หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑๐)
ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผู้เขียนและคณะได้ร่วมกิจกรรมงานสัมมนาเสนอผลงานวิจัยนานาชาติ
ครั้งที่ ๗ ในหัวข้อ “ภูมิศาสตร์วัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนา” ณ
วิทยาลัยสงฆ์นครน่าน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วัดพระธาตุแช่แห้ง
พระอารามหลวง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ซึ่งมีนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศกว่า
๑๕ ประเทศ ร่วมเสนอผลงานวิจัย บทความ และมีการบรรยายพิเศษที่น่าสนใจ
โดยเอกอัครราชทูตบังกลาเทศประจำประเทศไทย Her Excellency Ms. SaidaMuna
Tasneem นำเสนอในหัวข้อ “แหล่งโบราณคดีทางพระพุทธศาสนาในบังกลาเทศ”
และมีการบรรยายที่น่าสนใจจากนักวิชาการอีกหลาย ๆ ท่าน
ซึ่งทำให้เราได้รับทราบอย่างชัดเจนว่า
ประเทศบังกลาเทศมีแหล่งข้อมูลปฐมภูมิที่ย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ ๓ อีกด้วย
ลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันวิจัยฯ กับวิทยาลัยสงฆ์นครน่านฯ |
การไปร่วมสัมมนาครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัยได้ร่วมลงนามทำสัญญาความร่วมมือ (MOU) กับทางวิทยาลัยสงฆ์นครน่านฯ เฉลิมพระเกียรติ ฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ และจากการลงนาม MOU นี้ ทำให้เรามีกิจกรรมร่วมกันหลายโครงการแต่เนื่องจากผู้เขียนยังนำเสนอบทความเส้นทางเผยแผ่พระพุทธศาสนาไม่สิ้นสุด จึงจะขอนำเสนอผลงานที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทั้ง ๒ ฝ่ายในอนาคต ในโอกาสนี้ขอเสนอบทความต่อจากฉบับที่แล้ว ดังนี้
เอกอัครราชทูตบังกลาเทศประจำประเทศไทย Her Excellency Ms. Saida Muna Tasneem กำลังอภิปรายในหัวข้อ "แหล่งโบราณคดีทางพระพุทธศาสนาในบังกลาเทศ" |
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาสู่กัมพูชาในพุทธศตวรรษที่ ๗-๑๔ นั้น
ศาสนาสำคัญของชาวกัมพูชา คือ ศาสนาพราหมณ์
ส่วนพระพุทธศาสนาได้รับการนับถือในกลุ่มคนจำนวนน้อย
ในครั้งนั้นจดหมายเหตุของจีนเรียกกัมพูชาว่าฟูนัน
ซึ่งมีวัฒนธรรมที่รับแบบแผนทั้งด้านการปกครอง ศิลปะ การช่างและวิทยาการต่าง ๆ
จากชาวอินเดีย ในปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๑
พระพุทธรูปก่อนเมืองพระนครพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๒ ที่มา : https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/72/56/0a/72560aa6fef5d6e8bae0198dd01cbd7d.jpg |
พระสุธรรมญาณวิเทศกำลังนำเสนอบทความทางวิชาการในหัวข้อ "DIRI กับโครงการอนุรักษ์คัมภีร์พุทธโบราณด้วยระบบดิจิทัล (Digitization)" |
พระเจ้าเกาณฑินยะชัยวรมัน กษัตริย์ฟูนัน ได้หันมานับถือพระพุทธศาสนา
แม้ว่าอาณาจักรฟูนันนับถือศาสนาพราหมณ์เป็นหลักแต่พระพุทธศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองควบคู่กันไป
บรรยากาศพิธีเปิดงานสัมมนาเสนอผลงานวิจัยนานาชาติ ครั้งที่ ๗ ในหัวข้อ "ภูมิศาสตร์วัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนา |
"
พระภิกษุชาวฟูนันชื่อสังฆปาละ¹ เป็นผู้เชี่ยวชาญในพระอภิธรรม
ทรงความรู้แตกฉานในพระพุทธศาสนา
ได้รับอาราธนาจากจักรพรรดิจีนให้เป็นผู้สอนธรรมะในราชสำนัก
และแปลคัมภีร์วิมุตติมรรค² ซึ่งแต่งโดยพระอุปติสสเถระเป็นภาษาจีน หลักฐานทางโบราณคดีด้านศาสนาที่เก่าแก่ของกัมพูชาคือ
ศิลาจารึกที่วัดไพรเวียรใกล้เมืองวยาธปุระซึ่งระบุ พ.ศ. ๑๒๐๗
มีข้อความกล่าวถึงกษัตริย์สองพี่น้องที่บวชในพระพุทธศาสนา
และจากบันทึกของพระสงฆ์จีนอี้จิง³ ผู้จาริกไปอินเดียทางเรือผ่านทะเลใต้ในพุทธศตวรรษที่ ๑๓ กล่าวถึงดินแดนกัมพูชาในยุคนั้นว่า
พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก ในเมืองมีวัดทั่วไปทุกแห่ง
ศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ชาวเมืองและเจ้านายนิยมบวชในพระพุทธศาสนา ทั้งกล่าวด้วยว่าดินแดนต่าง ๆ
ในทะเลใต้นับถือปฏิบัติพระพุทธศาสนานิกายต่าง ๆ รวมทั้งนิกายมูลสรรวาสติวาทซึ่งเป็นนิกายหินยานที่ใช้ภาษาสันสกฤตจารึกพระธรรมวินัย
ปราสาทบายน นครธม เสียมราฐ กัมพูชา สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ พุทธศตวรรษที่ ๑๘ ที่มา : http://f.ptcdn.info/698/004/000/1367386087-34-o.jpg |
ในพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ที่นครธมสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗⁴ ผู้ทรงอานุภาพพระองค์ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด
ทรงสร้างวัดวาอารามพุทธสถาน ปราสาทต่าง ๆ ฝ่ายมหายาน และพระพุทธรูปจำนวนมากมาย
ทรงสถาปนาปราสาทตาพรมให้เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ มีพระมหาเถระเป็นอาจารย์ใหญ่อยู่ถึง
๑๘ องค์ และอาจารย์รองลงมาถึง ๒,๗๔๐ องค์
ทรงให้ราชกุมารเสด็จไปศึกษาพุทธศาสนาเถรวาทที่ลังกา
และผนวชที่วัดมหาวิหารในเกาะลังกา
ปราสาทตาพรม เสียมราฐ กัมพูชา สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ พุทธศตรวรรษที่ ๑๘ ที่มา : http://www.adirexphotogallery.com/images/photo_130760226283/13076031491290.jpg |
ในปลายยุคเมืองพระนคร ศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนามหายานเสื่อมถอยลง
คงเหลือแต่พระพุทธศาสนาเถรวาทที่เจริญรุ่งเรือง
และได้รับการนับถือจากผู้คนทุกระดับตั้งแต่กษัตริย์ลงไป
ศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง คือ ศรีลังกา
ในคราวที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงอุปถัมภ์การสังคายนาพระธรรมวินัยและส่งพระเถระไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนต่าง
ๆ รวม ๙ สาย ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๓ นั้น
พระมหินทเถระได้มายังเกาะศรีลังกาของชาวสิงหลซึ่งปกครองโดยพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะพระองค์ทรงศรัทธาในพระพุทธศาสนาและทรงอุทิศมหาเมฆวันอุทยานเป็นวัดถวายแด่พระภิกษุมีชื่อว่าวัดมหาวิหาร
พระพุทธศาสนาที่เข้าสู่ลังกาในยุคนี้ เป็นพระพุทธศาสนาแบบเถรวาท
พระมหินทเถระทรงนำพระไตรปิฎกและอรรถกถาไปสู่ลังกาด้วย
ต่อมาพระนางอนุฬาเทวีมเหสีทรงปรารถนาจะอุปสมบทพร้อมด้วยสตรีบริวารจำนวนมากพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะจึงทรงส่งคณะทูตไปทูลขอพระนางสังฆมิตตาเถรีจากพระเจ้าอโศกให้มาเป็นอุปัชฌาย์อุปสมบทแก่สตรีชาวลังกาพระนางสังฆมิตตาเถรีซึ่งเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าอโศกทรงมาดังประสงค์
พร้อมกับทรงนำกิ่งพระศรีมหาโพธิ์มาที่ลังกาทวีป
และทรงตั้งคณะภิกษุณีของลังกาขึ้นในครั้งนั้น
อภัยคีรี อนุราธปุระ ศรีลังกาพุทธศตวรรษที่ ๕ ที่มา : http://www.aroi.com/html/content/ID140707154457/09_2.jpg |
เมื่อพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะสวรรคตแล้ว กษัตริย์สิงหลและกษัตริย์ทมิฬทำ
สงครามผลัดกันครองราชสมบัติในลังกาสืบมาอีก ๑๐ กว่าพระองค์ จนถึงพุทธศตวรรษที่ ๕
พระเจ้าวัฏฏคามินีอภัย กษัตริย์สิงหล
เสด็จขึ้นครองราชย์เหล่าพระภิกษุสงฆ์พิจารณาเห็นความไม่มั่นคงของเหตุการณ์บ้านเมือง
และเห็นว่าการทรงจำพระธรรมวินัยสืบอายุพระศาสนาอย่างที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาต่อไปนี้คงทำได้ยาก จึงร่วมกันสังคายนาพระธรรมวินัยแล้วจดจารึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
พระธรรมวินัยฝ่ายเถรวาทจึงได้จารึกเป็นอักษรลงในใบลานไว้เป็นหลักฐานตั้งแต่นั้น
จนเมื่อ พ.ศ. ๙๕๖ พระพุทธโฆษาจารย์เดินทางจากอินเดียมายังศรีลังกา
และปริวรรตคัมภีร์อรรถกถาพระไตรปิฎกภาษาสิงหลเป็นภาษามคธ (บาลี)
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาจากศรีลังกาไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๘ (ภาพโดย ชัชวาลย์ เสรีพุกกะณะ) |
ระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๗
ลังกาเดือดร้อนวุ่นวายด้วยภัยสงครามจากอินเดียและความไม่สงบภายใน
สถานการณ์ด้านพระศาสนาก็สั่นคลอนไปด้วย จนเมื่อพระเจ้าวิชัยพาหุที่ ๑
ทรงฟื้นฟูสถานการณ์ด้านศาสนา โดยทรงอาราธนาพระสงฆ์จากเมียนมาร์ให้กระทำอุปสมบทกรรมในลังกา
เมื่อพระโอรสเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าปรากรมพาหุที่ ๑⁵ ทรงยังคณะสงฆ์ที่แตกแยกมานานให้รวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้
ทรงส่งเสริมพระพุทธศาสนาจนกระทั่งลังกาได้เป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท
ปรากฏเกียรติคุณแพร่ไปทั่ว มีพระสงฆ์และนักปราชญ์เดินทางจากนานาประเทศใกล้เคียงมาสืบพระพุทธศาสนาในลังกา
แล้วนำกลับไปเผยแผ่ในประเทศของตนเป็นอันมาก
โปรดติดตามเส้นทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในฉบับถัดไป
และเนื่องจากปีนี้หลวงพ่อธัมมชโย มีอายุวัฒนมงคลได้ ๗๒ ปี ทางคณะนักวิจัยของสถาบันฯ
จึงตั้งใจบูชาธรรมด้วยการจัดเสวนาวิชาการในหัวข้อ “คำถาม
- คำตอบธรรมกาย” ในวันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ณ อาคาร ๑๐๐
ปี คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง วัดพระธรรมกาย
---------------------------------------
¹ พ.ศ. ๑๐๐๒-๑๐๖๕
² วิมุตติมรรคเป็นคัมภีร์คู่กับคัมภีร์วิสุทธิมรรคของพระพุทธโฆษาจารย์
³ 義淨 หรือ 义净; pinyin: Yìjìng; Wade-Giles: I
Ching (635-713 CE)
⁴ พ.ศ. ๑๗๒๔-๑๗๖๒
⁵ พ.ศ. ๑๖๙๗-๑๗๓๐
----------------------------------------
Cr. พระสุธรรมญาณวิเทศ วิ. (สุธรรม สุธมฺโม) และคณะนักวิจัย DIRI
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๑ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๑ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑๐)
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
19:46
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: