ลัดฟ้าอูกานดาเพื่อบวชเป็นพระ และนั่งสมาธิ


ในสมัยพุทธกาล... สุภาพบุรุษผู้สมบูรณ์แล้วทุกอย่าง เลือกที่จะเดินบนเส้นทางแห่งสมณะ 
เช่น  กุลบุตรหนุ่มไฮโซ นามว่า "ยสกุลบุตร" ปลีกตนออกจากเรือนชานที่พรั่งพร้อมด้วยข้าทาส บริวารและนางบำรุงบำเรอ เดินบ่นเพ้อตลอดทางว่า "ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ" แล้วเลือกเส้นทางเดินของสมณะเป็นทางเดินอันเป็นที่สุดของชีวิต หรือ "โชติกเศรษฐี" มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดแห่งยุค มีปราสาท ๗ ชั้น ทำด้วยแก้ว ๗ ประการ พร้อมขุมทรัพย์ ๔ ขุม ที่สามารถบันดาลทรัพย์สมบัติได้ไม่รู้จักหมดสิ้น อีกทั้งมีภรรยาผู้งดงามดั่งนางฟ้า เป็นนางแก้วคอยปรนนิบัติเคียงกาย แต่ท้ายที่สุด ท่านโชติกเศรษฐี เลือกที่จะสละทรัพย์สมบัติเหล่านั้นเพื่อออกบวช นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์และเลี้ยงชีพด้วยอาหารบิณฑบาต บำเพ็ญสมาธิภาวนา จนกระทั่งบรรลุมรรคผลนิพพานอันเป็นบรมสุขในที่สุด"

แม้ในปัจจุบันผู้มีปัญญาทั้งหลายก็เลือกเส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางแห่งการแสวงหาอันแท้จริง แม้จะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากดินแดนแสนไกลเพียงใดก็ตาม

ดังเช่นเรื่องราวชีวิตของพระเฟรมมา คุณาโภ (เอมมานูเอล) พระภิกษุชาวอูกานดารูปนี้...

พระเฟรมมาเดินทางมาจากประเทศอูกานดา ซึ่งตั้งอยู่ในแถบทวีปแอฟริกา โยมพ่อของท่านเป็นหัวหน้าเผ่า ซึ่งเป็นที่นับถือของประชาชน เมื่อโยมพ่อสิ้นบุญ ก็ได้สร้างความสลดใจแก่ท่านเป็นอย่างยิ่ง ท่านคิดเสมอว่า จะต้องช่วยผู้คนให้พ้นจากความทุกข์ให้ได้ จนได้พบกับโครงการ Peace Revolution และได้รู้จักการนั่งสมาธิ เมื่อนั่งสมาธิไปได้ระยะหนึ่ง ท่านก็รู้สึกขึ้นมาอย่างแรงกล้าว่า สมาธิจะสามารถนำสันติสุขไปสู่ผู้คนดังที่ท่านปรารถนา และเมื่อได้รับคำแนะนำว่า "คุณจะสามารถฝึกสมาธิได้อย่างเต็มที่หากคุณได้บวช" หนุ่มเฟรมมาก็มุ่งหน้าบินลัดฟ้าสู่เมืองไทยเพื่อบวชเป็นพระ จะได้นั่งสมาธิอย่างจริงจัง

"ครั้งแรกที่ผมมาถึงเมืองไทย ผมรู้สึกถึงความสงบในจิตใจ เพราะผู้คนที่นี่ใจดี พวกเขาหัวเราะและยิ้มให้ผม เขาคิดเสมือนว่าผมเป็นญาติของเขา ทำให้ผมรู้สึกดีและอบอุ่นมาก ผมได้เรียนรู้เรื่องการผูกสัมพันธ์กับคนที่มีพื้นฐานและวัฒนธรรมต่างกัน จริง ๆ แล้ว ก่อนมาบวชผมเป็นคริสเตียน ผมรู้สึกทึ่งที่มีผู้คนมาจากศาสนาที่ต่างกัน มีทั้งมุสลิม พุทธ คาทอลิก แต่เราก็สามารถเข้ากันได้ เพราะทุกศาสนาต้องการสันติสุข และทุกคนต่างก็เชื่อมั่นว่า การนั่งสมาธิจะทำให้สามารถบรรลุความต้องการนั้นได้ ผมอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องความเป็นอยู่ของพระสงฆ์ ผมเคยรู้มาว่าคนธรรมดาให้ความเคารพพระภิกษุมาก และผมอยากเรียนรู้วิธีการสอนสมาธิให้ผู้อื่นด้วย เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาผู้คนมักใช้สิ่งของมากมายเพื่อแก้ปัญหา ดังเช่น การประชุมกันเรื่องสันติภาพ เขาใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ปัญหาก็ยังเกิดอยู่เสมอ แต่ผมเชื่อว่า เมื่อใครคนหนึ่งเกิดสันติสุขขึ้นในใจ เพื่อนบ้านของเขาก็จะมีความสุข และสามารถแผ่ขยายความสุขนี้ไปยังชุมชนสังคมก็จะสงบสุข และภายในเวลาไม่กี่ปีทุกคนก็จะมีความสุขโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาวัตถุสิ่งของหรือเงินทองมากมาย

สิ่งแรกที่ผมได้เรียนรู้จากการบวช ก็คือการคุกเข่า เพราะที่แอฟริกาผู้ชายจะไม่คุกเข่า มันเป็นปัญหาแต่ก็ท้าทาย แต่ผมก็ใจชื้นขึ้นเมื่อได้กำลังใจจากคนรอบข้าง เพราะผู้คนที่นี่น่ารัก ถึงแม้จะพูดคนละภาษา แต่ทุกคนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสผมรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรเลย

หลังจากบวชแล้ว คนที่บ้าน เช่น ผู้ปกครอง ญาติพี่น้องก็มีความรู้สึกแตกต่างกัน มีหลากหลายความคิด แรก ๆ บางคนก็มองว่าผมเป็นเหมือนกับพระวัดเส้าหลิน เพราะพระในทีวีของเขา ก็คือ พระวัดเส้าหลิน ในขณะที่หลาย ๆ คนก็เคารพกับการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะรู้ว่าจุดมุ่งหมายที่แท้จริงในการบวชของผม คือ การเรียนสมาธิ และการมาฝึกฝนอบรมตัวเอง ซึ่งหลาย ๆ คนเป็นกำลังใจให้

เมื่อใช้ชีวิตนักบวชมาระยะหนึ่งแล้ว ผมได้เรียนรู้เยอะมาก อย่างแรกก็คือ การมีความอดทน เรื่องของศีล ระเบียบวินัย และเรื่องของความเพียร การได้ใช้ชีวิตอยู่กับผู้คนจากหลากหลายสถานที่ ได้ยินได้ฟังเรื่องราวใหม่ ๆ มากมาย และเรื่องธรรมะต่าง ๆ ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน รวมถึงที่น่าตื่นเต้น ก็คือ การที่ได้ไปร่วมงานศพและได้สวดศพด้วย ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ผมไม่เคยทำมาก่อน และการที่จะต้องไปสอนโยมก็ต้องมีความรู้มากกว่าโยม ทำให้ผมขวนขวายหาความรู้เพื่อที่จะมาสอนโยมได้ และได้เรียนรู้ว่าการที่จะไปปรากฏตัวในสาธารณชน จะต้องทำตัวอย่างไรให้ถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งจะต้องเรียนรู้ให้มากขึ้นไปอีก

ในช่วงที่มีโอกาสเห็นภาพการบวช ๑๐,๐๐๐ กว่ารูป ผมมีความรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของชาวพุทธ มันคือพลังที่จะกระตุ้นให้ผู้คนมาบวช เพื่อจะได้ฝึกฝนอบรมตัวเอง ผมรู้สึกว่าวัดกำลังทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ กำลังนำสันติสุขไปสู่ผู้คนที่อยู่ในประเทศ ถ้าหากคนมาบวชกันมาก ๆ มาเป็นพระมาก ๆ โลกนี้ก็จะเกิดความสงบสุข และสันติภาพ จะเกิดขึ้นในสังคมอย่างแน่นอน

และผมอยากจะบอกว่า ใครที่มีคุณสมบัติหรือมีโอกาสที่จะบวชได้แต่ยังลังเลใจอยู่ ผมขอแนะนำว่า อย่าเพิ่งไปเชื่อไปฟังที่คนอื่นเขาพูด ไม่ว่าคนอื่นเขาจะพูดว่าบวชเป็นอย่างไร ดีไม่ดีอย่างไร อย่าเพิ่งไปเชื่อ ให้มาพิสูจน์ด้วยตัวเอง เพราะว่าการที่เรามาพิสูจน์ด้วยตัวเอง เราจะรู้ว่าการบวชทำให้ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น การมีศีล การมีระเบียบวินัย การใช้ปัจจัย ๔ ถ้าใครได้มาบวชและมีความตั้งใจจริงจะพบการเปลี่ยนแปลงในตัวเองอย่างแน่นอน อย่าลังเลเลย มาลองบวชดูก่อนแล้วจะรู้ว่า การบวชนั้นยอดเยี่ยมอย่างไร"

ทั้งหมดนี้เป็นบทสัมภาษณ์ความรู้สึกของ พระเฟรมมา คุณาโภ ผู้ได้มาสัมผัส และเรียนรู้คุณค่าแห่งการเป็นนักบวช แม้ตัวท่านจะต้องผ่านการเดินทางที่ยาวไกล และมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความแตกต่างทางด้านภาษาก็ตาม ท่านก็ยังไม่ย่อท้อ คงน่าเสียดาย หากชายไทยแท้ ๆ ที่อยู่ในถิ่นแห่งพระพุทธศาสนาจะไม่ให้โอกาสตนเองมาบวชสักครั้งในชีวิต ในโครงการอุปสมบทหมู่ ๑๐๐,๐๐๐ รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย ระหว่างวันที่ ๑๙ มกราคม ถึง วันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่จะถึงนี้

ซึ่งพระเฟรมมาฝากทิ้งท้ายไว้ว่า "ผมคิดว่าสำหรับคนไทยน่าจะบวชได้อย่างง่าย ๆ เพราะขนาดผมมาจากพื้นฐานที่เป็นชาวต่างชาติ ต่างศาสนา ต้องมาเรียนรู้อะไรมากมาย ก็ยังสู้ได้ เพราะฉะนั้น คนไทยมีความรู้ทางด้านพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว น่าจะเป็นเรื่องง่ายมาก การบวชไม่ยากหรอก ต้องทำได้สิ"

เรื่อง : Son Backhome e-mail : garaboon_jdai@hotmail.com
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๘๖ ประจำเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒



***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202552/86YNB_5212/86YNB_5212.html

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๘๖ ประจำเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้ที่นี่

ลัดฟ้าอูกานดาเพื่อบวชเป็นพระ และนั่งสมาธิ ลัดฟ้าอูกานดาเพื่อบวชเป็นพระ และนั่งสมาธิ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 22:48 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.