ของเล่นในนรก


จากตัวอย่างต่างๆ ที่ข้าพเจ้าคุยให้ท่านฟังมานี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าความเข้าใจแบบเด็กๆ ของข้าพเจ้าที่ว่า ผีพนัน มันเป็นผีชนิดหนึ่ง ดูจะเป็นความจริง มันสิงใจคนยิ่งกว่าผีชนิดอื่นๆ ทําอันตรายและทําให้ผู้คนที่ถูกมันสิงต้องพินาศฉิบหายไปจํานวนมากต่อมาก ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณพ่อของตนเองเป็นที่สุดที่พูดคําว่า ผีพนัน ให้ข้าพเจ้าฟังตั้งแต่เมื่ออายุเพียง ๔ - ๕ ขวบ จึงทําให้เกลียดกลัวการพนันมาจนตลอดชีวิต

ในปัจจุบัน การสอนอย่างพ่อข้าพเจ้าคงจะหายาก ส่วนมากพ่อแม่สมัยนี้มักจะอนุญาตหรือสนับสนุนให้ลูกสนใจด้วยซ้ำไป หลงเข้าใจผิดกันว่าทําให้เรียนคณิตศาสตร์เก่งขึ้น

ในบั้นปลายชีวิต เมื่อข้าพเจ้าหันมาสนใจการปฏิบัติธรรม จึงได้เข้าใจซาบซึ้งถ่องแท้ว่า ใจของคนที่ชอบการพนันนั้นยิ่งกว่าถูกผีสิงเสียอีก

นั่นคือทางฝ่ายมารโลก คือ ฝ่ายดําได้ส่งพวกของเขามีศาสตราอาวุธพร้อม (คนไม่ปฏิบัติธรรมมองไม่เห็นตัวของทหารฝ่ายมารเหล่านี้ คนที่ปฏิบัติธรรมจนได้ผลจะมองเห็น) มาทํางาน ควบคุมห้อมล้อมจิตใจของเรา ทหารมารเหล่านี้ใช้อํานาจบังคับเราให้ทําตามที่พวกเขาต้องการ (ที่คนเราทั่วไปเรียกกันว่ากิเลส มี ๓ ตัวใหญ่ คือ โลภ โกรธ หลง มองเห็นได้ด้วยอํานาจของปัญญาญาณในสมาธิจิต)

คนชอบการพนันเป็นชีวิตจิตใจนั่นเป็นเพราะถูกทหารมารที่เรียกว่า โลภะ เข้ารุมล้อมบีบบังคับสิงอยู่ในจิตใจ ทําให้จิตใจหมดอํานาจ ต้องอยู่ในบังคับบัญชาของมารไปจนหมด

สมัยเมื่อข้าพเจ้ายังไม่ได้ปฏิบัติธรรม เคยคิดว่าเล่นการพนันนี้ไม่น่าจะเป็นบาป เพราะในข้อห้ามที่เรียกว่า ศีล ๕ ไม่มีสั่งให้เว้น ในศีล ๕ มีแต่ให้เว้นจากฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดปดและเสพเครื่องดองของเมาสิ่งเสพติด เล่นการพนันเป็นเพียงอยู่ในความผิดเรื่องอบายมุขเท่านั้น จะมีโทษร้ายแรงถึงตกนรกเหมือนผิดศีลได้อย่างไร

โทษจากการเล่นการพนันก็มีที่เรารู้ๆ กัน เช่น เสียชื่อเสียง เสียทรัพย์ เสียเวลาทํามาหากิน ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย เสียสุขภาพ เป็นต้น น่าจะเป็นโทษที่มองกันเห็นๆ อยู่ในชีวิตปัจจุบัน ไม่น่าจะมีโทษในปรโลก หลังจากตายแล้วอีก

แต่แล้ววันหนึ่งข้าพเจ้าก็เข้าใจแจ่มแจ้งชัดเจน วันนั้นเป็นตอนเย็นของวันอาทิตย์ เดือนอะไรจําไม่ได้ ปี พ.ศ.๒๕๑๒ ตอนต้นๆ ปี พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย (เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย) ท่านยังไม่ได้บวช ยังเป็นหนุ่มน้อย ท่านได้ฝึกปฏิบัติธรรมที่บ้านธรรมประสิทธิ์ วัดปากน้ำภาษีเจริญแล้ว คุณยายอาจารย์ฯ ท่านมักให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นผู้ให้การอบรมสั่งสอนแทนท่าน

ครั้งนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ สอนให้ผู้ปฏิบัติทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้ถึงธรรมกายกันอยู่หลายคน สําหรับผู้ใหญ่ ท่านมักสอนธรรมที่ลุ่มลึกให้

แต่สําหรับเด็กๆ ท่านจะให้ไปดูที่โน่นที่นี่ เรียกว่าให้ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ด้วยกายธรรมนั่นเอง เพื่อให้เด็กรู้สึกสนุกสนานในการปฏิบัติ เพราะถ้าให้เรียนเรื่องยากๆ เด็กอาจจะเบื่อ

ในวันที่ข้าพเจ้ากล่าวแล้วนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อให้เด็กๆ ผู้ได้ธรรมกายแล้ว ๔-๕ คนของท่านไปดูนรกขุมที่ทําโทษคนเล่นการพนัน ข้าพเจ้ายังปฏิบัติธรรมได้ผลไม่เท่าเด็ก มองไม่เห็นนรกขุมนั้น แต่ก็ไม่เสียใจเลย เพียงแค่ได้ยินคําบรรยายภาพที่เด็กๆ ได้พบเห็น ก็ทําให้เข้าใจได้ดี

โอ้โฮ มีคนอยู่เต็มหมดเลยครับน้า นั่งล้อมวงกันเป็นกลุ่มๆ เด็กคนที่หนึ่งรายงาน เป็นเด็กอายุประมาณ ๙ ขวบ ทุกคนเรียกพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่าน้ากันทั้งสิ้น เพราะขณะนั้นท่านมีอายุยี่สิบเศษ

แต่ละกลุ่มเขามีของเล่นอะไรไม่รู้อยู่ตรงกลางวง มุงดูกันแน่น จนหัวชนกันเลยค่ะ เสียงของเด็กคนที่สองอายุเพียงแค่ ๗ ขวบรายงาน

เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อสั่งว่า ให้ดูต่อไปว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง

ของเล่นของเค้าที่อยู่ตรงกลางวงมันระเบิดได้ มีอะไรต่ออะไร ปลิวว่อนออกมา มันบาดตามเนื้อตามตัวคนทุกคนเลยครับ คนที่สามอายุมากหน่อย ราวๆ ๑๑ ขวบ รายงาน

พอของนั่นมันบาดตามตัวของพวกเค้า ก็เป็นแผลมีน้ำเลือด น้ำหนองไหลเต็มเลย คนที่สี่เล่า

แต่แล้วทุกคนก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน แล้วอธิบายว่า คนพวกนั้นพอต่างคนต่างเห็นแผลกันเท่านั้น ต่างตรงเข้าเลียกินน้ำเลือดน้ำหนองซึ่งกันและกันเป็นจ้าละหวั่น พอเลียกินกันหมดดีแล้วก็ล้อมวงเล่นกันเหมือนเมื่อสักครูอีก เล่นได้ไม่นานของที่เล่นก็ระเบิด มีเหตุการณ์อย่างเดิมเกิดวนเวียนซ้ำซากไม่สิ้นสุดจนกว่าจะหมดเวร

แม้ในเวลานั้น ข้าพเจ้าไม่สามารถแลเห็นเหมือนเด็กๆ ๔-๕ คน เหล่านั้น แต่ข้าพเจ้าก็เชื่อโดยสนิทใจ เพราะเป็นเด็กที่ตนเองรู้จักดีอยู่ทุกคน พวกเขาไม่มีความรู้เรื่องนรกต่างๆ มาก่อน พ่อแม่เป็นคนสมัยใหม่ นิสัยของทุกคนไม่ใช่เด็กที่ชอบเพ้อฝันแต่งเรื่องหลอกคน นอกจากเห็นภาพเหตุการณ์ที่เล่านั้นแล้ว พวกเขายังเห็นกันเองอีกด้วยว่าใครยืนอยู่ตรงที่ใดในที่เกิดเหตุนั่น ใครพูดคุยกับสัตว์นรกเหล่านั้นด้วยเรื่องอะไร พวกเหล่านั้นตอบว่าอย่างไร เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้ารู้สึกในเวลานั้นว่า อัศจรรย์เหลือเกิน

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ข้าพเจ้าก็คิดใคร่ครวญไปมาว่า ทําไมการทําโทษเรื่องเล่นการพนันจึงต้องผลัดกันกินเลือดกินหนองกันเอง ก็พอคาดคะเนเอาว่า การเล่นการพนันกันในโลกมนุษย์เรานี้ ต่างฝ่ายต่างจ้องจะเอาทรัพย์สินเงินทองของอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าผู้เล่นจะเป็นพ่อแม่พี่น้อง ญาติสนิทมิตรสหาย รักใคร่ใกล้ชิดสนิทสนมแค่ไหน การพนันไม่ทําให้เกิดความเห็นใจสงสารแต่อย่างใด คงคิดเอาชนะกันอยู่ถ่ายเดียว

เงินทองทรัพย์สินในการพนันนั้น มิใช่ทําให้งอกเงยขึ้นเหมือนเอาไปทําธุรกิจอย่างอื่น เป็นเงินจํานวนเท่าเก่า ไม่ว่าจะนั่งเล่นกันอยู่อย่างหามรุ่งหามค่ำ ค้างวันค้างคืน เงินทองเหล่านั้นก็ไม่เพิ่มจํานวน เพียงแต่หมุนเวียนจากคนนั้นไปคนโน้นคนนี้เท่านั้นเอง ว่าที่จริงทรัพย์เหล่านั้นควรจะมีไว้บํารุงเลี้ยงตนเองและครอบครัว ถ้านําไปซื้ออาหารการกินก็จะได้บํารุงร่างกายเป็นเลือดเนื้อขึ้นมา แต่เมื่อจ้องจะเอาเปรียบซึ่งกันและกันดังนั้น ก็เสมือนจ้องกินเลือดกินเนื้อกันเอง เมื่อตกนรกก็ให้กินเลือดกินเนื้อกันจริงๆ เสียเลย

Cr. อุบาสิกาถวิล(บุญทรง) วัติรางกูล จากความทรงจำ เล่ม ๑
ของเล่นในนรก ของเล่นในนรก Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 03:23 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.