เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอวดอุตริมนุสธรรมหรือไม่ ในกรณีที่บอกว่า สตีฟ จอบส์ หรือคนนั้นคนนี้ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน? ชาติที่แล้วเป็นอะไร? หรือไปทำกรรมอะไรมา?
ประเด็นเรื่องชีวิตหลังความตาย เรื่องการระลึกชาติ เรื่องตายแล้วไปไหน อันที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่ไม่เหลือวิสัยของเหล่าผู้มีรู้มีญาณที่ทรงอภิญญา
หรือผู้ที่บรรลุวิชชา ๓
ที่สามารถกำหนดรู้ในการจุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลายอันเป็นไปตามกรรมด้วยการใช้ “จุตูปปาตญาณ”
อีกทั้งจากประวัติและเรื่องราวที่มีบันทึกไว้ของพระสายกรรมฐาน
พระวิปัสสนาจารย์ หรือบรรดาพระเกจิผู้มีรู้มีญาณชื่อดังในยุคปัจจุบันหลาย ๆ รูป
ท่านก็สามารถระลึกชาติได้ และล่วงรู้การไปเกิดมาเกิดของสัตว์ทั้งหลายได้ เช่น หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่บุดดา ถาวโร ฯลฯ
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม |
หลวงปู่บุดดา ถาวโร |
โดยเฉพาะหลักฐานในพระไตรปิฎกก็ระบุไว้ชัดหลายแห่ง
เช่น นางวิสาขาละสังขารจากโลกมนุษย์แล้วไปเกิดเป็นมเหสีของผู้ปกครองสวรรค์ชั้นนิมมานรดี (พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ
เล่มที่ ๒๖ ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถระ-เถรีคาถา)
หรือ โตเทยยพราหมณ์ที่ตายแล้วไปเกิดเป็นสุนัขอยู่ในบ้านตนเอง (พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ เล่มที่ ๑๓ มัชฌิมนิกาย
มัชฌิมปัณณาสก์)
เพียงแต่เรื่องเหล่านี้อาจเป็นเรื่องเหลือวิสัยของปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปที่จะตรองตามด้วยการฟังและการอ่านให้เข้าใจได้
เพราะสิ่งเหล่านี้จะต้องอาศัยการลงมือปฏิบัติเท่านั้นจึงจะรู้แจ้งเห็นจริงได้ด้วยตนเอง โดยนั่งสมาธิจริงจังอย่างถูกวิธี
จนสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวเหล่านี้เหมือนอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา
ทีนี้มาเข้าสู่ประเด็นเรื่องเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอวดอุตริมนุสธรรมหรือไม่?
หากผู้อ่านเกลียดวัดพระธรรมกายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
มาอ่านจั่วหัวเรื่องนี้ก็คงมีคำตอบในใจอยู่แล้วว่า “เจ้าอาวาสวัดนี้อวดอุตริฯ
จริง” ซึ่งไหน ๆ ก็คิดว่าจริงแล้ว
ก็อยากให้อ่านต่ออีกนิด โดยผู้เขียนก็ไม่ได้หวังจะให้ผู้อ่านเปลี่ยนใจอะไรหรอก
แต่อยากให้ผู้อ่านมีข้อมูลอีกด้านว่า เจ้าอาวาสท่านอวดอุตริฯ จริง ๆ
หรือเป็นเพราะเราหลงเชื่อตาม ๆ กันมา โดยที่ไม่ได้ศึกษาอะไรจริงจังกันแน่
แล้วอีกอย่างก่อนจะกล่าวหาหรือหลงเชื่อใคร
ปกติของผู้มีปัญญาเขาจะทำความเข้าใจศึกษาข้อมูลในสิ่งนั้นอย่างถ่องแท้เสียก่อนแล้วจึงค่อยเชื่อ!
ดังนั้น
ก่อนจะกล่าวหาว่า เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอวดอุตริฯ หรือแต่งเรื่องมั่ว ๆ มาหลอกคน ก็อยากจะถามผู้อ่านว่าเข้าใจคำว่า “อวดอุตริมนุสธรรม” มากแค่ไหน? คำนี้หมายถึงอะไร? มีความหมายครอบคลุมแค่ไหน?
คำว่า
“อวดอุตริมนุสธรรม” พูดง่าย ๆ ก็คือ การกระทำของพระที่อวดอ้างคุณความดีหรือคุณวิเศษของตน
ถ้าตัวท่านมีคุณวิเศษอย่างนั้นจริง ๆ ก็ถือเป็นอาบัติเบาที่เรียกว่า “อาบัติปาจิตตีย์” แต่ถ้าท่านไม่มีคุณวิเศษอย่างนั้นจริง
ๆ ก็เป็นอาบัติหนักถึงขั้น “ปาราชิก” เปรียบเหมือนคนเอาทรัพย์สมบัติมาอวดว่าตัวเองมั่งมี
ถ้าเป็นของตัวเองจริง พอคนอื่นเห็นเขาก็อาจหมั่นไส้ แต่ถ้าสมบัติที่เอามาโอ้อวดนั้นไม่ใช่ของตัวเอง
อันนี้แหละเป็นเรื่องใหญ่เพราะอาจไปขโมยหรือปล้นเขามา
ซึ่งอย่างนี้ตำรวจก็ต้องมาจับ
แต่ถ้าพระภิกษุผู้นั้นมีคุณวิเศษจริง
ๆ และใช้คุณวิเศษนั้น เช่น
ใช้ความทรงอภิญญามาเทศน์สอน เพื่อประโยชน์แห่งการพ้นทุกข์ของญาติโยม
โดยมิได้มีเจตนาเพื่อโอ้อวดตนเลย
ก็ไม่ถือว่าอวดอุตริฯ
แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองก็ทรงแสดงธรรมโดยการระลึกชาติแล้วทรงเมตตานำมาสอน
อีกทั้งยังตรัสว่าคนนั้นคนนี้ตายแล้วไปไหน อดีตชาติทำกรรมอะไรมา จะต้องแก้ไขปรับปรุงตัวอย่างไร
หรือกรณีของพระโมคคัลลานะที่เหาะไปดูวิมานบนสวรรค์
แล้วเอามากราบทูลถามพระพุทธเจ้า ก็ไม่ถือว่าอวดอุตริฯ แต่อย่างใด
หรืออย่างในยุคใกล้
ๆ นี้ เช่น หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ที่ท่านใช้ความรู้ที่ได้จากการทำสมาธิขั้นสูงมาอธิบายนรกสวรรค์และช่วยให้มนุษย์หายจากโรคภัยไข้เจ็บ
หรือเอาบุญไปช่วยมนุษย์ที่ตายไปแล้ว ก็ไม่ถือเป็นการอวดอุตริฯ เช่นกัน
มาถึงกรณีของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
หากคุณลองปลอมตัวเข้ามาเป็นสาวกวัดนี้คุณจะพบว่า
ท่านไม่เคยพูดโอ้อวดตัวถึงความทรงอภิญญาใด ๆ ของท่านเลย แถมเวลาจะเทศน์สอนยังพูดทุกครั้งว่า “หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาวหนึ่งที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา ให้พอเป็นความรู้ติดแข้งติดขา
ถ้าจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร”
แถมยังไม่เคยมีสักครั้งที่ท่านจะกล่าวอวดอ้างว่า
ท่านนั่งสมาธิไปดูด้วยตนเอง หรือใช้ญาณทัสนะของท่านไประลึกชาติ
เพื่อดูเรื่องราวในอดีตหรือดูการไปเกิดมาเกิดของใคร เพราะฉะนั้นการเล่าเรื่องในลักษณะนี้จึงไม่ใช่การอวดอุตริมนุสธรรม
แต่ท่านมีจุดประสงค์มุ่งเน้นสอนคนให้รู้และเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม
จากพฤติกรรมของท่านจะเห็นว่านอกจากไม่อวดอุตริฯ
แล้ว ต้องบอกว่าท่านถ่อมตัวด้วยซ้ำ เพราะลองคิดดูเถิด หากคนคนหนึ่ง ตั้งแต่อายุ ๑๙
ปี ก็นั่งสมาธิทั้งวี่ทั้งวันกับแม่ชีผู้สำเร็จวิชชา
(คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง)
ที่เป็นศิษย์เอกของหลวงปู่วัดปากน้ำมาตลอด
ตรงจุดนี้
อยากให้ทำใจเป็นกลาง ๆ แล้วลองคิดดูเถิดว่า ท่านนั่งสมาธิเยอะขนาดนี้
จะไม่บรรลุธรรมอะไรบ้างเลยหรือ? และที่มากไปกว่านั้นท่านยังอ่านพระไตรปิฎกจนหมด
สวดพระปาฏิโมกข์ได้ทั้งแบบปกติและสวดย้อนกลับได้อย่างคล่องแคล่วโดยไม่ดูหนังสือเลย
พระที่มีความตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมมาเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานอย่างนี้จะไม่มีคุณวิเศษอันใดบ้างเลยหรือ?
แต่เอาเถิด
การที่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนำเรื่องราวชีวิตหลังความตายของสตีฟ จอบส์ มาเล่า
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้ก็สุดแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน
เราคงไม่สามารถไปห้ามความคิดของใครได้ เพราะตราบใดที่เรายังไม่เคยคิดที่จะพิสูจน์จริง
ๆ ด้วยการลงมือปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตัวเอง
ก็คงยากที่จะเข้าใจ ทำให้ต้องมานั่งเถียงกันอยู่ร่ำไป
ดังนั้น
หากใครอยากรู้ว่า สตีฟ จอบส์ ตายแล้วไปไหน ก็ควรจะพิสูจน์สิ่งนี้ด้วยตัวเองดีกว่า
คือ
ลองนั่งสมาธิจนได้อภิญญาญาณแล้วก็ไปดูสิว่า..จะเหมือนกับที่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายท่านเล่าไหม
แล้วค่อยมาคุยกันต่อดีกว่า…
การที่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนำเรื่องราวของสตีฟ จอบส์ มาเล่าเพราะต้องการโหนกระแสให้ตัวเองดังหรือเปล่า? และคิดอย่างไรถึงเอาเรื่องสตีฟ
จอบส์ มาเล่าจนเป็นประเด็นขนาดนี้?
จากคำถามนี้ อยากเรียนถามกลับว่า ณ เวลานี้มีใครไม่รู้จักเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายบ้าง?
แม้ท่านไม่พูดเรื่องสตีฟ จอบส์ ปัจจุบันท่านก็ดังพออยู่แล้ว
ดังในระดับที่คนค่อนโลกในหลายประเทศรู้จักวัดพระธรรมกาย และรู้จักท่านในนามของผู้นำการปฏิบัติสมาธิเพื่อสันติภาพโลก
จนได้รับรางวัลจาก ๔๐ ประเทศ ๙๗ รางวัลเลยทีเดียว
จากผลงานของท่านตรงนี้ จะเห็นว่าท่านสามารถดังได้ด้วยตัวเอง
โดยไม่เห็นต้องโหนกระเเสสตีฟ จอบส์ เพื่อให้ดังเลย ดังนั้น..ประเด็นโหนกระแสนี้
ถือว่าตกไปนะ!
ต่อไป มาถึงประเด็นที่ว่า ทำไมเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายถึงเอาเรื่องนี้มาเล่าล่ะ?
เดิมทีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็ไม่เคยมีความคิดที่จะเล่าเรื่องราวชีวิตในปรโลกของสตีฟ
จอบส์ แต่ด้วยความที่มีบุคคลท่านหนึ่ง (ไม่ขอเอ่ยนาม
แต่เรามีเอกสารยืนยันตัวตนของบุคคลท่านนี้) ซึ่งเป็นวิศวกรอาวุโสของบริษัท Apple ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับสตีฟ จอบส์
ส่งจดหมายและดั้นด้นเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาถามเรื่องราวเกี่ยวกับสตีฟ จอบส์ กับหลวงพ่อด้วยตัวเอง
เมื่อหลวงพ่อเห็นความตั้งใจของบุคคลท่านนี้
กอปรกับตัวท่านมองเห็นประโยชน์ว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจในการศึกษาเรียนรู้เรื่องกฎแห่งกรรมให้ใครอีกหลายคน ท่านก็เลยตัดสินใจนำเรื่องราวในปรโลกของสตีฟ
จอบส์ มาเล่าออกอากาศทางช่อง DMC ก็เท่านั้นเอง...
อันที่จริง
หากสมมุติว่าเราเป็นแฟนพันธุ์แท้หรือมีสตีฟ จอบส์ เป็นไอดอล
ก็ถือเป็นเรื่องปกติของแฟนคลับนะ ที่จะอยากรู้ว่าสตีฟ จอบส์ ทำบุญทำกรรมอะไรมาถึงได้ดัง มีชื่อเสียง และประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้ แถมยังอยากรู้ต่อไปอีกว่า
คนที่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน เพื่อจะได้ทำตามสิ่งดี ๆ ที่สตีฟ จอบส์ ทำเอาไว้บ้าง
และอะไรที่ไม่ดีก็จะได้ไม่ทำตาม ซึ่งในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเองคิดว่า
ถ้าหากเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวเหล่านี้ได้จริง ๆ
แล้วเอามาบอกเล่า ก็เป็นประโยชน์ดีนะ ไม่เห็นจะเป็นโทษตรงไหนเลยกับการที่เราจะเอาเรื่องของสตีฟ
จอบส์
มาเป็นแรงบันดาลใจให้เราสร้างเหตุแห่งการประสบความสำเร็จแก่ชีวิตของเราบ้าง
Cr. วารสารอยู่ในบุญ สำนักสื่อธรรมะ
เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอวดอุตริมนุสธรรมหรือไม่ ในกรณีที่บอกว่า สตีฟ จอบส์ หรือคนนั้นคนนี้ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน? ชาติที่แล้วเป็นอะไร? หรือไปทำกรรมอะไรมา?
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
02:37
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: