ถ้าชาวพุทธไม่ช่วย แล้วใครจะช่วยพระภาคใต้
จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นใน
๔ จังหวัดภาคใต้ (๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา) เป็นเวลากว่า
๑๒ ปี ส่งผลให้การใช้ชีวิตของคนในพื้นที่เปลี่ยนไป เพราะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดอันตรายขึ้นกับตัวเองและครอบครัว
ซึ่งพวกเขาก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเหตุการณ์จะเกิดที่ไหน เมื่อไร อย่างไร
ทำให้ชาวบ้าน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ได้รับผลกระทบ พระภิกษุ สามเณร ก็ไม่สามารถทำกิจของท่านได้เหมือนเดิม
ไม่สามารถบิณฑบาตเหมือนแต่ก่อนได้
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ภัตตาหารที่พระภิกษุ สามเณรจะนำมาขบฉันในทุก ๆ
วันหายากยิ่งขึ้น ญาติโยมสาธุชน ก็ไม่กล้าที่จะไปทำบุญ วัดกลายเป็นค่ายทหารย่อม ๆ
เพราะทหารต้องมาอยู่ดูแลเฝ้าวัด บางวัดเหลือเพียงเจ้าอาวาสรูปเดียว
กิจนิมนต์ก็ไม่มี ปัจจัยที่จะบำรุงวัดหรือจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟก็ไม่เพียงพอ
ทำให้เกิดผลกระทบต่อวัด ต่อพระภิกษุใน ๔ จังหวัดภาคใต้เป็นอันมาก
แต่ในเรื่องร้ายก็ย่อมมีเรื่องดีอยู่เสมอ จากเหตุการณ์นี้ทำให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างมากมาย
และมีหน่วยงานหนึ่งที่ให้ความช่วยเหลือมาตลอดเป็นเวลากว่า ๑๒ ปีแล้ว คือ วัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกาย
ที่มอบข้าวสารอาหารแห้งจากโครงการตักบาตรพระ ๒ ล้านรูป ที่จัดขึ้นในทุก ๆ
จังหวัดของประเทศไทย
เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๙ ที่ผ่านมา วัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกายก็มอบข้าวสารอาหารแห้ง
จำนวนกว่า ๓๐ ตัน โดยพระภาวนาธรรมวิเทศ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
เป็นผู้แทนในการมอบ และคณะสงฆ์จากจังหวัดยะลาและนราธิวาส เป็นผู้แทนในการรับมอบข้าวสารอาหารแห้งในครั้งนี้
ณ สำนักงานใหญ่มูลนิธิธรรมกาย
จากนั้น ข้าวสารอาหารแห้งได้ลำเลียงโดยรถสิบล้อ
เริ่มจากวัดพระธรรมกายไปถึงศูนย์อบรมเยาวชนเมืองนราธิวาส (บ้านร่มเย็น) โดยใช้เวลาเดินทางกว่า
๑๘ ชั่วโมง ผ่านระยะทางกว่า ๑,๒๐๐
กิโลเมตร และผ่านด่านทหารกว่า ๓๐ ด่าน ก่อนจะถึงจุดหมาย
เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. ของวันที่ ๖ มิถุนายน
รถสิบล้อที่มีข้าวสารอาหารแห้งเดินทางไปถึงศูนย์อบรมเยาวชนเมืองนราธิวาส (บ้านร่มเย็น)
อย่างปลอดภัย และได้กำลังจากพี่ ๆ ทหาร ที่รักษาความสงบสุขอยู่ในพื้นที่มาช่วยขนข้าวสารอาหารแห้งลงจากรถ
โดยมีทีมงานพระอาจารย์ ญาติโยม สาธุชน รวมถึงบรรดาทหารทั้งหลายช่วยกันจัดเตรียมสถานที่
เพื่อทำพิธีมอบข้าวสารอาหารแห้งในวันรุ่งขึ้น
และแล้ววันสำคัญที่ทุกคนเฝ้ารอก็มาถึง พิธีมอบข้าวสารอาหารแห้งจากโครงการตักบาตรพระ
๒ ล้านรูป ๗๗ จังหวัดทุกวัดทั่วไทย จัดขึ้นโดยมีท่านประธานสงฆ์คือ
พระครูพิพัฒนบุญเขต เจ้าคณะอำเภอเมืองนราธิวาส เจ้าอาวาสวัดเขานาคา ประธานฝ่ายฆราวาสคือ
คุณวีรพัฒน์ แจ้งศิริ
พิธีในครั้งนี้มีวัดและสำนักสงฆ์มารับข้าวสารอาหารแห้งกว่า ๑๐ แห่ง
หน่วยงานราชการ โรงเรียน มารับข้าวสารอาหารแห้งกว่า ๑๐ หน่วยงาน
รวมถึงพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสก็มารับข้าวสารอาหารแห้งกว่า
๑๐๐ คน
บรรยากาศในงานวันนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและอิ่มเอิบใจ แม้ว่าแต่ละครอบครัว
แต่ละหน่วยงาน ได้รับสิ่งของไปไม่มาก แต่ก็รับไปด้วยความเต็มใจ
และปลื้มใจที่พี่น้องชาวไทยพุทธภาคอื่น ๆ ทั่วประเทศไทยยังเห็นความสำคัญ เห็นความเดือนร้อนของผู้อยู่ในพื้นที่แห่งนี้
และไม่ทอดทิ้ง ไม่ดูดายปล่อยให้โดดเดี่ยว
แต่ยังคงส่งสิ่งของและกำลังใจไปมอบให้เป็นประจำ
ข้าวสารอาหารแห้งที่นำไปถวายคณะสงฆ์ และมอบให้ทหาร ตำรวจ พี่น้องประชาชนในพื้นที่
มีความสำคัญเพียงไรนั้น ลองมาดูความเห็นจากพระรูปหนึ่ง คือ พระกิตติชัย กิตฺติสาโร
เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์เขมาราม ซึ่งท่านเปิดใจว่า “พระที่อยู่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะวัดพระธรรมกายส่งความช่วยเหลือไปให้ทุกเดือน
ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร อาหารแห้ง หรือจตุปัจจัย รวมถึงยังมีพิธีถวายสังฆทาน ๓๒๓ วัด
ที่วัดพระธรรมกายจัดขึ้นทุกเดือน เพื่อให้กำลังใจในการหยัดสู้อยู่ในพื้นที่ จึงขอขอบคุณหลวงพ่อธัมมชโยมากที่ไม่ทิ้งกัน
ยังส่งความช่วยเหลือมาตลอด”
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ทีมงานมอบข้าวสาร อาหารแห้งเดินทางต่อไปยังอำเภอสุคิริน
จังหวัดนราธิวาส เพื่อนำข้าวสารอาหารแห้งไปมอบแด่คณะสงฆ์และผู้ได้รับความเดือดร้อน
ซึ่งครั้งนี้ทำพิธีมอบที่วัดสุคิรินประชาราม อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
โดยมีชาวบ้านจากชุมชนต่าง ๆ ในอำเภอสุคิรินมารับข้าวสารอาหารแห้งกว่า ๑๐๐ คน
นอกจากนี้ ยังนำข้าวสาร อาหารแห้งส่วนหนึ่งไปมอบให้วัดต่าง ๆ ที่อยู่ในอำเภอสุคิริน
ซึ่งช่วยให้บางวัดที่ออกไปบิณฑบาตไม่ได้นำข้าวสารอาหารแห้งเหล่านี้มาทำเป็นภัตตาหาร
ในโอกาสนี้เจ้าอาวาสแต่ละรูปต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ขอขอบคุณหลวงพ่อธัมมชโย ที่นำข้าวสารอาหารแห้งมามอบให้
และจัดพิธีถวายสังฆทาน ๓๒๓ วัดอยู่เป็นประจำทุกเดือน สิ่งเหล่านี้เป็นกำลังใจให้พวกเราหยัดสู้ยืนอยู่ในพื้นที่ต่อไป”
หลังจากนี้ ทีมงานนำข้าวสารอาหารแห้งไปมอบตามค่ายทหารพราน
โรงเรียนและบ้านของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่อันตราย ครั้งนี้มีทหารพรานท่านหนึ่งที่รักษาพื้นที่เล่าให้ฟังว่า
“บริเวณที่พวกเราอยู่นี้ คือ
บริเวณที่มีเหตุการณ์ยิงชาวพุทธตาย ๔ ศพและเผาทันที เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจชาวพุทธมาก
ถ้าพวกเราไม่ได้มารักษาพื้นที่ตรงนี้ ก็อาจจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
ขอขอบคุณทีมงานที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจ รวมถึงยังนำข้าวสารอาหารแห้งมามอบให้ ขอขอบพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยที่เป็นห่วงชาวพุทธใน
๓ จังหวัดชายแดนใต้ ขอขอบคุณครับ
พวกผมจะขอยืนหยัดต่อสู้กับเหตุการณ์ความไม่สงบต่อไป”
เป็นเวลากว่า ๑๒ ปีแล้วที่วัดพระธรรมกาย เป็นหน่วยงานหลักที่มอบความช่วยเหลือให้อย่างต่อเนื่อง
โดยให้ความช่วยเหลือวัดในพื้นที่ ๔ จังหวัดภาคใต้ หน่วยงานราชการ โรงเรียน และญาติโยมสาธุชน
ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ความไม่สงบ
ซึ่งทางวัดพระธรรมกายก็ตั้งใจที่จะให้ความช่วยเหลือต่อไปจนกว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จะหายไป
ทั้งนี้ โดยได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากพุทธบริษัท ๔ ดังโอวาทของ หลวงพ่อธัมมชโยที่ว่า “พุทธบริษัท ๔ ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน
เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว”
พระกิตติชัย กิตฺติสาโร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์เขมาราม |
Cr. นักข่าวใจสว่างนราธิวาส
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
ถ้าชาวพุทธไม่ช่วย แล้วใครจะช่วยพระภาคใต้
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
21:49
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: