พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่ง


คำถาม : ทำไมเราจึงนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งสูงสุด ทั้ง ๆ ที่พระองค์ก็มาจากมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ?

หลวงพ่อทัตตชีโว : ชาวพุทธที่แท้จริงเป็นคนมีเหตุผล ไม่ใช่คนงมงายเชื่อง่าย การที่คนใดคนหนึ่งจะเลือกใครมาเป็นศาสดาที่เคารพของตนนั้น ที่ถูกต้องแล้วเขาควรจะคำนึงถึงประวัติของศาสดานั้น ๆ เสียก่อนว่า

๑. เป็นบุคคลที่มีประวัติชัดแจ้ง มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์โลก ไม่ใช่เป็นเพียงบุคคลที่ประวัติไม่ชัดแจ้ง คลุมเครือ ไม่น่าเชื่อถือ

๒. เป็นบุคคลที่มีสติปัญญา ความรู้ และคุณธรรมมาก รู้เรื่องโลกและชีวิตอย่างลึกซึ้งที่เรียกว่า ตรัสรู้ และคิดค้นคำสอนได้ด้วยตนเอง ไม่ใช่แอบอ้างเอาคำสอนคนอื่นมาสอนต่อคือ ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้จริง มีความสามารถจริงด้วยตัวเอง

๓. คำสั่งสอนของศาสดานั้น ๆ เป็นคำสอนที่สาวกหรือลูกศิษย์สามารถประพฤติปฏิบัติตามจนบังเกิดผลดีได้ หรือมีความสุขได้จริง ถ้าไม่มีใครสามารถประพฤติตามคำสอนเหล่านั้นได้เลย ก็แสดงว่าคำสอนเหล่านั้นไร้ประโยชน์ เพราะใคร ๆ ก็ทำตามไม่ได้

เมื่อพิจารณาตามหลักเกณฑ์เหล่านี้แล้ว ก็จะทราบว่า การที่ชาวพุทธเคารพนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งสูงสุดอย่างเต็มภาคภูมิ เพราะเหตุที่สอดคล้องกันทั้ง ๓ ประการ คือ

๑) พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นบุคคลที่เคยมีตัวตนอยู่จริงในโลกมนุษย์ ประวัติศาสตร์รับรองและระบุถึงผู้ให้กำเนิดชีวิตแก่พระองค์อย่างชัดแจ้งเหมือนมนุษย์ทั่วไป ยิ่งกว่านั้นยังทรงมีชาติตระกูลสูง คือ ทรงเป็นถึงพระโอรสของกษัตริย์ ซึ่งปกครองบ้านเมืองที่เคยรุ่งเรืองในประวัติศาสตร์ มีตำแหน่งแหล่งที่ปรากฏอยู่ในแผนที่โลกมาจนถึงปัจจุบัน

๒) พระองค์ทรงกระทำความเพียร ค้นคว้าหาสัจธรรมโดยลำพังจนตรัสรู้เอง ทรงบัญญัติคำสอนโดยใช้ความสามารถของพระองค์เอง ไม่ได้ทรงรวบรวมคำสอนของคนอื่นมาอ้างว่าเป็นของพระองค์เอง หรืออ้างว่านำคำสอนของผู้มีอำนาจบนสวรรค์มาสอน ทรงประกาศชัดว่าตรัสรู้ธรรมด้วยพระองค์เอง ไม่ทรงอยู่ในอาณัติของใคร และไม่บังคับให้ใครเชื่อคำสอนของพระองค์

๓) คำสอนของพระองค์ทุก ๆ คำเป็นสัจธรรม คือ เป็นความจริงล้วน ๆ ที่ไม่เคยล้าสมัย ข้อใดที่พระองค์ตรัสว่าควรกระทำ ข้อนั้นถ้าใครตั้งใจทำตาม ก็ได้ผลดีจริง ส่วนข้อใดที่พระองค์ตรัสว่าควรละเว้น ถ้าหากใครฝ่าฝืนไปทำ ก็ได้รับผลเป็นความทุกข์จริง ฉะนั้นคำสอนของพระองค์ที่เราเรียกว่า พระธรรมจึงเป็นความจริงที่ไม่เคยล้าสมัย แม้ทุกวันนี้ หากใครประพฤติตามย่อมได้รับผลดี คือไม่ตกไปสู่ฐานะอันชั่ว ต่ำ เช่น ไม่ตกไปเป็นโจร ไม่เป็นอันธพาล ไม่เป็นคนเลว ตายแล้วก็ไม่ตกไปสู่อบายภูมิ

ยิ่งกว่านั้นในการสอนธรรม แม้พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่งยวด อีกทั้งยังทรงเผชิญต่อการมุ่งร้ายหมายชีวิตจากฝ่ายปรปักษ์อย่างแสนสาหัส พระองค์ก็มิได้ทรงท้อถอย และมิได้ทรงปรารถนาจะรับหรือเรียกร้องสิ่งตอบแทนใด ๆ จากผู้ฟังคำสอนของพระองค์เลย

แม้ในที่สุดเมื่อใครจะบูชาพระองค์ด้วยอามิส คือสิ่งของมีค่า พระองค์กลับทรงแนะนำว่าการบูชาด้วยอามิสบูชานั้น สู้การปฏิบัติบูชาไม่ได้ นี้ย่อมแสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณอันเลิศที่ไม่มีผู้ใดในโลกมาเทียบได้

นอกจากนี้ สาวกของพระองค์ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรือคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน เมื่อตั้งใจปฏิบัติตามพระธรรมและพระวินัยที่ทรงสั่งสอนไว้ ก็สามารถเป็นผู้บริสุทธิ์กาย วาจา ใจ หมดกิเลส มีความสุขอันเป็นอมตะตามพระองค์ได้ สาวกของพระองค์ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในยุคนั้นมีนับเป็นล้าน ๆ องค์ ซึ่งเท่ากับเป็นพยานยืนยันพระบริสุทธิคุณได้ว่า คำสอนของพระองค์ซื่อตรง ถูกต้อง ดีจริง มนุษย์ทุกคนสามารถปฏิบัติตามได้ และได้ผลจริง

กล่าวโดยสรุป เราชาวพุทธเคารพนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งสูงสุด โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ทั้งที่พระองค์ทรงมาจากมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นมนุษย์ที่เลิศด้วยพระปัญญาธิคุณ หรือพูดภาษาชาวบ้านว่า ทรงเก่งที่สุดเท่าที่มนุษย์จะพึงเป็นได้ เพราะทรงเก่งกล้าสามารถปราบกิเลสได้ด้วยพระองค์เอง และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณทุ่มเทสอนวิธีปราบกิเลสให้คนทั้งโลกเหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยไม่ทรงหวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น

เราเชื่อในพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์เราจึงพร้อมที่จะยึดถือพระองค์เป็นที่พึ่งและปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์โดยไม่ลังเลใจเพื่อจะได้หมดกิเลสตามพระองค์ไปในที่สุด

Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๘๕ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่ง Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 05:14 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.