รวยเป็นล้าน..ภายในไม่กี่เดือน
ชีวิตของแม่ลูกตาดำ ๆ คู่นี้
ตกอับมาโดยตลอด
ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง
มีหนี้สินเหยียบ 2 ล้านบาท
แต่.. อยู่ ๆ ก็รวยเป็นล้าน ภายในไม่กี่เดือน !
ตอนแรก..รู้สึกสลดหดหู่กับชีวิตที่ระทดระทวยของแม่ลูกคู่นี้เสียเหลือเกิน
แต่ภายหลังก็อดสงสัยไม่ได้กับการตัดใจครั้งยิ่งใหญ่ของพวกเขา
ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นเพียงคนจน ๆ ซึ่งตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีเงินมากถึง 1
ล้านบาทเลย แต่พอมีล้านแรกในชีวิต ก็ตัดสินใจเอามาทำบุญแบบไม่ลังเล !
อะไร..ทำให้พวกเขากล้าตัดสินใจเช่นนี้ ?
และเขาทำอย่างไรให้เงินงอกเป็นล้านภายในไม่กี่เดือน ?
คุณแม่สวอง
ศรแก้ว
และคุณลูกนรวีร ฤาชา ... สองแม่ลูกที่กำลังตักข้าวราดแกงขายจนมือเป็นระวิง
ณ โรงงานแห่งหนึ่งใน จังหวัดอยุธยา
“..สามีตายจากเราไปตั้งแต่ลูกสาวอายุได้แค่ 12 ขวบ ทำให้เรากลายเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวที่ต้องแบกภาระเลี้ยงลูกโดยลำพังมาตลอด
และไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ทำไม่ขึ้นเลย อย่างตอนทำธุรกิจขายตรง แรก ๆ ก็เหมือนจะดี
แต่พอทำไป ๆ ก็เข้าเนื้อ จนต้องเอาบ้านไปจำนองกับแบงก์ และเอาที่นาที่มีอยู่ทั้งหมด
ไปจำนองกับคนปล่อยเงินกู้ จากนั้นก็ปิดร้านหนีหนี้ หนำซ้ำในช่วงที่เจอวิกฤตชีวิต พ่อก็มาล้มป่วยหนัก
ต้องไปดูแลพ่อ แล้วรับจ้างซักรีดไปด้วย แต่เงินที่ได้น้อยมาก ไม่พอกับรายจ่าย
เราจึงมาร้อยพวงมาลัยขายบ้าง ไปเป็นนายหน้าขายที่บ้าง รับจ้างติดต่อรถขนทรายบ้าง
แต่ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ขาดทุน เจ๊งไม่เป็นท่า แถมยังโดนเขาหลอกเป็นประจำ ช่วงนั้นเราขัดสนถึงขนาดแม้เสื้อผ้าใหม่ ๆ ก็ไม่มีเงินที่จะซื้อใส่ กินข้าวก็กินแบบตามมีตามเกิด กินกันตาย
และดื่มน้ำตามมาก ๆ เพื่อให้อิ่ม ส่วนขนมไม่ต้องพูดถึงเลย แทบไม่มีกิน
พอย้อนไปอ่านบันทึกของลูกสาวแล้วน้ำตามันไหลทุกครั้ง เพราะลูกเขียนว่า ขนมถุงเล็ก ๆ
1 ถุงที่พี่ที่วัดเขาให้มาจะต้องเก็บไว้กินให้ได้ทั้งเดือน
และหลังจากนั้นไม่นาน บ้านและที่นาทั้งหมดก็โดนยึดตกไปเป็นสมบัติของคนอื่น
เรียกได้ว่า สมบัติต่าง ๆ ที่เคยมีอยู่ทั้งหมด มันอันตรธานหายไปภายในพริบตา
จนเราไม่มีอะไรเหลือ แถมมีหนี้ท่วมหัวเกือบ 2 ล้านบาท
บอกตรง ๆ ตอนนั้นทุกข์มากเหลือเกิน จนน้องที่รู้จักกันพยายามทำหน้าที่กัลยาณมิตรเตือนเราว่า
ไม่ว่าจะเจอวิกฤตในชีวิตหนักขนาดไหน ยังไงก็อย่าทิ้งวัด ให้ไปวัดทำบุญ เติมบุญให้ตัวเอง
ถ้าไม่มีเงินค่ารถไปวัด เดี๋ยวเขาจะออกให้
และตอนนั้นเราก็พยายามแข็งใจไปวัดไม่ขาดเลย โดยยืมเงินค่ารถเขาบ้าง อาศัยติดรถไปกับเขาบ้าง
พอถึงวัดเราก็ไม่มีเงินทำบุญอะไรมากมายกับเขาหรอก ทำแค่ 20-100
บาท แต่ไปแล้วเราได้นั่งสมาธิทำให้ใจสบายขึ้น แต่การไปวัดบ่อย ๆ ทำให้ลูกสาวไม่เข้าใจ เขาสงสัยว่า..
ทำไมแม่ลำบากขนาดนี้ ยังกระเสือกกระสนดิ้นรนที่จะไปวัด ทั้ง ๆ ที่บ้านเราก็อยู่ตั้งสระบุรี
ต้องลำบากนั่งรถกว่าจะถึงวัด เราไม่ใช่เศรษฐี ข้าวยังไม่มีจะกินอยู่แล้ว
ทำไมยังต้องไปทำบุญด้วย ????
ช่วงนั้น เราก็พยายามอธิบายให้ลูกฟังว่า ที่เราเป็นแบบนี้
เพราะวิบากกรรมที่เราตระหนี่ไม่ทำบุญมาในอดีต เราก็เลยจน อีกทั้งบุญเก่าเราก็ใช้ไปทุกวัน
หากไม่สร้างบุญใหม่ บุญเก่าก็ทยอยหมดไปเรื่อย ๆ ถ้าบุญเก่าหมด บาปที่เคยทำไว้จากชาติก่อน
ๆ จะได้โอกาสส่งผล ทำให้ชีวิตเจออุปสรรคต่าง ๆ นานา อย่างที่เราเจออยู่ทุกวันนี้ ดังนั้นเราต้องรีบเติมบุญ
เพื่อให้เรามีบุญจนสามารถหลุดจากวิบากตรงนี้ไปได้ อีกทั้งถ้าเราบุญหมด เราก็หมดสิทธิ์ที่จะครอบครองทรัพย์สมบัติที่เราเคยมีอยู่
และสมบัตินั้นก็จะเปลี่ยนมือไป
ต่อมาเราก็กลับมารับจ้างซักรีดอย่างเดิม แม้รายได้จะน้อย
แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีข้าวจะกิน และช่วงที่มีความทุกข์สุด ๆ นี้เอง ทำให้เราหันหน้ามาพึ่งธรรมะอย่างจริงจัง
โดยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ และไม่ว่าจะทำบุญอะไร 20-100 บาท
เราก็จะอธิษฐานขอหลวงปู่วัดปากน้ำว่า ขอให้เราลืมตาอ้าปากได้ ขอให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น
และพบช่องทางทำกิน ให้เรารวยและหลุดพ้นจากความลำบากตรงนี้ จนกระทั่งเราหาช่องทางไปเป็นแม่ค้าขายอาหารให้กับเด็กนักเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่ง
แต่เราได้กำไรน้อยมาก ๆ และหลังจากนั้น 4
เดือน เราก็มาได้ยินข่าวว่า โรงงานแห่งหนึ่งแถว อำเภอวังน้อย จังหวัดอยุธยา มีการแข่งทำอาหาร
เพื่อคัดเลือกร้านค้าเข้าไปขายให้คนงานของเขากิน เราจึงไปแข่งกับเขาด้วย ซึ่งพอประกาศผลการแข่งขันออกมาปรากฏว่า
เราชนะ เขาเลยอนุญาตให้เราเข้าไปขายได้ตั้งแต่วันที่
13 กันยายน 2550”
แต่เขาก็ต้องเจอกับอุปสรรคซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกจนได้ !!
“เราได้ที่ตั้งร้านอยู่ตรงมุมสุด เป็นที่มุมอับ ซึ่งเป็นทำเลที่ใคร
ๆ เขาก็บอกว่าไม่ดี แล้วยังบอกว่า ยังไงเราก็ต้องเจ๊ง ไปไม่รอดหรอก เพราะคนที่ขายมาก่อนหน้านี้
เขาเจ๊งกลับไปกันหลายเจ้าแล้ว ขนาดคนขายน้ำปลาที่มาส่งลังน้ำปลาให้ร้านเรา
ถึงกับพูดว่า ถ้าต้องเลิกขายม้วนเสื่อกลับบ้านไป ก็อย่าลืมเอาลังน้ำปลามาคืนและจ่ายเงินเขาด้วย
การมาขายของที่นี่ลำบากมาก เพราะต้องตื่นตั้งแต่ตี 3
ไปจ่ายตลาด ซื้อของกลับมาทำ และยืนขายถึงเที่ยงคืน เราทำงานหนักสุด ๆ จนปวดแขนยกไม่ได้
เราถึงกับคิดท้อว่า คงต้องเลิกขายและม้วนเสื่อกลับบ้านจริง ๆ ตามที่เขาว่า ซึ่งในช่วงนั้นเองเราก็อธิษฐานขอหลวงปู่วัดปากน้ำว่า
ขอให้เราเจอทางออกในการแก้ปัญหานี้ และอยู่ ๆ ก็มีคนมาขอสมัครเป็นลูกจ้างช่วยเราถึง
2 คน ทำให้เรามีกำลังใจและฮึดสู้ขายต่อ ซึ่งการขายกับข้าว เราขายได้กำไร 1,000
บาทต่อวัน ถือว่าดีกว่าอาชีพเก่า ที่เรามีรายได้แค่ 6,000
บาทต่อเดือนเท่านั้น ทำให้เราสามารถเก็บเงินมาทยอยใช้หนี้และทำบุญทอดกฐินในปีนั้น
(2551) ได้มากถึง 10,000 บาท !
หลังจากที่เราทำบุญหลักหมื่นไป การขายอาหารของเราก็ดีขึ้นตามลำดับ
จากร้านที่ทำเลแย่ที่สุด ก็มีคนมาต่อคิวกินกันแน่นขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ทั้ง ๆ
ที่เราก็ทำแบบเดิมทุกอย่าง ไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่เรากลับขายดีอย่างเหลือเชื่อ ปีนั้นจึงกลายเป็นปีที่เราทยอยใช้หนี้ได้มากที่สุด
แต่พอใกล้จะทอดกฐินปี 2552 หลังจากที่หักลบกลบหนี้ ปรากฏว่าเหลือเงินกันแค่
40,000 บาท เราจึงคิดว่า งั้น..เอาส่วนนี้ทำบุญทั้งหมดเลย โดยรีบชิงไปถวายก่อนวันทอดกฐิน
เพราะเรากลัวว่า เงิน 40,000 บาทนี้ จะต้องมีอันเป็นไป
แต่หลังจากถวายไปแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น
ยอดขายก็เพิ่มขึ้นแบบพรวดพราดจนมีเงินกำไรเข้ามาเร็วผิดปกติจนสามารถนำมาทอดกฐินเพิ่มได้ถึง
20,000 บาท รวมเป็น 60,000 บาท จนเรามาคิดว่า เกือบจะแสนแล้วนี่
งั้น..ทำให้ถึงแสนเลยแล้วกัน ซึ่งขณะที่คิด ก็ยังไม่มีเงินกันหรอก
..แต่พอคิดอย่างนี้เท่านั้น พอกลับไป ข้าวแกงมันเกิดขายดีถึงขนาดภายในไม่กี่สัปดาห์เราได้กำไรมาถึง
40,000 บาท อย่างเหลือเชื่อ จนงงว่า
ทำไมถึงขายดีมากขนาดนี้ จากนั้นเราก็ไม่รอช้า
รีบเอาเงินมาถวายทอดกฐินก่อนกำหนดทันที จนครบแสนบาท บอกตรง ๆ ว่าเราดีใจกันมาก เพราะจากเดิมตั้งใจทำบุญกันแค่
40,000 บาทเท่านั้น แต่พอทยอยถวายไปเรื่อย ๆ เงินมันก็งอกมาอย่างต่อเนื่องจนพุ่งไปถึงแสนบาท
ทำให้ในปี 2552
เรามีเงินทอดกฐินกันที่แสนจริง ๆ !
จากนั้นเราก็ใจฟู อะเลิร์ตมีความสุขมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
จึงคิดฝันกันไปไกลถึงขนาดที่ว่า สักวัน..แม่ค้าจน ๆ อย่างเรานี่แหละ
จะต้องทำบุญเป็นล้านให้จงได้ แต่ก็เหมือนเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ที่ยังไกลโพ้น
และมองไม่เห็นทางเลย
จากนั้นพอกลับไปบ้านระหว่างสวดมนต์นั่งสมาธิเราก็อธิษฐานขอกับหลวงปู่วัดปากน้ำว่า
ด้วยบุญที่ลูกทอดกฐินก่อนกำหนดได้สำเร็จที่ 100,000 บาท ขอให้เดือนนี้
ลูกขายข้าวแกงได้กำไร 50,000 บาท ด้วยเถิด เราอธิษฐานขอ ทั้ง
ๆ ที่เราไม่เคยขายได้กำไรถึงขนาดนั้นหรอก แต่เราก็ขอ ๆ ไป เผื่อจะได้ และในที่สุด พอมานับเงินตอนสิ้นเดือนปรากฏว่า
เราได้กำไรที่ 50,000 บาทจริงๆ ซึ่งพอได้เสร็จ เราก็อะเลิร์ตกันสุดขีดเลย
ว่ามันเป็นไปได้ยังไง...รู้สึกทึ่งมาก เราเลยคิดว่าเงินนี้ได้มาด้วยอานุภาพบุญแท้ ๆ
เราจึงขอเอาไปทอดกฐินล่วงหน้าในปีต่อไปที่จะถึงคือ ปี 2553 และเราก็อธิษฐานขออีกว่า
เดือนหน้าขอให้ได้กำไรเดือนละ 70,000 บาท ปรากฏว่า สิ้นเดือนเราก็ได้
70,000 บาทจริงๆ อย่างเหลือเชื่อ และเราก็นำไปสมทบทำบุญทอดกฐินอีก
จากนั้นเราก็อธิษฐานต่ออีกว่า เดือนหน้าขอให้ได้กำไรที่ 100,000
บาท พอเราอธิษฐานอย่างนี้
..ลูกสาวเราทักทันทีเลยว่า “เวอร์” เขาทำหน้าอึ้งและไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ เพราะตั้งแต่เราเปิดร้านขายข้าวแกงจานละ
10 บาทมา ต่อให้ขายทั้งวันทั้งคืนขนาดไหน ก็ไม่เคยได้กำไรถึงแสนบาทเลย เขารู้สึกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้เลยจริง
ๆ เพราะรายได้จากการขายข้าวแกงของเราปกติอยู่ที่เดือนละ 3-4 หมื่น ก็ถือว่าเก่งสุดยอดแล้ว
แต่หลังจากที่เราอธิษฐานเสร็จ ปรากฏว่า
เดือนนั้นคนแห่มาซื้อกันอย่างโกลาหลเลย จนเราได้กำไรถึงแสนบาทจริง ๆ ติดกันถึง 2
เดือน บอกตรง ๆ เลย ถ้าเรื่องนี้ไม่เจอกับตัวเอง ก็ไม่อยากจะเชื่อ เพราะสิ่งที่เป็นไปไม่ได้..มันเป็นไปแล้ว
และในที่สุดเราก็รวบรวมเงินทำบุญทอดกฐินปี 2553 ได้มากถึง 500,000 บาทเป็นอัศจรรย์!
ตอนนำเงินไปถวายจนครบ 500,000 บาท เราดีใจน้ำหูน้ำตาไหล
ปลื้มกันสุด ๆ
แถมกลับไปปลื้มแล้วปลื้มอีกเป็นอาทิตย์เลย จนมีคนมาทักเราว่า
มาถึงครึ่งทางแล้ว อีก 5 แสนก็จะครบล้าน จะสมปรารถนาที่ได้เคยตั้งใจเอาไว้ว่า
สักครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้ทำบุญเป็นล้าน พอฟังดังนั้น ก็มาปรึกษากับลูกสาวว่า จะสู้ไหม
เพราะเรายังไม่มีเงินกันเลย ซึ่งถ้าหากสู้ ตัดสินใจทำบุญกันที่ล้าน เราจะทนลำบากกันไหวไหม
ไม่หลับไม่นอน ต้องประหยัดทุกอย่าง เอาเงินไปซื้ออะไรก็ไม่ได้เลยนะ รถยนต์ที่กะว่าจะซื้อ
ก็ต้องอดซื้อ พอลูกสาวตอบว่าสู้... เป็นยังไงเป็นกัน จากนั้นเราก็ลุยเลย กัดฟันอดหลับอดนอน
ขายข้าวตั้งแต่ตี 3 เลิกตี 1 ผลัดกันเป็นกะ จนเราได้เงินเพิ่มมาอีก 2 S แต่ก็ยังไม่ถึง M สักที อีกทั้งใกล้จะถึงวันทอดกฐินเข้าไปทุกทีแล้ว แต่ช่วงนั้นเราอยู่ในบุญกันมาก
อธิษฐานตลอดเลย ทำอะไรก็อธิษฐานและก็มีเหตุอัศจรรย์ ที่เราไม่คาดคิดเกิดขึ้น คือ อยู่ ๆ เราก็ได้เงินจากการเป็นนายหน้าขายที่ดินมาแบบฟลุก
ๆ ที่ 3 S
ทำให้เรามีเงิน 1 ล้านแรกของชีวิต ทอดกฐินได้อย่างอัศจรรย์ !!!
.. 1
ล้านแรกของชีวิต ที่เราหามาแบบเลือดตาแทบกระเด็นเลย แลกกับการอดหลับอดนอน ยอมกระเบียดกระเสียรประหยัดแบบสุด ๆ ไม่กิน
ไม่เที่ยว ไม่ซื้ออะไรทั้งนั้น ตอนทำบุญครบล้าน
เราดีใจจนแทบจะกอดคอกันร้องไห้ และพอนึกถึงทีไรน้ำตามันก็ไหลเพราะความปลื้มทุกที อีกทั้งนึกแล้วยังขนลูกซู่..ว่าภายในไม่กี่เดือนเราหาเงินล้านมาได้อย่างไร
มันรวดเร็วมาก มันเกิดขึ้นเร็วจนเราตั้งตัวแทบไม่ทัน
เรารู้สึกว่า ความฝันที่รอคอยมานานถึง
18 ปี นับตั้งแต่วันที่เราเข้าวัดสำเร็จแล้ว แม้เราไม่ใช่เศรษฐีที่ร่ำรวยมาจากไหน แต่เราก็ทำอย่างเศรษฐีได้
หรือหากคิดในทางกลับกัน แม้แต่เศรษฐีบางคนก็ยังทำอย่างเราไม่ได้”
คุณลูกนรวีร ฤาชา - คุณแม่สวอง ศรแก้ว |
ไม่คิดว่า จะเอา 1,000,000 บาท เก็บไว้เป็นทุนสำรองของชีวิตหรือ ????
“เราอยากให้ทุกคนที่อ่านช่วยกันคิด หากเจอสภาพที่ทำอะไรก็ไม่ขึ้น
ตกอับมาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่ ขยันแบบสุด ๆ ไม่ได้งอมืองอเท้าเลย อดทนเราก็อดแล้ว
มัธยัสถ์ ประหยัด
ยังช่วยเราให้รวยไม่ได้เลย ช่องทาง โอกาส และโชค
ก็ไม่เคยเป็นของเราเลยสักครั้ง
แถมยังถูกโกง ถูกหลอกสารพัด อีกทั้งพอไปขอพึ่งใคร ก็ไม่มีใครช่วยเราได้ ซึ่งหากเจอแบบนี้
อยากจะถามว่า จะต้องทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้นจากสภาพนี้ไปได้
และที่สำคัญ เงินล้านที่มาอยู่ในมือเรา
หากเราไม่มีบุญในตัวพอจะรองรับ มันก็จะอันตรธานหายไปง่าย ๆ เหมือนตอนที่เรามีบ้าน
มีที่นามากมาย แต่เมื่อหมดบุญ ไม่มีบุญมารองรับ
บ้านและที่นาของเราทั้งหมดก็ตกเป็นของคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา ดังนั้น
เรามีเงินล้านในวันนี้ ต้องรีบชิงมาทำบุญ เพื่อเพิ่มดวงบุญในตัว ให้มีบุญมาก ๆ
ในการรองรับสมบัติ เพื่อไม่ให้มันอันตรธานหายไปเหมือนที่เราประสบมาในครั้งก่อน ๆ
อีกทั้งการที่เราทำบุญ 1 ล้าน เพราะอยากรื้อผังจนเต็มทีแล้ว
เราเข็ดหลาบกับความจน เข็ดกับความอด ๆ อยาก ๆ เข็ดต่อความลำบาก แล้วที่สำคัญยังไม่มีหลักประกันอะไรเลย
ที่จะประกันได้ว่า ชาติหน้าเราจะไม่เกิดมาจนอีก เพราะที่ผ่านมา 20 กว่าปี
ชีวิตไม่เคยสบายเลย ต้องมีความกังวลในเรื่องหนี้สินตลอดเวลา โดยไม่รู้ว่าจะหาเงินจากไหนมาใช้เขา
และที่สำคัญการจะพ้นจากสภาพแย่ ๆ นี้ไปได้นั้น ต้องอาศัยบุญใหญ่ที่มีกำลังส่งมากพอ
ที่จะหักล้างบุพกรรมในอดีต เพื่อรื้อผังแห่งความยากลำบาก
ซึ่งบุญที่มีกำลังมาก ก็คือบุญจากการเป็นประธานกองกฐินนี่เอง”
หลังทำบุญไป
1,000,000
บาท เกิดอะไรขึ้นไหม ?
“ หลังทำบุญกฐินไป ก็มีเรื่องดี ๆ
เกิดขึ้นในชีวิตหลายเรื่อง คือ ทางโรงงานก็จัดสรรย้ายที่ขายอาหารให้เราใหม่ ทำเลดีกว่าเก่า
ไม่ใช่มุมอับ และจากรายได้ปกติที่ 4 หมื่นบาท ก็ขึ้นมาที่ 7 หมื่นบาทต่อเดือน จนมีเงินไปถอยรถป้ายแดงมาขับได้อย่างสะดวกสบาย”
อยู่ ๆ ..เงินงอกมาเป็นล้านภายในไม่กี่เดือน คิดว่าเป็นเพราะอะไร?
“เป็นเพราะเรามีเงินแล้วทยอยทำบุญแบบเต็มกำลังก่อนถึงวันทอดกฐิน
และต้องทำด้วยความปลื้ม นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้เรามีเงินล้านงอกขึ้นมาอย่างพรวดพราด
โดยที่เราไม่คาดคิดมาก่อน เพราะการทำบุญแบบนี้ พอทำเสร็จบุญในตัวเราจะเพิ่มขึ้นทันที
แล้วบุญที่เพิ่มขึ้นก็จะมีกำลังไปดูดทรัพย์สมบัติ ดึงดูดโอกาสดี ๆ ในชีวิตมาสู่เราได้เร็ว
โดยที่เราไม่ต้องรอไปเรื่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อน...”
มีคนบอกว่า..วัดพระธรรมกายขายบุญและพวกที่ทำบุญกับวัดพระธรรมกาย
ทำเพื่อซื้อความรวย คิดว่าอย่างไร ?!!!!
“ ถ้าความรวยซื้อกันง่ายขนาดนั้นได้ คนทั้งโลกคงแห่มาที่วัดพระธรรมกาย
และซื้อกันไปหมดแล้ว แต่พวกที่มาทำบุญกับวัดพระธรรมกายแล้วรวยขึ้นมา เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะวัดพระธรรมกายเอาเงินบริจาคไปทำให้เกิดประโยชน์แก่คนเป็นล้าน
ๆ เช่น การบวชพระ 100,000
รูปทุกหมู่บ้านทั่วไทย ส่งเสริมการเรียนบาลี โครงการเด็กดีวีสตาร์
ช่วยเหลือภัยน้ำท่วม กองทุนช่วยเหลือครูใต้ ช่วยเหลือ 286 วัดภาคใต้ และสร้างสถานที่ใหญ่โตเพื่อรองรับคนเป็นล้านในการมาทำความดี
มานั่งสมาธิปฏิบัติธรรม มาบวชอุบาสิกาแก้วเป็นล้านคน ฯลฯ
อยากให้ลองคิดดูเถอะ ขนาดเราไปทำบุญกับวัดแถว ๆ บ้านที่กันดาร
ๆ ด้วยความปลื้มปีติ เรายังได้บุญมากเลย แต่นี่วัดพระธรรมกายนิมนต์พระทั้งจากวัดกันดาร
ทั้งวัดที่สร้างคุณประโยชน์แก่ชุมชน เพื่อมาให้เราถวายสังฆทานทีละ 3,000
วัดบ้าง 20,000 วัดบ้าง 30,000 วัดบ้าง อีกทั้งยังจัดบวชฟรีเป็นแสนเพื่อให้โอกาสกับชาวบ้านทั่วประเทศที่ไม่มีเงินจะบวช
และพอบวชเสร็จก็นิมนต์ให้จาริกไปทำวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง
ซึ่งเมื่อวัดพระธรรมกายเขาเอาเงินที่เราทำบุญมาสร้างประโยชน์อย่างใหญ่หลวงกับพระพุทธศาสนาขนาดนี้
บุญย่อมเกิดมากและส่งผลเร็วต่อผู้ทำเป็นธรรมดา และเมื่อผลบุญเกิดต่อผู้ทำมาก
ก็ส่งผลให้เขารวยเร็ว มีชีวิตดีขึ้นแบบพรวดพราด ก็ไม่เห็นจะใช่เรื่องแปลกเลย”
เขาลือกันว่า คนที่มาวัดพระธรรมกายต้องทำบุญทีละมาก
ๆ ถ้าไม่อยากจะทำบุญเลยสักบาท จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ไหม ?
“ได้นะ... แต่ลำบากแบบสุด ๆ อย่างเช่นเรื่องในที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล
ของพระโลสกติสสเถระที่อดีตชาติท่านเคยทำกรรมหนัก คือ ทำลายภัตตาหารของพระอรหันต์
ทำลายทานของชาวบ้าน ด้วยความอิจฉาและตระหนี่ หวงแม้กระทั่งของที่ไม่ใช่ของตัว
เมื่อตายจากชาตินั้น ท่านต้องไปตกนรกทุกข์ทรมานอย่างยาวนาน
จากนั้นก็ไปเกิดเป็นยักษ์และสุนัขหลายร้อยชาติ
และแต่ละชาติที่มาเกิดก็ต้องอดอยากมาก ๆ ไม่มีจะกิน ไม่เคยอิ่มเลยสักมื้อ
แต่ละชาติได้กินอิ่มก่อนตายเพียงแค่มื้อเดียวเท่านั้น
แม้ชาติสุดท้ายที่บารมีเพียงพอที่จะบรรลุอรหันต์
ก็ยังอด ๆ อยาก ๆ ไม่มีจะกิน ต้องเก็บเศษข้าวที่เขาทิ้งแล้วกับพื้นมากินทีละเม็ด
แม้บวชแล้ว เวลาบิณฑบาต ก็ได้ข้าวต้มเพียงกระบวยเดียว ไม่เคยอิ่มเลยสักมื้อ
จนกระทั่งวันที่จะบรรลุธรรม พระสารีบุตรท่านมีจิตเมตตาคิดจะอนุเคราะห์
จึงพาพระโลสกติสสเถระไปบิณฑบาต แต่ปรากฏว่าไม่ได้อะไรเลย จนสุดท้ายพระสารีบุตรต้องเอาบุญของท่านมาช่วย
คือบิณฑบาตมาให้ แล้วก็เอามือถือบาตรไว้ แล้วให้พระโลสกติสสเถระฉันในขณะที่ท่านอุ้มบาตรไว้
เพราะเกรงว่าด้วยวิบากกรรม ตระหนี่ของพระโลสกติสสเถระ จะทำให้ภัตตาหารในบาตรหายไป
ท่านจึงอิ่มเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะนิพพาน
เมื่อเราฟังเรื่องนี้แล้ว...เราจะอยากเป็นแบบนี้หรือ ที่ อด
ๆ อยาก ๆ จนถึงนิพพาน หากเรามีสิทธิ์ที่จะเลือก เราก็ขอรวย จะได้ไม่ต้องลำบากอย่างทุกวันนี้
เราอยากจะรวยและก็บรรลุธรรมง่าย ๆ แบบนางวิสาขา หรือท่านโชติกเศรษฐี
สุดท้ายนี้ ก็อยากจะฝากไว้ว่า จากเดิมเราเป็นเพียงแม่ค้าขายข้าวแกงจานละ
10 บาท ที่ไม่เคยคิดเลยว่า
ในชีวิตเราจะมีเงินล้านกับเขาได้ แต่อยู่ ๆ
เงินล้านมันก็งอกทะลักมาหาเราภายในไม่กี่เดือนอย่างอัศจรรย์ ก็เพราะบุญที่เราทอดกฐินก่อนกำหนดแท้ ๆ
ดังนั้นก็ขอชวนทุกท่านมาทำบุญนี้กัน เพื่อให้บุญนี้ไปพลิกชีวิตให้ทุกท่านพบแต่ความเจริญรุ่งเรือง...”
ภาพ : สุวรรณ อุ่นรัศมีวงศ์
Cr. ร. ลิ่วเฉลิมวงศ์ สำนักสื่อธรรมะ
รวยเป็นล้าน..ภายในไม่กี่เดือน
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
02:16
Rating:
ใครทีหมดกำลังใจอ่านแล้วอย่าเชื่อ แต่ว่าต้องทำดู ถึงจะรู้เข้าใจเองได้ว่า ใจฟูอาการเป็นไง
ตอบลบ