ทาน...ทรัพย์ที่แท้จริง

ตักบาตรพระ ๓,๐๐๐ รูป อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

สรรพสิ่งทั้งปวงที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ตาม ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ ล้วนแต่เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ แปรปรวนอยู่ตลอดเวลา ทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ก็เช่นกัน ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน ถ้าเราไม่จากทรัพย์ไปก่อน ทรัพย์ก็จากเราไปก่อน ยิ่งยึดมั่นมาก ยิ่งทุกข์มาก

ในทางพระพุทธศาสนา วิธีการรักษาทรัพย์ที่เป็นของไม่เที่ยงเหล่านี้ให้ติดตัวเราไปได้ตลอดเวลา ทำได้ด้วยการนำทรัพย์ออกให้ทาน ให้เป็นบุญติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติ ดังนั้นจึงควรชักชวนกันตั้งใจให้ทานตั้งแต่วันนี้ ด้วยการตักบาตรทุกเช้า แล้วสมบัติตักไม่พร่องก็จะเกิดขึ้นแก่ตัวเราและครอบครัวตลอดไป

นายนิพันธ์ บุญหลวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก (ในขณะนั้น)
เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ศูนย์กัลยาณมิตรพิษณุโลก ธุดงคสถานพิษณุโลก ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดพิษณุโลก องค์กรภาครัฐและเอกชน จัดตักบาตรพระ ๓,๐๐๐ รูป บริเวณหน้าวิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีพระเดชพระคุณพระราชธรรมคณี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายนิพันธ์ บุญหลวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก (ในขณะนั้น) เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

พิธีตักบาตรในครั้งนี้เป็นหนึ่งในโครงการตักบาตรพระ ๒,๐๐๐,๐๐๐ รูป ๗๗ จังหวัด ทุกวัดทั่วไทย โดยดำริของหลวงพ่อธัมมชโย ประธานมูลนิธิธรรมกาย เพื่อส่งกำลังใจไปช่วยเหลือคณะสงฆ์ ๓๒๓ วัด ใน ๔ จังหวัดภาคใต้

ตักบาตรพระ ๑,๑๑๑ รูป อำเภอเมือง จังหวัดเลย
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ มีพิธีตักบาตรพระ ๑,๑๑๑ รูป ครั้งที่ ๘ บริเวณถนนนกแก้ว วงเวียนน้ำพุ อำเภอเมือง จังหวัดเลย โดยได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณพระราชวีราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดเลย (มหานิกาย) ในขณะนั้น พร้อมด้วยพระเดชพระคุณพระภัทรธรรมสุธี เจ้าคณะจังหวัดเลย (ธรรมยุต) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

ในโอกาสนี้ยังมีพิธีส่งมอบข้าวสารอาหารแห้งที่ได้จากการตักบาตรไปถวายแด่คณะสงฆ์ใน ๔ จังหวัดภาคใต้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการรักษาพระพุทธศาสนาสืบไป

Cr. อัญชลี เรืองจิต
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๖ เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
ทาน...ทรัพย์ที่แท้จริง ทาน...ทรัพย์ที่แท้จริง Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 02:01 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.