ให้หวนนึกถึงสิ่งดีงามที่เป็นบุญกุศลบ้าง
แม้การเดินธุดงค์สู่ใจกลางกรุง จะทำให้รถติดเพิ่มขึ้นอีกนิด แต่กลับเกิดสิ่งดี ๆ
ขึ้นมากมายอย่างแตกต่างกว่าทุกวันที่ดูวุ่นวายจนเครียด และที่สำคัญ
การต้อนรับคณะพระธุดงค์จำนวนมาก อย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนบนโลกนี้
เป็นการเปิดหนทางสวรรค์และให้โอกาสกับพี่น้องชาวไทย
เพื่อมาร่วมกันสร้างกุศลให้กับตัวเอง แม้จะไม่มีเวลาไปวัดก็ตาม
คุณแดงและลูกน้องในบริษัทสยามอินเตอร์เนชั่นแนล ออกมาร่วมโปรยกุหลาบต้อนรับพระธุดงค์ |
“เมื่อถึงวันนี้... เรารู้สึกภูมิใจว่า..ตัวเองคิดไม่ผิดเลย
ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำความสำเร็จตรงนี้ให้เกิดขึ้น เพราะ CNN ได้เอาภาพเหตุการณ์นี้เผยแพร่ไปทั่วโลก
ซึ่งก่อให้เกิดผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะชาวต่างชาติจะได้รู้สึกดีกับประเทศไทยเรามากขึ้น...”
ผิดไหม..ที่ไม่เดินธุดงค์ในป่า
“ตรงนี้..ได้ความรู้จากท่านเจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม พระธรรมกิตติวงศ์
(ทองดี สุรเตโช) ซึ่งท่านเป็นถึงพระมหาเถรานุเถระผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรม ในระดับ
ป.ธ.๙ และเป็นราชบัณฑิต ซึ่งท่านได้เมตตาอธิบายไว้ชัดว่า การถือปฏิบัติธุดงค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ทั้งหมด ๑๓ ข้อ ซึ่งใน ๑๓ ข้อ
ก็มีเพียงข้อเดียวเท่านั้น ที่กำหนดว่าต้องอยู่ป่า ส่วนอีก ๑๒ ข้อนั้น
พระภิกษุผู้ถือธุดงควัตรจะอยู่ที่ไหนก็ได้ ไปที่ไหนก็ได้ คืออยู่กับที่ก็ได้ เดินก็ได้
เข้าเมืองก็ได้...”
การเดินธุดงค์ครั้งนี้
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าลำบากมาก..ทำไมดีใจที่พระลูกชายเดิน
“คำถามตรงนี้...ทำให้ย้อนนึกถึงตอนที่ลูกชายอายุ
๗-๘ ขวบ เราตัดสินใจส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ทั้งที่หลายคนก็ทัดทานว่า ลูกยังเด็กไป
เราเป็นแม่ใจร้ายที่ไม่ห่วงลูก แต่แท้จริงแล้ว
เพราะรักและเป็นห่วงลูกมากต่างหากถึงต้องใจแข็งทำอย่างนั้น เนื่องจากเราอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกคนเดียวของเรา
เนื่องจากอยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษให้เหมือนเจ้าของภาษา
และที่สำคัญด้วยความที่ลูกชายเราเกิดในตระกูลที่มีฐานะ มีชื่อเสียง มีความพร้อมในทุกด้าน
มีแต่คนห้อมล้อมเอาอกเอาใจทำโน่นทำนี่ให้ตลอดเวลา
อีกทั้งเรากับลูกก็อยู่ติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ ด้วยเหตุนี้
จึงกลัวว่า..เมื่อลูกโตขึ้นจะทำอะไรไม่เป็น
“ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ผู้เป็นแม่อย่างเราต้องฝืนใจเป็นอย่างมาก
โดยพาลูกบินไปอังกฤษ ชวนเขาไปเที่ยวและก็ถามเขาว่า
‘ถ้ามามี้ให้อยู่ที่นี่จะอยู่ได้ไหม’ ซึ่งลูกก็ตอบว่า ‘อยู่ได้’
แต่สักครู่เขาก็ตาแดงน้ำตาคลอเบ้าเลย จนเราถามว่า ‘ร้องไห้ทำไม’ เขาก็เข้มแข็งนะ
บอกเราว่า ‘ผงเข้าตา’
แต่ความรู้สึกของแม่ที่เห็นลูกร้องไห้ต่อหน้าและก็ต้องจากกันตอนนั้น
เราต้องฝืนเป็นที่สุดเลย พยายามข่มใจจากลูกมา
เพราะเราอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับคนที่เรารักที่สุด
“อีกทั้งโรงเรียนที่ประเทศอังกฤษในสมัยก่อน
ไม่เหมือนโรงเรียนอังกฤษในสมัยนี้นะ เพราะเมื่อส่งลูกเข้าเรียนแล้ว
อาจารย์เขาจะไม่ให้โทรศัพท์ไปหาลูก หรือไม่อนุญาตให้เยี่ยมลูกในช่วงแรก ๆ เลย
ยกเว้นปิดเทอม เพราะเป็นช่วงที่เด็กกำลังปรับตัว ถ้าโทรไปหรือให้เด็กพบผู้ปกครอง
เด็กก็จะร้องไห้ขอกลับบ้าน และถ้าเราใจอ่อน ก็จะไม่ได้อะไรกันทั้งเด็กและผู้ปกครอง
“ตอนนั้นยอมรับว่าคิดถึงลูกที่สุดเลย บางทีต้องไปยืนน้ำตาคลอ
เกาะรั้วโรงเรียนยืนมองลูกอยู่ห่าง ๆ แต่สุดท้ายลูกก็เรียนจบ คว้าปริญญาตรีสาขา Economics and Management จาก Royal Holloway, University of London และปริญญาโทสาขา Analysis Design and Management of
Information Systems จาก London
School of Economics กลับมาให้เราชื่นใจ
“ทุกวันนี้รู้สึกว่า ตัวเองตัดสินใจไม่ผิดที่ส่งลูกไปตอนนั้น
เพราะลูกกลายเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เราคิดไว้เยอะมาก ทำอะไรยาก ๆ
ได้ด้วยความสามารถของตัวเอง เก่งภาษาอังกฤษ มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่เอาแต่ใจ เพราะอยู่ต่างบ้านต่างเมืองจะมาใช้อภิสิทธิ์
อยากได้โน่นได้นี่เหนือคนอื่นไม่ได้ ดังนั้นนิสัยการเข้ากับคนง่าย
และไม่เอาแต่ใจตัวเอง จึงถูกฝึกให้เกิดขึ้นกับลูกเองอย่างอัตโนมัติ
"เช่นกัน.. การที่แม่อย่างเรายอมให้พระลูกชายเดินธุดงค์ในครั้งนี้
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าท่านจะต้องลำบากมาก เพราะฉันแค่มื้อเดียว ต้องเดินตากแดดเปรี้ยงๆ
อีกทั้งระยะทางยังไกลมากที่สุดในชีวิตที่เคยเดินมาเลย
แล้วยังต้องเดินติดต่อกันหลายวัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าท่านจะสู้ไหวหรือเปล่า
แต่พอท่านเดินถึงจุดหมายในแต่ละวัน ท่านก็จะยิ้มให้และบอกว่า
พระสบายดี..ไม่เป็นไรโยมแม่ ซึ่งในความเป็นแม่เราก็รู้ว่า ท่านไม่ได้สบาย..อย่างที่พูดหรอก
แต่ท่านต้องการแสดงความเข้มแข็งออกมาเพื่อให้โยมแม่อย่างเราหมดห่วง
จนเราเกิดความรู้สึกซาบซึ้งและภูมิใจในตัวพระลูกชายว่า ท่านมีเลือดนักสู้นะ..
ท่านเข้มแข็งบนเส้นทางชีวิตสมณะที่ท่านเลือกเดิน
ซึ่งเราก็ขอเป็นกำลังใจให้ท่านเดินบนเส้นทางบุญนี้อย่างสมภาคภูมิ ถึงแม้เราจะทำคนละหน้าที่
แต่ก็เป็นหน้าที่ที่เสริมกัน ซึ่งก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
และที่สำคัญที่สุด พระลูกชายอยากจะเป็นเนื้อนาบุญให้กับเราผู้ให้กำเนิดท่านมา
ซึ่งพอท่านเห็นเรามาโปรยกุหลาบ พาพนักงานในบริษัทออกมาโปรยกุหลาบต้อนรับ ท่านปลื้มมาก
เพราะท่านคิดเสมอว่า ถ้าโยมแม่อยู่ในเส้นทางบุญนี้มากเท่าไร
ท่านก็จะยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น เช่นเดียวกัน
ถ้าเราเห็นพระลูกชายมีความสุขมากเท่าไร เราก็มีความสุขมากไม่แพ้ท่านเหมือนกัน...
คุณพรรสรร กำลังเอก กำลังกราบอนุโมทนาบุญพระลูกชายที่ร่วมเดินธุดงค์ด้วย |
หลังจากสิ้นสุดการเดินธุดงค์แล้ว
พระลูกชายบอกว่า ท่านได้อะไรเยอะมาก เพราะได้ฝึกในการเป็นพระแท้ที่สมบูรณ์แบบ
คือ ฝึกความมีวินัย เคารพ อดทน ในระดับที่มากกว่าปกติอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
เพราะท่านต้องทำสมาธิในขณะเดินอย่างยิ่งยวด โดยตรึกในกลางองค์พระให้ได้ตลอดเวลา
เพื่อใจของท่านจะได้ไม่ไปผูกกับทุกขเวทนา หรือสิ่งที่มากระทบภายนอกร่างกาย
ตั้งแต่ความร้อนของอากาศ ความเจ็บของเท้า ความหนักของสัมภาระ
และความหิวที่เกิดขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้ ถือเป็นความอัจฉริยะของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ที่ท่านคิดวิธีฝึกพระลูกวัดของท่านให้มีความอดทนเข้มแข็ง มีวินัย มีคุณภาพ
เพื่อเป็นกำลังให้กับพระพุทธศาสนาสืบไป...”
Cr. ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์ สำนักสื่อธรรมะ
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๑๕
เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
ชีวิตที่โปรยไปด้วยกลีบกุหลาบของพรรสรร กำลังเอก
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
19:59
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: