ธรรมยาตรามีในสมัยพุทธกาลไหม ?


ธรรมยาตรามีในสมัยพุทธกาลไหม ?

มีการโปรยดอกไม้แบบเว่อร์วังอลังการด้วยไหม ?

แล้วกล่าวสาธุกันตลอดทางล่ะ..อย่างนี้ก็ได้ด้วยหรือ ?

ผู้เขียนเชื่อว่า..ผู้อ่านที่เปิดมาอ่านบทความนี้ ต้องสนใจกิจกรรมธรรมยาตราของวัดพระธรรมกายไม่ทางลบ ก็ทางบวก !!!

ไม่ว่าผู้อ่านจะคิดอย่างไรกับกิจกรรมนี้ ผู้เขียนก็คงห้ามหรือเปลี่ยนความคิดอะไรของใครไม่ได้

แต่เมื่อมีเหตุที่ต้องมาเจอบทความนี้แล้ว ก็อยากให้ได้มุมมองอะไรใหม่ ๆ ไป เพื่อจะได้เข้าใจเรื่องราวแท้จริงของธรรมยาตราในสมัยพุทธกาล

ถ้าผู้อ่านเป็นคนชอบอ่านพระไตรปิฎก ก็จะรู้ทันทีว่า วัดพระธรรมกายไม่ได้ซี้ซั้วทำโครงการนี้จากการมโนขึ้นมาเอง เพราะธรรมยาตรา ถือเป็นพุทธประเพณีที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลจริง ๆ และที่สำคัญพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงเป็นผู้นำเดินธรรมยาตราด้วยพระองค์เองอีกด้วย

ดังนั้นการที่วัดพระธรรมกายจัดกิจกรรมตามอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำตามพุทธประเพณี ก็ไม่ใช่สิ่งผิดประการใดเลย อีกทั้งยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องสืบสานด้วยซ้ำ เพราะก่อนหน้านี้ แทบจะไม่มีใครสนใจพุทธประเพณีอันดีงามนี้เลย แม้จะมีหลายองค์กรจัดกิจกรรมแบบนี้ขึ้น แต่ก็ยังเป็นกระแสที่เงียบมาก

จนกระทั่งวันหนึ่ง วัดพระธรรมกายทำโครงการนี้ขึ้นมา แม้จะโดนด่าในเบื้องต้น ก็ถือเป็นสิ่งดีมาก เพราะกลายเป็นกระแสที่ทำให้ทั้งประเทศหันกลับมามองและศึกษาว่า..จริง ๆ แล้วธุดงค์หรือธรรมยาตราคืออะไรกันแน่ ? และเมื่อศึกษา ถกเถียงกันแล้ว ประชาชนก็จะได้ความรู้เพิ่ม ส่วนวัดพระธรรมกายก็ได้นำไปพัฒนาให้ดีขึ้น โดยปีนี้ทางวัดได้เน้นกิจกรรมในพื้นที่ เพิ่มกิจกรรมสาธารณประโยชน์ มอบทุนการศึกษา ซึ่งถือว่า..โครงการนี้เข้ามาฟื้นฟูทดแทนส่วนที่หายไปของสังคมไทยอย่างแท้จริง

ธรรมยาตรามีในสมัยพุทธกาลไหม ?

มี และมีหลายครั้งด้วย ซึ่งธรรมยาตราในสมัยพุทธกาลก็ไม่ได้ทำกันแบบเล็ก ๆ อย่างที่เราคิด อย่างในครั้งที่พระองค์เสด็จไปโปรดพระประยูรญาติและชาวเมือง พระองค์ทรงนำพระภิกษุมากถึง ๒๐,๐๐๐ รูป เสด็จธรรมยาตราออกจากกรุงราชคฤห์ไปกรุงกบิลพัสดุ์  โดยเดินทางไกลถึงวันละ ๑ โยชน์ (๑๖ กิโลเมตร) เป็นเวลานานถึง ๒ เดือน ซึ่งผู้เขียนก็มาคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าสมัยนั้นมีกินเนสเวิลด์เรคคอร์ด ก็คงมีบันทึกไว้ว่า..มีธรรมยาตรายาวที่สุดในโลก เพราะระยะทางราว ๙๙๒ กิโลเมตรเลยทีเดียว (ซึ่งมากกว่าวัดพระธรรมกายเดินมาก) !!!

ครั้นพอไปถึงแล้ว พระประยูรญาติและชาวเมืองทั้งหมดแห่กันออกมาทำการต้อนรับ พากันถือดอกไม้และของหอมออกไปรับเสด็จกันจำนวนมหาศาล ทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถรวมคนจำนวนมากมาฟังพระองค์ได้ในคราวเดียว

เท่านั้นยังไม่พอ พระพุทธองค์ยังทรงแสดงปาฏิหาริย์ครั้งยิ่งใหญ่ คือพระองค์ทรงเสด็จจงกรมเหนือรัตนจงกรมในอากาศ ทำให้ทุกคนตื่นตาตื่นใจมาก เพื่อสยบทิฐิพระประยูรญาติก่อนแล้วค่อยโปรดสอน (อ่านเพิ่มเติมใน อรรถกถา ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ รัตนจงกรมกัณฑ์) 


ส่วนธรรมยาตราที่โด่งดังมากอีกครั้ง ก็คือ หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดชฎิล ๓ พี่น้องและบริวารจนบรรลุอรหัตผลกันหมดแล้ว พระองค์ก็ทรงพาพระสาวกใหม่ทั้ง ๑,๐๐๓ รูป ธรรมยาตราเดินทางเข้าเมืองราชคฤห์ เพื่อโปรดพระเจ้าพิมพิสาร และเมื่อข่าวการเสด็จพร้อมด้วยพระสาวกจำนวนมากดังขจรขจายไปทั่วสารทิศ ก็ทำให้พระเจ้าพิมพิสารทรงทราบ จึงรีบเสด็จมาเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมพราหมณ์และคหบดีชาวมคธมากถึง ๑๒ นหุต จึงเป็นเหตุให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เทศน์โปรดคนได้คราวละจำนวนมาก ๆ ไม่ใช่ลำพังแค่พระเจ้าพิมพิสารเพียงองค์เดียว ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์การเผยแผ่พระศาสนาที่ได้ผลมากจริงๆ(อ่านเพิ่มเติมที่ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ ทรงเทศนาโปรดพระเจ้าพิมพิสาร เสด็จพระนครราชคฤห์ครั้งแรก )

 
มีการโปรยดอกไม้แบบเว่อร์วังอลังการด้วยไหม ?

มี และมียิ่งกว่าที่วัดพระธรรมกายทำอีก เพราะในครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงนำเหล่าภิกษุสงฆ์ 500 รูป  ธรรมยาตราไปโปรดชาวเมืองเวสาลีช่วงที่ประสบภัยพิบัติร้ายแรง ครั้งนั้นพระเจ้าพิมพิสารก็ทรงมีรับสั่งให้ปรับพื้นที่เส้นทางเสด็จ และเตรียมการอย่างมโหฬารสั่งให้สร้างวิหารซึ่งใช้เป็นที่ประทับในทุก ๆ ๑ โยชน์   และเมื่อถึงวันที่พระพุทธองค์เสด็จ พระเจ้าพิมพิสารก็ทรงตั้งขบวนรับเสด็จ โดยจัดให้มีการโปรยดอกไม้ 5 สีแบบจัดหนัก คือ โปรยสูงถึงหัวเข่ากันทีเดียว  ซึ่งถือว่าการต้อนรับพระพุทธองค์ในครั้งนั้น ได้ทำแบบจัดเต็ม จัดแบบอลังการงานสร้าง เพราะประชาชนทั้งเมืองต้องมาช่วยกัน เพื่อไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยทีเดียว (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน อรรถกถา ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ รัตนสูตรในขุททกปาฐะ พรรณนารัตนสูตร ,อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปกิณณกวรรคที่ ๒๑ ปกิณณกวรรควรรณนา ๑. เรื่องบุรพกรรมของพระองค์ )



   
แล้วกล่าวสาธุกันตลอดทางล่ะ..อย่างนี้ก็ได้ด้วยหรือ ?

สมัยก่อนเขาจะเรียกการกล่าวสาธุแสดงความเคารพกันเป็นทอด ๆ ตลอดทางอย่างนี้ว่า “สาธุกีฬา” ซึ่งเรื่องนี้มีปรากฏชัดเจนในสมัยของพระเจ้าอชาตศัตรู ครั้งที่พระองค์ได้จัดงานมหกรรมครั้งยิ่งใหญ่ โดยให้ทำการอัญเชิญพระบรมธาตุ แล้วกล่าวสาธุแสดงความเคารพเลื่อมใสกันเป็นทอด ๆ ซึ่งเรียกกันว่า “สาธุกีฬา” และประชาชนผู้เลื่อมใสก็จะเก็บดอกไม้มาบูชาพระบรมธาตุ ตลอดระยะทางยาวถึง ๒๕ โยชน์ คือ ตั้งแต่กรุงกุสินาราจนถึงกรุงราชคฤห์ โดยทำสาธุกีฬานี้ตลอดต่อเนื่องนานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วันกันเลยทีเดียว (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ อรรถกถา ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร)



หากเราเปิดใจให้กว้าง จะพบว่า..การจัดธรรมยาตราทำให้เกิดสิ่งดีงามบนผืนแผ่นดินไทยมากมาย เพราะเป็นกิจกรรมที่ให้ทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน เพราะพระภิกษุก็ได้ฝึกสติและมีศีลาจารวัตรที่งดงาม ส่วนญาติโยมในพื้นที่ ก็ได้เข้าวัดมาฟังเทศน์ ฟังธรรม นั่งสมาธิ บำเพ็ญกิจกรรมช่วยกันทำความสะอาดวัดวาอารามที่ปู่ย่าตายายเราร่วมสร้างกันมา เพื่อสืบสานพุทธประเพณีอันดีงามนี้ให้ดำรงอยู่คู่สังคมไทยต่อไป

cr. ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์

วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๘๔ เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑

ธรรมยาตรามีในสมัยพุทธกาลไหม ? ธรรมยาตรามีในสมัยพุทธกาลไหม ? Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 06:51 Rating: 5

22 ความคิดเห็น:

  1. สาธุ สาธุ สาธุครับ

    ตอบลบ
  2. สาธุค่ะ ทำแล้วปลื้ม

    ตอบลบ
  3. ดีจังเลยชัดเจนตรงประเด็น

    ตอบลบ
  4. ที่ ที่สำคัญมีเยาวชนของชาติ ที่ที่ได้เห็นพระภิกษุ
    เดินอย่างสง่างาม เดินอย่างมีสติ เป็นแบบอย่าง
    ที่น่าประทับใจ และให้สัมภาษณ์ว่าอยากบวช
    เป็นพระบ้าง (มีวีดิโอ)
    คงไม่มรเยาวชนคนไหน ไปดูคอนเสิร์ตดนตรี
    ดูละคร แล้วบอกว่าอยากบวช หรอก นะครับ

    ตอบลบ
  5. เคยเห็นหรือครับ? โฆษณาชวนเชื่อมากไปหน่อยแล้วมั่ง? แน่จริงแถลงยอดเงินบริจาคแต่ละครั้งสิครับ เงียบมาตลอด ผมศรัทธาพระมงคลเทพมุนี และคุณยายจันทร์อย่างจริงใจ แต่ธัมมี่มาทำลายทั้งศาสนาและวิชชาธรรมกายอย่างสุดๆ วัดปากนำ้ยังแถลงยอดเงินบริจาคมาตลอด นี่ยังไงกัน? วัดหลวงพ่อสด ธรรมกายารามพลอดเสียหายไปด้วย อนิจจา

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. จะเที่ยงคืนยังไม่หลับไม่นอน หลวงพ่อชุบเลี้ยงใช้หนี้หมอให้มาบวชแท้ๆ นังมณี ออเจ้า มิคิดถึงคุณข้าวแดงแกงร้อนเลยนะ
      การแถลงยอด เงินบริจาค นี่เขาก็แถลงกันตลอด อยู่แล้ว การไม่ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว เป็นเรื่องเป็นราว มันจะทำให้พุทธศาสนา วิชชาธรรมกายเสียหายไปได้อย่างไร
      มันเสียหายเพราะลูกศิษย์ชั่วๆ ต่างหาก ที่ถากถ่มคำเสียหายรดหน้าตัวเองทุกวัน เพราะน้อยใจที่เขาไม่ให้ใหญ่คับวัดไปมากกว่านี้
      อยากให้ตาสว่างเสียที ออเจ้า จะสำนึกคุณ ครูบาอาจารย์เมื่อไหร่

      ลบ
  6. อย่าอ้างว่า มุสลิมมาทำลายพระพุทธศาสนาในประเทศไทย เป็นการโฆษณาชวนเชื่อของกองพลจักรพรรดิหัตถ์สวรรค์ทั้งนั้น ผมเคยเป็นสาวกรับใช้ใกล้ชิดธัมมี่มาก่อน เคยเจอมาด้วยตัวเอง หลายต่อหลายครั้ง พูดจริง ๆ ว่าทู่เรศที่สุด แสดงตัวตนออกมาสิครับ ให้โลกรู้ว่าเราเป็นใคร ความอาจหาญยังไม่มีเลย เชื่อในสิ่งเขาเล่ามา ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อวัดปากนำ้ และบารมีของคุณยายจันทร์ ผมขออธิษฐานให้ สาวกที่งมงายทั้งหลายตาสว่างได้คิดเสียที

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ออเจ้า จะกินปูนร้อนท้องหรือป่าวหนอ พวกนี้ ยิ่งเลี้ยงไม่เชื่อง วันข้างหน้าจะเฆี่ยนให้หลังลาย หมกในเวจ ปล่อยไปก็ วิปลาส

      ลบ
  7. Please read my article: Essoteric Teachings of Wat Phra Dhammakaya, Journal of Buddhist Ethics, 2012. You will understand that this cult is doomed

    ตอบลบ
  8. ออเจ้า จะกินปูนร้อนท้องหรือป่าวหนอ พวกนี้ ยิ่งเลี้ยงไม่เชื่อง วันข้างหน้าจะเฆี่ยนให้หลังลาย หมกในเวจ ปล่อยไปก็ วิปลาส

    ตอบลบ
  9. อย่ามาแถเลย ออเจ้าทั้งหลาย เก่งจริงเปิดเผยตัวเองสิครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ยังมีหน้ามาร้องเรียกหาพระพุทธเจ้า
      ยังมีหน้ามาบอกว่า พระพุทธเจ้าให้ทำอย่างนั้นหรือ?
      คนอย่างมันเกิดยังไม่ทันพระพุทธเจ้า ยังเสือกรู้ ว่าพระองค์ปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร
      ยังไปดูถูกนักศึกษา ที่เขาอาสาสมัครมาช่วยงานเอาบุญ แต่ความคิดชั่วๆในใจของมันมาหาว่า หลอกคนมาใช้งาน ไอ้พวกคิดลบ มองโลกในแง่ร้าย เห็นคนดีเป็นคนเลว ศิษย์คิดล้างครู ขอแนะนำให้ไปรับยาแก้โรคจิตประสาท
      ความคิดอัปปรีย์จัญไรสิ้นดี
      ยังมาอวดว่าเป็นศิษย์ใกล้ชิดคุณยาย ถุย...ทู่เรศที่สุด

      ลบ
  10. มันไม่ใช่ธรรมยาตราหรอกครับ เขาเรียกว่า catwalk เดินใน Lotus Land ที่สุพรรณ เดินวนไปก็วนมา บนดอกไม้พระพุทธเจ้าท่านทำอย่างนี้หรือครับ?

    ตอบลบ
  11. ออเจ้าออเขี้ยว ไม่เกี่ยวอะไรกับงานนี้. เจ้ากูทั้งหลายที่บริหารวัดพระธรรมกายอยู่ในขณะนี้ นี่แหละครับตัวดี หน้าด้านไม่มีความเกรงกลัวต่อบาป หาแต่เงินไปวันๆ เอาแรงงาน นักศึกษาชมรมพุทธมาใช้งาน จ่ายเงินถูก เอาเปรียบสาวกมาตลอด ไม่เคยยอมที่จะเปิดเผยยอกบริจาค ทำจนเป็นจารีตประเพณี ที่อัปปรีย์สิ้นดี วัดปากนำ้ ไม่เคยทำอย่างนั้น เจ้ากูวัดพระธรรมกาย ทำมาตลอด ผมเป็นศิษย์ใกล้ชิดคุณยายจันทร์ ครับ ผมทนไม่ไหว จึงต้องออกโรง ผมรักพระพุทธศาสนาและวิชชาธรรมกาย เจ้ากูวัดพระธรรมกาย เหยียบย่ำวิชชานี้มาตลอด ทรยศต่อคำสอนของคุณยายจันทร์ เอาท่านมาอ้าง เพื่อหาเงินและอำนาจ ทู่เรศที่สุด

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ยังมีหน้ามาร้องเรียกหาพระพุทธเจ้า
      ยังมีหน้ามาบอกว่า พระพุทธเจ้าให้ทำอย่างนั้นหรือ?
      คนอย่างมันเกิดยังไม่ทันพระพุทธเจ้า ยังเสือกรู้ ว่าพระองค์ปรินิพพาน ด้วยโรคอะไร
      ยังไปดูถูกนักศึกษา ที่เขาอาสาสมัครมาช่วยงานเอาบุญ แต่ความคิดชั่วๆในใจของมันมาหาว่า หลอกคนมาใช้งาน ไอ้พวกคิดลบ มองโลกในแง่ร้าย เห็นคนดีเป็นคนเลว ศิษย์คิดล้างครู ขอแนะนำให้ไปรับยาแก้โรคจิตประสาท
      ความคิดอัปปรีย์จัญไรสิ้นดี
      ยังมาอวดว่าเป็นศิษย์ใกล้ชิดคุณยาย ถุย...ทู่เรศที่สุด

      ลบ
  12. แสดงตัวตนออกมาสิครับ ผมเป็นลูกศิษย์คุณยายจันทร์ครับ แม้ท่านไม่มีการศึกษาแต่ท่านไม่เคยใช้คำหยาบคาย ออกมา แสดงอาการไม่สุภาพเหล่านี้ ประชาชนทั้งหลายดูเถิดครับว่า ศิษยานุศิษย์ของวัดปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร?

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.