พลิกชีวิตด้วยบุญกฐิน
พลิกชีวิตด้วยบุญกฐิน
คุณนงนุช แต้พานิช (เภสัชกร)
พลิกชีวิตจากเด็กธรรมดาสู่ความสำเร็จด้วยบุญกฐิน
_________________________
ตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย ด้วยความที่เรามีพ่อเป็นตำรวจ ชีวิตวัยเด็กต้องติดสอยห้อยตามพ่อไปตามวงเหล้า แม่ก็อยู่วงไพ่ เราเห็นชีวิตแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก มีเพื่อนเกเรเรียนไม่จบ มีครอบครัวก่อนวัยอันควร แต่ตอนเด็กเรามีความตั้งใจเรียน ค่อนข้างใฝ่ดี แต่จริง ๆ มีจุดเปลี่ยนค่ะ คือเรามีโอกาสเข้าวัดตั้งแต่มัธยมปลาย ตอนนั้นที่โรงเรียนจัดค่ายอบรมคุณธรรมให้เด็ก ทำให้เรารู้สึกว่าการศึกษาธรรมะหรือการทำความดีคือสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิต หลังจากค่ายนั้น พวกพี่ ๆ ชวนไปวัดทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน พอไปถึงวัดก็เดินไปเจอจุดที่เขาเขียนป้ายไว้ว่ารับสมัครอาสาสมัคร สมัยนั้นยังเป็นสภาฯ หลังคาจาก เราไปวัดไม่รู้ว่าจะทำอะไร จึงไปเป็นอาสาสมัคร
ตอนนั้นเราเป็นเด็ก เราเห็นผู้ใหญ่เขาทำบุญกัน แต่ด้วยความที่เราไม่ได้มีกำลังทรัพย์ จึงใช้กำลังกายกำลังใจของเราในการที่จะมาสั่งสมบุญ หาบุญให้ตัวเราเองด้วยการเป็นอาสาสมัคร ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ทำให้เราได้อยู่ใกล้ชิดคำสอนของหลวงพ่อ ได้ใกล้ชิดธรรมะมากขึ้น มีพี่ ๆ คอยดูแล มีพระอาจารย์คอยสอนเรา
ทุก ๆ อาทิตย์ต้นเดือน เราจะได้นั่งสมาธิและฟังธรรมจากหลวงพ่อ ซึ่งเหมือนกับเราได้ตอกย้ำเป้าหมายชีวิตในการเกิดมาสร้างบารมีของเรา พอถึงจุดหนึ่งเราก็มีเป้าหมายในการที่จะสั่งสมบุญบารมีขึ้นมา เรามีความตั้งใจตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นประธานกฐินให้ได้สักครั้งในชีวิต ตอนนั้นการทำบุญล้านเป็นสิ่งที่ยากมาก เราต้องต่อสู้กับจิตใจตัวเอง เงินล้านบาทคือความปลอดภัยในชีวิต เราเหมือนเป็นหัวหน้าครอบครัว พ่อเราเสียไปแล้ว และเรามี ๕ ชีวิตที่ต้องดูแลด้วยรายได้ของเราคนเดียว แต่เรามีโอกาสฟังหลายเรื่องที่หลวงพ่อสอนในโรงเรียนฝันในฝันวิทยา ว่าในเมื่อเราตั้งใจแล้ว มันเป็นโอกาสที่เราจะได้ตัดความตระหนี่ในใจของเรา ตอนไปเบิกเงินมายังคิดว่าจะดีหรือ จะไหวหรือ สุดท้ายต้องนั่งสมาธิแล้วบอกตัวเองว่า ถ้าวันนี้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต เราก็ไม่มีโอกาสสั่งสมบุญ พอคิดได้อย่างนี้เราจึงตัดสินใจว่าปีนี้จะเป็นประธานกฐินให้ได้ ขณะที่ถือเงินไปที่ห้องรับบริจาคก็ยังอดหวั่นไหวไม่ได้ แต่พอเรายื่นเงินทำบุญไปแล้วก็เกิดความปลื้มปีติ โล่งใจ เหมือนเราชนะแล้ว ชนะสิ่งที่เราต่อสู้กับมันมาตั้งนาน เป็นความรู้สึกที่เรียกว่าชิตัง เม จริง ๆ คือ เราชนะจริง ๆ
เวลาทำบุญเรายึดตามสิ่งที่หลวงพ่อสอน คือทำบุญสุดกำลังใจที่เรามี เต็มที่เต็มกำลัง แต่เราจะไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน เราประเมินแล้วว่า เงินเก็บก้อนนี้เราเก็บไว้สำรองสำหรับความสะดวกสบายในชีวิต เราแค่ตัดใจมาทำบุญ ขณะที่เราก็ยังมีรายได้เข้ามาอยู่เรื่อย ๆ เราเชื่อว่าบุญเป็นเครื่องสนับสนุนให้เราพบเจอแต่สิ่งดี ๆ ได้พบเจอคนดี ๆ ได้พบเจอโอกาสดี ๆ บุญกฐินจึงเป็นบุญแรกที่เรานึกถึงง่ายที่สุด เพราะว่าเป็นบุญที่เราไม่ได้ทำมาด้วยความง่าย ปีนั้นจำได้ว่าเป็นปีที่น้ำท่วม เราเป็นประธานกฐินที่นั่งรถ ๖ ล้อมาวัด น้ำก็ท่วมบ้าน ๒ เมตร เรารู้สึกว่ามีความลำบากหลายอย่างที่ทำให้เรานึกถึงแล้วปลื้มใจ ที่เราสามารถทำอะไรที่ยาก ๆ ได้ ในตอนนั้นเราทำงานตั้งเกือบ ๑๐ ปี กว่าจะเก็บเงินได้ ๑ ล้านบาทแรก แต่การที่เราได้สั่งสมบุญมาเรื่อย ๆ เราก็คิดว่าบุญจะส่งผลให้เรามีโอกาสเปลี่ยนงาน ได้ไปทำงานที่ดี มีรายได้ดีขึ้น
ณ วันนี้เรามีเงินมากกว่าในอดีตหลายเท่า มีเวลาปฏิบัติธรรมมากขึ้น ครอบครัวเราเมื่อก่อนลำบาก ตอนนี้ใช้ชีวิตสบาย มีเวลาสั่งสมบุญ มีเวลาไปทำบุญ ถวายภัตตาหาร ชีวิตดีขึ้นจริง ๆ ค่ะ ดีกว่าในอดีตเยอะมาก
คุณเทวา นุ่นวงศ์ษา (เจ้าของธุรกิจคัดแยกเศษผ้า)
พลิกชีวิตจากขอทานมาเป็นประธานกองกฐิน
_________________________
ญาติพี่น้องไม่มีใครเอาเลย พอผมไปหาเขาปิดประตูบ้านหมดเลย เกเรมากถึงขนาดแม่กับน้องยกมือไหว้ ขอให้พอเสียที เข้าคุกจนคุกพัง เขาสร้างใหม่ก็ยังเข้าอยู่ แม่ขอร้องจนแม่ตาย ก็เลยตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ มีเงินอยู่ ๑๗๐ บาท เป้าหมายคือพระประแดง เพราะว่ามีลูกพี่เก่าอยู่ที่ซอยสุขสวัสดิ์ ๗๖
สมัยนั้นมีรถไฟฟรี ไปได้ทั่ว ผมนอนตามข้างทางมาเรื่อย กางเกงตัวเดียว เสื้อขาด ๆ ข้าวไม่ค่อยได้กิน เก็บผลหมากรากไม้ข้างทางมากิน ไปกินตามศาลพระภูมิบ้าง ในใจคิดว่าถ้าไม่ได้ดีไม่กลับบ้าน พอไปถึงซอยสุขสวัสดิ์ ๗๖ ลูกพี่เลิกกิจการแล้ว ผมไม่รู้จะไปไหนเลยเดินไปเรื่อย ๆ ไปถึงโรงพักอำเภอพระสมุทรเจดีย์ตอนตีสามตีสี่ ไปนอนที่โรงพัก ตื่นขึ้นมาก็เดินไปหาตำรวจ ไปขอเงินกินข้าว เขาให้มา ๑๐๐ บาท กินข้าวไปนิดเดียว ที่เหลือไปซื้อเหล้ากิน แล้วเดินไปเรื่อย ๆ จนไปเจอป้ายชวนบวช ในป้ายบอกบวชฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย บวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ผมเห็นแล้วสะดุดตา
ตอนนั้น มีป้าคนหนึ่งบอกว่าลองเข้าไปสิ ไปบวชก่อน อย่ามาเร่ร่อนเลย ผมเลยเดินเข้าไป ไปเจอพี่ ๆ ผู้นำบุญ เขาชวนให้บวช ผมคิดว่าไปไหนก็ไปไม่ได้ เงินก็ไม่มี ทางมันตันแล้ว ลองสักหน่อย
บวชวันแรกไม่นึกถึงเรื่องเหล้าเลย เพราะว่าพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยง จัดระบบระเบียบจนผมลืมเหล้าไปเลยครับ ลืมอัตโนมัติจริง ๆ ผมสังเกตดูหลวงพี่ พระอาจารย์ ทำไมท่านนิ่งจัง ทำไมท่านงามจัง เวลาเดินก็มีมาตรฐานเหมือนทหาร ตำรวจ ผมอยากเป็นอย่างนี้บ้าง ผมจึงตั้งใจฝึก ตอนฉันข้าวมีเสียงเทศน์สอนธรรมะของหลวงพ่อให้คิดสร้างแต่ความดี ให้โอกาสคน มีคำสอนหลาย ๆ อย่างที่ผมมาลองทำดูแล้วทำได้จริง ๆ เรียกว่าเปลี่ยนจากขอบจักรวาลมาถึงก้นสมุทรเลย ไม่ใช่จากฟ้าถึงเหว พลิกเลยนะครับ ขนาดผมเคยนอนอยู่ข้างถนน หิวก็ต้องขอเขากิน ทุกวันนี้ผมมีธุรกิจคัดแยกเศษผ้า ไปไหนมาไหนมีคนเรียกเถ้าแก่บ้าง เรียกเฮียบ้าง มีบริวาร มีลูกน้องอยู่ในความรับผิดชอบ อยู่ในโอวาท ให้เกียรติผม ผมมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เป็นเพราะผมอยู่ในบุญตลอด ตั้งแต่สึกออกมาก็อยู่กับหลวงพ่อ ไม่ว่าขับรถไปไหนมาไหนจะเปิดเสียงเทศน์ของหลวงพ่อฟังตลอด ท่านคอยย้ำเตือนให้ทำความดีนะลูก ทำทาน ศีล ภาวนา ผมเลิกยาเสพติดทุกอย่าง ไม่แตะ เอามาให้ก็ไม่เอา
จากขอทานมาเป็นเถ้าแก่เพราะใครครับ ? เพราะหลวงพ่อ ถ้าผมไม่เจอโครงการบวช ไม่เจอคำสอนของหลวงพ่อ ผมจะมาถึงวันนี้ได้ไหม ? ผมไม่คิดว่าผมจะทำได้ขนาดนี้ เกินจินตนาการมากเลยครับ เดี๋ยวนี้ผมรู้จักเห็นใจคน สงสารคน ตื่นเช้ามาก็สวดมนต์ทำวัตร เปิดธรรมจักร ฟังธรรมะ ฟังคำสอนของหลวงพ่อ พาลูกน้องทำบุญทำทาน เวลาพักเที่ยง ลูกน้องพักกินข้าว ผมจะเปิดเสียงหลวงพ่อให้เขาฟัง แนะนำเขาว่าให้ทำตามที่หลวงพ่อสอน หลวงพ่อพาผมสร้างความดี ส่วนความชั่วผมเคยทำมาหมดทุกอย่างแล้ว มันไม่เจริญครับ พอผมมาเจอวัดพระธรรมกาย มาเจอคำสอนของหลวงพ่อ มาเจอโครงการดี ๆ ของหลวงพ่อ ผมก็อยากให้ทุกท่านมาเจอบ้างครับ เชิญกันมาเยอะ ๆ ครับ เมื่อคุณกล้าเปลี่ยน ชีวิตคุณเปลี่ยนแน่นอนครับ
ส่วนเรื่องที่ผมเอาปัจจัยมาถวายหลวงพ่อ ผมคิดว่าผมใช้เงินได้ถูกต้องที่สุดครับ ผมทำบุญเริ่มแรกหลักร้อย เยอะที่สุดคือหกร้อย ผมคิดว่าสักวันหนึ่งอยากเดินถือผ้าไตรบ้าง อยากทำบุญกฐิน ผมพยายามออมเงิน ทีแรกเก็บวันละ ๒๐๐-๓๐๐ บาท เก็บออมบุญทุกวัน ต่อมาเริ่มหลักพันเข้าไปแล้วครับ กระเตื้องขึ้นมาเรื่อย ๆ ทั้งรายได้ ทั้งสิ่งแวดล้อม ความเป็นอยู่ของผมก็ดีขึ้นมาก การค้าการขายก็ดี ทีนี้เริ่มหยอดกระปุกวันละพัน ทำบุญแล้วชื่นใจครับ รู้สึกว่ามีแนวทางที่รายได้จะเข้ามา มันเป็นสเต็ปมาเลยครับ ทำบุญหลักหมื่นไป ๒-๓ ปี เพิ่งเริ่มหลักแสนเมื่อปีสองปีนี้แหละครับ กะไว้แล้วว่าทุกปีต้องถือผ้าไตรให้ได้ ๑ ไตร ผมอยากได้บุญครับ ถ้าเราทำได้มันจะเป็นผังสำเร็จ ปีนี้ ๒-๓ เดือนเก็บเงินได้ถึงห้าแสนกว่า อึ้งเหมือนกันครับ เยอะขนาดนี้เลยหรือ
เรื่องทำบุญผมไม่กังวล ไม่เคยคิดว่าเงินจะหมด ไม่เคยเสียดาย มีแต่จะหามาทำเพิ่มอีก เพราะว่าผมสามารถทำเงินได้ทุกวันอยู่แล้ว ตอนเช้าผมทำงาน ตอนเย็นผมก็มีเงินแล้ว มันมีทางมา เราไม่ได้หวังมาก แต่บางทีมันมาเกินเป้า บางทีวันนี้คิดว่าจะได้สักห้าพัน ตอนเย็นมาแล้วหมื่นห้า สองหมื่น
ช่วงนี้เป็นช่วงโควิด ไม่ค่อยมีใครเอาเงินมาใช้กันหรอก แย่กันหมด แต่กิจการของเราไปได้เรื่อย ๆ ยิ่งทำยิ่งดีขึ้น เรารับผ้ามาน้อยแต่เนื้อผ้าที่เอามาใช้ได้มีเยอะมากครับ กฐินปีนี้ผมรู้สึกว่าทำบุญได้เยอะ สวนกระแส ยิ่งโควิดอย่างนี้ผมยิ่งต้องทำ ทำบุญแล้วไม่มีทางตันหรอกครับ
ผลของบุญมีจริง ผมการันตีได้ ถ้าอยากจะรู้จริงต้องไปวัดเอง สำหรับผมอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะบุญ จากที่ผมไม่มีอะไร ทุกวันนี้ผมมีจุดหมายปลายทาง มีเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะบุญกฐินนี้เป็นบุญที่แรงมาก เราทำให้เต็มที่ ไปเอาบุญใหญ่ เอาบุญพลิกชีวิต ไปเอาสิ่งที่ดี ๆ กลับมาสู่ครอบครัว ชวนกันไปทำบุญกฐิน ทำบาทสองบาทก็ได้ครับ ไม่ต้องเยอะแยะมากมายก็ได้ แต่สำหรับตัวผม ผมทุ่มครับ ผมจะทำไปจนวันที่ผมตาย จะทำยิ่งกว่านี้อีก
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๒๑๔ ประจำเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***
คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญในรูปแบบของ PDF
- สร้างพลังชีวิต ณ เมืองยาบิฮู (Nyabihu)
- ทำไมใคร ๆ จึงนิยมทำบุญทอดกฐิน ?
- พลิกชีวิตด้วยบุญกฐิน
- ทำไม..ต้องทำบุญสร้างสะพานและสร้างถนนไว้ในพระพุทธศาสนา ?
- ทบทวนบุญวันธรรมชัยและวันครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
- พิธีถวายคิลานเภสัชและอุปกรณ์ทางการแพทย์
- หลวงพ่อตอบปัญหา
- หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๖๑)
- ธารน้ำใจชาววัดพระธรรมกายหลั่งไหลสู่ผู้ประสบภัย
- ข่าวสารเครือข่ายคณะศิษย์
- ย้อนอดีต...ท่องประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา (ตอนที่ ๓๓)
- อย่าปล่อยให้ชีวิตหมดสิทธิ์ใช้ทรัพย์ทั้งชาตินี้และชาติหน้า
ไม่มีความคิดเห็น: