แสงแห่งพระรัตนตรัยนำทางสว่าง
ในสมัยพุทธกาล
เมื่อครั้งที่มีภัยพิบัติและทุพภิกขภัยเกิดขึ้นที่เมืองเวสาลี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปยังเวสาลี
พร้อมด้วยเหล่าสาวก ๕๐๐ รูป เพื่อขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากแก่มหาชนให้หมดสิ้นไปด้วยพุทธานุภาพ
ธรรมานุภาพ และสังฆานุภาพ
ในช่วงปีที่ผ่านมา
ประเทศเนปาลซึ่งเป็นดินแดนประสูติของพระพุทธองค์เกิดเหตุแผ่นดินไหว
และเกิดความไม่สงบทางการเมือง เป็นเหตุให้ประเทศถูกปิดด่านการค้า
ทำให้ไม่สามารถนำเข้าพลังงานเชื้อเพลิงได้ จึง ต้องเผชิญกับวิกฤตพลังงานครั้งใหญ่
ส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์ข้าวยากหมากแพงตามมาเป็นทับทวี
เมื่อคณะสงฆ์ไทยทราบข่าว จึงพากันเดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ
ประเทศเนปาล ด้วยการเยียวยาทางด้านร่างกายแก่พวกเขาด้วยปัจจัยสี่
และฟื้นฟูสภาพจิตใจด้วยธรรมโอสถ ทั้งนี้เพื่อตอบแทนคุณดินแดนประสูติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และเป็นการดำเนินตามรอยบาทพระศาสดาในการขจัดปัดเป่าทุกข์ภัยของมหาชน
ภารกิจสำคัญในครั้งนี้ มีพระเดชพระคุณพระเทพโพธิวิเทศ
หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล และคณะ เป็นผู้แทนของคณะสงฆ์ไทย
คณะสงฆ์ไทย : วีรบุรุษในใจของชาวเนปาล
จากการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องระยะยาวของคณะสงฆ์ไทย
ทำให้คณะรัฐบาลเนปาล นำโดยท่านนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงภาครัฐและเอกชน
ต่างให้ความเคารพยกย่องสรรเสริญในเมตตาจิตและความเสียสละของคณะสงฆ์ไทยในฐานะตัวแทนของชาวไทย
ทำให้พระสงฆ์เปรียบเสมือนวีรบุรุษในใจของประชาชนทุกศาสนาในเนปาล คือ
เป็นทั้งที่เคารพศรัทธาและต้นบุญต้นแบบที่ชาวเนปาลอยากเข้าใกล้ ใคร่ฟังธรรม
และประพฤติปฏิบัติตามแบบอย่าง
โครงการปฏิบัติธรรมตลอดปี สร้างความดีฟื้นฟูศีลธรรม
ด้วยเหตุนี้ วัดพระธรรมกายซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวเนปาล
จึงจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมขึ้น ๒ ศูนย์ คือ ศูนย์ปฏิบัติธรรมประจำเมืองธัมมัสถาลิ
ซึ่งมีพระอาจารย์ถาวร ถาวโร เป็นหัวหน้าศูนย์และ ศูนย์ปฏิบัติธรรมประจำเมืองโกดาวารี
มีพระอาจารย์รณภพ โชติลาโภ เป็นหัวหน้าศูนย์ โดยมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศเนปาลให้กลับมารุ่งเรืองดังเช่นครั้งพุทธกาล
เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณ บรรพบุรุษชาวเนปาลที่นำพระพุทธศาสนามาเผยแผ่ ณ
ดินแดนสุวรรณภูมิ จนกระทั่งเจริญรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบัน
ศูนย์ปฏิบัติธรรมทั้ง ๒ แห่งนี้
ได้จัดโครงการปฏิบัติธรรมตลอดปีสำหรับชาวบ้านและนักศึกษาในเมืองโดยไม่จำกัดเพศและวัยหรือแม้กระทั่งศาสนา
เพื่อฟื้นฟูศีลธรรมผ่านกิจกรรมการอบรมความดีสากล ๕ ประการ (สะอาด เป็นระเบียบ สุภาพ ตรงต่อเวลา จิตตั้งมั่น)
นอกจากนี้ยังมีการสวดมนต์ ฟังธรรม และนั่งสมาธิด้วย
สำหรับสถานที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติธรรมทั้ง ๒ ศูนย์นี้
เดิมเคยเป็นศูนย์ช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวมาก่อน เมื่อภัยพิบัติเริ่มเบาบางลง
ทั้ง ๒ ศูนย์จึงจัดโครงการปฏิบัติธรรมดังกล่าวขึ้น
รวมทั้งจัดโครงการอบรมความดีสากลแบบรายวัน ประมาณ ๓๐ คนต่อวัน โครงการอบรมอุบาสก- อุบาสิกาแก้ว
และโครงการอบรมอาสาสมัคร สนับสนุนงานบวชเป็นเวลา ๑ สัปดาห์ทุกเดือน โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการละประมาณ
๕๐-๗๐ ท่าน
นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติธรรมธัมมัสถาลิ ยังจัดกิจกรรมรวมใจผู้มีบุญชาวไทยและเนปาล
ด้วยพิธีทอดกฐินและพิธีทอดผ้าป่ารายเดือน โดยมีผู้เข้าร่วมงานบุญครั้งละประมาณ
๓๐๐- ๕๐๐ ท่าน
บรรพชาหมู่ : มหัคคตกุศลที่ส่งผลน่าปลื้มใจ
ต่อมา ในระหว่างวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ.
๒๕๕๙ คณะสงฆ์ไทยและเนปาลร่วมกันจัดโครงการบรรพชาหมู่ ๑๕๐ รูป เพื่อฉลองศักราชใหม่ ตามดำริของหลวงพ่อธัมมชโย
ที่ปรารภเหตุให้มีการสร้างบุญบารมีเพื่อขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากและสิ่งไม่ดีให้หมดไปจากประเทศเนปาล
ในการนี้ พระดร.ญาณะปุณณิกะ ประธานคณะสงฆ์และประธานมหาเถรสมาคมแห่งประเทศเนปาล
เจ้าอาวาสวัดวิสุทธิ์สันติ พรรษา ๕๗ เมตตาให้ใช้วัดของท่านเป็นสถานที่จัดบรรพชาหมู่
๑๕๐ รูป โดยมีพระเดชพระคุณพระกิตติโสภณวิเทศ เจ้าอาวาสวัดนาคปรก ประเทศไทย
เมตตาไปเป็นพระอุปัชฌาย์
สำหรับสถานที่ในการอบรมสามเณรนั้น พระเดชพระคุณพระศรีโพธิวิเทศ ประธานสงฆ์วัดไทยลุมพินี
เมตตาให้ใช้วัดไทยลุมพินีเป็นสถานที่อบรม นอกจากนี้ท่านยังเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารแก่พระอาจารย์
คณะพระพี่เลี้ยง สามเณรธรรมทายาท และคณะทำงานตลอดการจัดงาน
รวมทั้งเมตตามาเป็นประธานสงฆ์ในทุก ๆ พิธีกรรมที่จัดขึ้นในลุมพินีวัน
การบรรพชาหมู่ครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากชาวเนปาลอย่างดียิ่ง ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างร่วมใจกันสร้างมหัคคตกุศลให้แก่ประเทศ
ผ่านกิจกรรมบุญต่าง ๆ ได้แก่ พิธีปลงผมนาคธรรมทายาท, พิธีแห่นาคประกาศพระพุทธศาสนากลางเมืองมรดกโลกปาตันที่เสียหายจากแผ่นดินไหว,
พิธีบรรพชาหมู่ ๑๕๐ รูป, พิธีสวดมนต์ข้ามปีและตักบาตรฉลองปีใหม่
ณ วัดไทยลุมพินี, พิธีจุดโคมประทีปและเวียนประทักษิณรอบวิหารมายาเทวีและธุดงค์ลุมพินีถวายเป็นพุทธบูชา
โดยมีคณะพระภิกษุและสามเณรจากนานาชาติ (เนปาล ศรีลังกา จีน ฮ่องกง ไต้หวัน
มาเลเซีย สิงคโปร์ ลาว ไทย และอเมริกา) ร่วมเดินธุดงค์ ซึ่งนับเป็นการเดินธุดงค์ของพระภิกษุและสามเณรถึง
๒๐๐ รูป ครั้งแรกในลุมพินีวัน
“ยุวโพธิสัตว์”
ขอบรรพชาเป็นต้นกล้าพันธุ์พุทธภูมิ
ภาพอันเป็นทัสนานุตริยะ ณ สถานที่อันเป็นมงคลซึ่งเป็นต้นกำเนิดแห่งสันติภาพโลกดังกล่าว
ถูกเผยแพร่ไปทั่วประเทศเนปาลและนานาชาติ ผ่านทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และ Social Media สร้างความชื่นชมยินดีแก่องค์กรภาครัฐและเอกชนเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ต่อการท่องเที่ยวในประเทศเนปาลที่กำลังซบเซาอย่างหนัก
นอกจากนี้ยังทำให้กระแสธรรมของการบวชและการปฏิบัติธรรมแผ่ขยายไปสู่ใจชาวเนปาลทุกเพศทุกวัย
จนกระทั่งมีเหล่ายุวโพธิสัตว์ ๑๕ คน ขอบรรพชาตามอย่างรุ่นพี่บ้าง
ทำให้เกิดโครงการบรรพชาสามเณรยุวโพธิสัตว์ ๑๕ รูป ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมธัมมัสถาลิ ระหว่างวันที่
๑๑-๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ และเนื่องจากเมือง “ธัมมัสถาลิ”
ซึ่งมีความหมายว่า “ธรรมสถาน” นี้ตั้งอยู่ในเส้นทางสายไหมที่พระโพธิสัตว์ถังซำจั๋งจาริกแสวงบุญผ่านมาพักระหว่างทาง
ณ เจดีย์ ๒,๓๐๐ ปี ที่ชื่อ “ธัมมธุระ”
และปลูกต้นโพธิ์คู่ไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์จวบจนถึงปัจจุบัน
ทีมงานจึงจัดพิธีแห่องค์พระ เดินธุดงค์ และขบวนผ้าป่าสัมฤทธิ์ในเส้นทางสายไหม
ตามรอยพระโพธิสัตว์ รวมทั้งมีพิธีทอดผ้าป่าสัมฤทธิ์ยุวโพธิสัตว์
ต้นกล้าพันธุ์พุทธภูมิ ที่จะเจริญเติบโตไปเป็นอนาคตของดินแดนพุทธภูมิต่อไป กิจกรรมดังกล่าวมีประชาชนสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมากด้วยความเบิกบานในบุญ
ไปบวชที่ประเทศไทย ด้วยจิตเลื่อมใส ด้วยใจศรัทธา
นอกจากโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ
ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ทีมงานยังได้จัดโครงการอบรมความดีสากลสำหรับอาสาสมัครสนับสนุนงานบวช จำนวน ๔๐ ท่าน
ซึ่งอาสาสมัครเหล่านี้ก็คือ แกนนำนักศึกษาที่มาช่วยจัดงานบรรพชาหมู่ ๑๕๐ รูป
แล้วเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในจริยวัตรอันงดงามของพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยง
และสามเณรธรรมทายาท ต่อมาเมื่อพวกเขามีโอกาสได้อุปัฏฐากสามเณรยุวโพธิสัตว์
ความศรัทธาเลื่อมใสที่มีอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มปริมาณมากขึ้น
ทำให้หลายท่านจากดินแดนต้นแหล่งกำเนิดพระพุทธศาสนา
เกิดความรู้สึกอยากไปบวชที่ต้นแหล่งแห่งการสร้างพระแท้ที่โลกต้องการ คือ ประเทศไทย
เมื่อความศรัทธาเลื่อมใสทวีขึ้นจนกระทั่งเต็มเปี่ยมในใจ
ลูกผู้ชายหัวใจพระจากดินแดนพุทธภูมิรวม ๙ ท่าน
จึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างปล่อยวางทุกสิ่ง
แล้วบินลัดฟ้ามาแสวงหาแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา ด้วยการบวชเป็นพระภิกษุที่วัดพระธรรมกาย
ในโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่ธรรมทายาทนานาชาติ (IDOP)
ระหว่างวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
ขอบพระคุณหลวงพ่อที่เมตตา มาฆบูชาขอมาร่วมงาน
จากผลงานอันทรงคุณค่าของคณะสงฆ์ไทยที่มีต่อประเทศเนปาล
ทำให้คณะสงฆ์เนปาล นำโดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อญาณะปุณณิกะ เดินทางมายังวัดพระธรรมกาย
เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อร่วมงานวันมาฆบูชา และแสดงความขอบคุณต่อหลวงพ่อธัมมชโยที่มีส่วนสำคัญในการสร้างคุณูปการและทำความสว่างไสวให้แก่ประเทศเนปาล
ซึ่งในโอกาสนี้ท่านเค. พี. โอลิ นายกรัฐมนตรีเนปาลมอบหมายให้คณะผู้แทนรัฐบาล จำนวน
๓๐ ท่าน นำโดยท่านจันกา บาฮาดู กูรุง อุปทูตเนปาลประจำประเทศไทย เดินทางมาร่วมงาน
โดยมีมารดาและครอบครัวของท่านนายกรัฐมนตรีให้เกียรติมาร่วมงานด้วย
นอกจากนี้ท่านนายกรัฐมนตรียังให้เกียรติลงนามในโล่วัชรเกียรติยศ
เพื่อให้ผู้แทนรัฐบาลเนปาลนำมามอบแก่ผู้ชนะเลิศในการสอบตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้าในวันมาฆบูชาด้วย
ในร้ายย่อมมีดี พุทธวิธีช่วยพ้นภัย
ในยามที่ประเทศเนปาลมืดมนหนทางสิ้นไร้ซึ่งทางออก ก็ยังมีสิ่งที่มีคุณค่าเกิดขึ้นกับประเทศเนปาลเช่นกัน
ดังคำพูดที่ว่า “ในร้ายย่อมมีดี”
นั่นคือ คณะสงฆ์ไทยได้นำแสงสว่างแห่งพระรัตนตรัยเข้าไปขับไล่ความมืดมิดในประเทศเนปาล
ด้วยการสอนให้ชาวเนปาลเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดสำหรับตนเอง
และสอนให้รู้จักหลักในการนำบุญบารมีมาขจัดสิ่งเลวร้ายที่เป็นบาปอกุศล จนกระทั่งพ้นทุกข์จากกิเลส
ได้พบความสุขที่แท้จริง ซึ่งถือเป็นการนำพุทธวิธีมาพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อย่างงดงาม
Cr. พระกิตติพงศ์ เหมวํโส
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๑ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
แสงแห่งพระรัตนตรัยนำทางสว่าง
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:01
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: