เศรษฐีเฟรสชี่
ถ้าคุณเป็น น.ศ. ที่เพิ่งเรียนจบ
แถมยังมีหนี้สินที่ต้องช่วยทางบ้านชดใช้อีกหลายล้านบาท
แต่อยู่ ๆ สามารถปลดหนี้ทั้งหมดได้ภายใน 2 ปี
อีกทั้งยังเป็นเจ้าของสินค้าที่ขายดีเป็นอันดับต้น
ๆ ของประเทศในขณะนี้!!!
----------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------
หากเราอยู่ในแวดวงของคนที่ชอบทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ก็แทบไม่มีใครไม่รู้จัก “คอลลี่ คอลลาเจน” ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่ขายดีเป็นอันดับต้น
ๆ ที่มีพรีเซนเตอร์ในปี พ.ศ. 2555 เป็นหนุ่ม โดม-ปกรณ์ ลัม และปี พ.ศ. 2556
มีพรีเซนเตอร์เป็นสาว เนย-โชติกา และตามซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์นี้
เป็นที่นิยมมากในหมู่วัยรุ่นผู้รักสวยรักงาม จึงทำให้เจ้าของผลิตภัณฑ์เข้าหุ้นจับมือกับ
เจ้าของสาหร่าย ยี่ห้อเถ้าแก่น้อย โดยนำสินค้าเข้าไปวางขายใน 7-eleven เพื่อให้ถึงมือผู้บริโภคอย่างทั่วถึงมากขึ้น
“ตอนเรียนจบมาใหม่ ๆ ก็เริ่มทำธุรกิจขายตรงกันก่อน
เพราะคิดว่า หากทำงานประจำมีรายได้แค่ 2-3 หมื่นบาท คงไม่พอช่วยที่บ้านใช้หนี้สินที่มีมากมายหลายล้านบาท
แต่พอลองทำธุรกิจขายตรงเข้าจริง ๆ ก็ไม่เป็นไปตามที่หวัง จนในปีพ.ศ. 2554
จึงคิดกันว่า จะเปิด บริษัทพัฒน์พลัส โดยมีหุ้นส่วน 3 คน โดยมี คุณปวัตน์ ศรีสุโร คุณธัญญ์นภัส พิริยวัฒนาวนิช และ คุณพีรพัฒน์
ลิขิตรัตน์เจริญ ซึ่งใหม่ ๆ เราก็ขายไม่ดีเลย คิดกันเล่น ๆ
ว่า..ถ้าขายได้สัก 300-400 กล่อง ก็ถือว่าดีมาก ๆ แล้ว เพราะการรับประทานคอลลาเจน
ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในกลุ่มคนไทย
ในช่วงที่เราเริ่มเปิดบริษัทใหม่ ๆ ก็เป็นช่วงที่เริ่มเข้าวัดพระธรรมกายด้วย
ซึ่งก็มีแต่คนมาห้ามและถามว่า ทำไมเราต้องเข้าวัดนี้ โดยกล่าวว่า วัดนี้ไม่ดีอย่างนั้น
ไม่ดีอย่างนี้ แต่เราก็คิดว่าเราเรียนจบมาขนาดนี้
เราไม่ปล่อยให้วัดหลอกเราได้หรอก อีกทั้งสถานภาพอย่างเราตอนนั้น
ก็ไม่มีอะไรน่าหลอก เพราะเรามีเงินทำบุญมากที่สุดของเราก็แค่ 500 บาทเท่านั้น
จนกระทั่งช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 ทางวัดมีข่าวให้มาร่วมพิธีหล่อหลวงปู่วัดปากน้ำ
ด้วยทองคำองค์ที่ 6 ซึ่งพอฟังแล้วเราเกิดอยากทำบุญนี้ขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ คิดว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตเราต้องเอาทองคำหล่อพระให้ได้สัก
1 บาททองคำ เพราะตั้งแต่เกิดมาเราก็ยังไม่เคยได้ทำบุญใหญ่อย่างนี้ แต่พอไปดูเงินในบัญชีทั้งเนื้อทั้งตัวเรามีเงินกันน้อยมาก
แต่ก็ทยอยกดจาก ATM มาทำบุญครั้งละ 5,000 บาทบ้าง
7,000 บาทบ้าง จนครั้งสุดท้ายเรากดเงินออกมาหมดทุกบัญชี จนสามารถทำบุญครบ
25,000 บาท เมื่อทำแล้ว เราปลื้มมาก มีความสุข
อิ่มใจยังไงบอกไม่ถูก จนเรารู้สึกภูมิใจว่า..คนอย่างเราทำบุญหมดบัญชีได้เหมือนกัน
ปลื้มที่ได้มาร่วมพิธีหล่อหลวงปู่วัดปากน้ำ ด้วยทองคำ ครั้งแรกในชีวิต |
จากนั้นพอเรามีเงินเยอะขึ้น เราก็คิดกันว่า ในปี พ.ศ.2555 เราจะเป็นประธานกองกฐินที่ 1.5 S และหลังจากทำบุญนี้ กิจการก็ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนเราได้เงินมาต่อยอดกิจการ ทำการตลาด ขยายโรงงาน และสามารถปลดหนี้หลายล้านบาทให้ที่บ้านได้หมดภายในระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นอะไรที่ลูกอย่างเรารู้สึกดีเหลือเกิน ที่มีโอกาสได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ช่วยท่านปลดกังวลตรงนี้ได้อย่างอัศจรรย์ จนเรารู้สึกว่าได้บุญมาก เพราะท่านเป็นพระอรหันต์ในบ้านของเรา
ทุกวันนี้..ชีวิตเราผิดกับเมื่อก่อนมาก รู้สึกบุญว่าช่วยเราได้จริง
ๆ เพราะเมื่อมาย้อนนึกดูว่า..คอลลาเจนตัวที่เราเอามาเป็นวัตถุดิบนี้ เป็นคอลลาเจนที่มีคุณภาพดีจากญี่ปุ่นก็จริง
แต่เดิมก่อนที่เราจะเอามาขาย เพื่อนที่เป็นคนขายเขาเอาไปทำการตลาด แต่ปรากฏว่า ยอดขายเขาเป็น
0 เปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากที่เราทำบุญ แล้วเอามาขาย กลับขายดีมากจนเป็นที่รู้จักอย่างเหลือเชื่อ
จากกิจการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ นี้เอง
ทำให้เราคิดกันว่า..ในปี พ.ศ.2556 เราอยากจะเป็นประธานกองกฐินให้ได้สัก 1 M เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตก็อยากจะทำบุญใหญ่ตรงนี้ให้ได้
แต่พอแค่คิด ก็มีเรื่องมาทดสอบกำลังใจ คือ อยู่ ๆ ช่วงนั้นเกิดมีคอลลาเจนยี่ห้ออื่น
ๆ ผุดขึ้นมากมายเป็นพันรายการ ทำให้เรามีส่วนแบ่งทางการตลาดลดลงมาก จนยอดการขายเราตกลงอย่างฮวบฮาบลงมาที่
1,000 กล่อง ทำให้เราเกิดลังเลว่า..รายได้เราตกขนาดนี้
ปีนี้..เราจะยังเป็นประธานกฐินอยู่รึเปล่า แต่สุดท้ายเราก็บอกกับตัวเองว่า..เราทิ้งบุญไม่ได้หรอก
เดิมชีวิตเราเริ่มจากไม่มีอะไรเลย แถมที่บ้านก็มีหนี้สินอีก 7 ล้าน
แต่บุญทำให้เรามีวันนี้ ดังนั้นเราต้องเป็นประธานกฐินให้ได้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร !!!
หลังจากทำบุญกฐิน ปี 56 ไปแล้ว ปรากฏว่ามีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นกับธุรกิจเราอีก
คือ อยู่ ๆ ยอดขายเราพุ่งขึ้นอย่างเหลือเชื่อ จนเรามีเงินซื้อบ้านใหม่ให้ครอบครัวที่กรุงเทพฯ
1 หลัง และปลูกบ้านใหม่ให้คุณแม่ที่ จ.เพชรบุรี อีก 1 หลัง
แถมยังมีเงินซื้อรถยุโรปอีก 2 คัน และที่ดีที่สุดคือ เรามีเงินขยายกิจการ
สร้างโรงงานผลิตอาหารเสริมที่เป็นของตัวเองในนามบริษัทพีพีที พลัส จำกัด อีกด้วย
ณ จุด ๆ นี้ อยากจะบอกว่า..หากเราเชื่อคำทักท้วงของคนบางคนที่ไม่ให้เรามาวัด
หรือไม่ให้เราทำบุญ เราก็คงไม่มีวันนี้ เพราะหากย้อนไปดูชีวิตเราตั้งแต่เริ่มเข้าวัด
เมื่อ 4 ปีที่แล้ว กับชีวิตตอนนี้ เราแตกต่างกับเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง เพราะลองคิดดูเถิดว่า
จากสภาพเด็กที่เพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ งานก็หายาก ประสบการณ์ก็ไม่มี
แถมที่บ้านก็ติดลบในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ จะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะบุญ...”
Cr. ร. ลิ่วเฉลิมวงศ์ สำนักสื่อธรรมะ
เศรษฐีเฟรสชี่
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:17
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: