มาด้วยใจ อยู่ได้ด้วยรัก
อดีตสามเณรยุวธรรมทายาทรุ่นบุกเบิก -- บวชตั้งแต่ ๑๐ ขวบ
-- รักพระพุทธศาสนาเป็นชีวิตจิตใจ -- เปิดฉากการเรียนบาลีไม่เข้าตากรรมการ
แต่สู้จนได้เป็นนาคหลวง -- ดูแลสามเณรด้วยประสบการณ์ครบเครื่อง
แต่บอกตัวเองว่า “ยังต้องทำให้ดีกว่านี้ !”
นี้แหละ พระมหาสุวิทย์ ธมฺมิกมุนิ นาคหลวงรูปที่ ๓ ของวัดพระธรรมกาย พรรษา
๑๖
พระมหาสุวิทย์เข้าอบรมเป็นสามเณรยุวธรรมทายาทรุ่นแรก (พ.ศ. ๒๕๓๑) โดยรั้งตำแหน่งน้องเล็กของรุ่น
เมื่อได้สัมภาษณ์ท่านแล้ว เรารู้สึกเลยว่าแบบนี้เองที่เขาเรียก
“born to be” (เกิดมาเพื่อการนี้)
“หลวงพี่เคยบวชตอน ๙ ขวบ บวชแล้วรู้สึกผูกพันกับวัด
จะผูกอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่อยากสึก เลยยืดเวลาสึกออกไป วันรุ่งขึ้นจะเปิดเทอมถึงยอมสึก
“ก่อนสึกใคร ๆ ก็ไว้ผมกัน แต่วันสึกหลวงพี่โกนผมจนเกลี้ยงเลย ตอนไปโรงเรียนอาจจะดูแปลกตา
แต่หลวงพี่กลับรู้สึกดี
“สึกออกไปแล้ว ใจยังวนเวียนอยู่กับวัด พอจบ ป.๔ เลยกลับมาบวชอีก
ช่วงแรก ๆ โยมพ่อโยมแม่เป็นห่วง อยากให้สึก เพราะว่ายังเด็กมาก แต่เราขอบวชต่อ”
การอบรมสามเณรยุคนั้นกับยุคนี้ต่างกันมากไหมคะ ?
“สมัยนั้น ความเป็นอยู่ลำบากกว่ายุคนี้ ช่วงอบรมยุวธรรมทายาทต้องกางกลดอยู่บนลานหินเกล็ดโล่ง
ๆ ไม่มีต้นไม้เลย ร้อนก็ร้อน บางทีเวลานอนมีคางคกหรืออึ่งอ่างเข้ามาในกลดด้วย นอน ๆ
ไปมันก็ดิ้นอยู่ในย่าม ก็อยู่กันมาแบบนี้
“การอบรมในยุคนั้นฝึกอยู่ ๓ เรื่องหลัก ๆ คือ ความเคารพ วินัย อดทน ตอนนั้นหลวงพี่อายุน้อยที่สุด
แค่ ๑๐ ขวบ แต่การฝึกเสมอภาคกัน ไม่ได้แบ่งเด็กเล็กหรือเด็กโต ทุกอย่างต้องทำเป็นหมู่คณะ
มีระบบระเบียบ กิจวัตรกิจกรรมก็เข้มงวด”
เมื่อใช้ชีวิตในโครงการอบรมครบ ๓ เดือน สามเณรธรรมทายาทก็เปลี่ยนสถานะมาเป็นสามเณรประจำ
และย้ายมาอยู่ที่กุฏิจาก
“สามเณรประจำต้องฝึกตัวผ่านกิจวัตรกิจกรรมต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่ตื่นนอน ๐๔.๓๐ น. จนกระทั่งเข้านอนเวลา ๒๒.๐๐ น. กิจกรรมในแต่ละวันมีการสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น นั่งสมาธิ เข้าแถวเช็กชื่อ ปฏิญาณตนตอกย้ำเป้าหมายชีวิต ตั้งแถวไปหอฉัน
เรียนหนังสือ ท่องหนังสือ ฉันปานะร่วมกัน ทำความสะอาดบริเวณที่พัก ออกกำลังกาย ฟังโอวาท
ฯลฯ”
ในช่วงแรก ๆ ที่สามเณรน้อยอยู่วัดได้ประมาณครึ่งปี ทางบ้านก็ยังเป็นห่วง
มาตามให้สึกอยู่เรื่อย แต่ท่านไม่อยากสึก เพราะว่ารักวัด อยากอยู่ที่วัด
แต่ก็คงคิดถึงบ้านเหมือนกัน ?
“ตอนมาบวชใหม่ ๆ คิดถึงบ้านเหมือนสามเณรเล็ก ๆ ทั่วไป ที่ช่วยได้มากคือการมีกิจวัตรต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาคิดอะไร แต่ถ้าตอนไหนคิดถึงบ้านขึ้นมาก็จะไปทำงานกับเพื่อน ๆ ทำให้ลืมไปได้”
คิดว่าอะไรทำให้อยู่มาได้เรื่อย ๆ คะ ?
“ระบบการหล่อหลอมของวัดเราปลูกฝังให้เห็นคุณค่าของชีวิตสมณะและการสร้างบุญบารมี โดยมีหลวงพ่อเป็นต้นบุญต้นแบบ พระอาจารย์และพระพี่เลี้ยงคอยอบรม ดูแลประคับประคอง มีเพื่อนที่คุ้นเคยกัน
ทำสิ่งต่าง ๆ ไปด้วยกัน ทำให้เราไม่เบื่อ กิจกรรมก็มีให้ทำทั้งวัน ทำให้ไม่มีเวลาฟุ้งซ่าน
หลวงพี่อยู่มาจะ
๓๐ ปีแล้ว ยังรู้สึกเหมือนอยู่มาแป๊บเดียว”
อีกอย่างหนึ่ง การที่พระมหาสุวิทย์ชอบวิถีชีวิตของสมณะอยู่แล้ว ก็มีส่วนช่วยให้ท่านอยู่กับชีวิตแบบนี้ได้เรื่อย ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ เสมือนนกที่เกิดมาก็ต้องโบยบิน หรือปลาที่เกิดมาก็ต้องแหวกว่ายในน้ำ
อีกอย่างหนึ่ง การที่พระมหาสุวิทย์ชอบวิถีชีวิตของสมณะอยู่แล้ว ก็มีส่วนช่วยให้ท่านอยู่กับชีวิตแบบนี้ได้เรื่อย ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ เสมือนนกที่เกิดมาก็ต้องโบยบิน หรือปลาที่เกิดมาก็ต้องแหวกว่ายในน้ำ
การเรียนบาลีของหลวงพี่ราบรื่นดีใช่ไหมคะ ?
“หลวงพี่ไม่ใช่คนเก่ง เรียนบาลีชั้นแรกสอบตก ๒ ปีซ้อนเลย ปีแรกสอบตกสนามวัด ปีถัดไปตกสนามหลวง
เพื่อน ๆ จบประโยค ๓ กันแล้ว หลวงพี่ยังอยู่ที่เดิม”
เทพระดับนาคหลวงเคยมีวันนี้ด้วย ? บาลีคงจะยากจริง ๆ เราคิดไปเรื่อย...
ในเมื่อสงสัยแล้ว เลยกราบเรียนถามท่านไปว่า เรียนบาลียากตรงไหน ?
“การเรียนบาลีต้องใช้ทั้งความจำและความเข้าใจ ในเรื่องความจำ เราต้องจำเนื้อหามากมาย
เริ่มแรกก็ต้องท่องไวยากรณ์ภาษาบาลีให้ได้ทั้งเล่ม จำบาลีทั้งเล่มไม่ง่ายนะ ต้องท่องตั้งหลายเดือน
ขนาดเราสวดธรรมจักรกันบทเดียว ยังสวดตั้งนานกว่าจะจำได้ใช่ไหม
“ท่องได้แล้วยังต้องมาทำความเข้าใจอีก เรื่องความเข้าใจก็ยาก เพราะว่าสำนวนต่าง
ๆ เป็นภาษาเก่าแก่ ขนาดแปลมาเป็นภาษาไทยแล้วยังเข้าใจยากเลย ยิ่งประโยคสูง ๆ เนื้อหายิ่งเข้มข้น
สำนวนยิ่งยาก หนังสือก็หนาขึ้น
“พอถึงประโยค ๙ ซึ่งเป็นเรื่องการปฏิบัติยิ่งยากขึ้นอีก ถ้าใครเรียนแต่ทฤษฎีจะนึกภาพไม่ค่อยออก
แต่ว่าที่วัดเราหลวงพ่ออยากให้ลูกพระและลูกเณรถึงพร้อมทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ท่านจึงให้เราทำสมาธิควบคู่ไปด้วย เวลาแปลหนังสือเลยเข้าใจง่ายขึ้น”
นอกจาก ๒ เรื่องนี้แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นมากำหนดให้การเรียนบาลียากขึ้นด้วย...
“และเนื่องจากภาษาบาลีเป็นภาษาที่รักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การเรียนการสอนจึงต้องเข้มข้นเพื่อให้นักเรียนมีความรู้จริง ๆ จะได้ไม่ไปตีความพระไตรปิฎกผิด ๆ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนา ความเข้มข้นนี้ยังรวมไปถึงการสอบวัดผลด้วย
คือเวลาสอบจะทำข้อสอบผิดได้ไม่เกิน ๑๒ คะแนน ถ้าเกินก็ตก และศัพท์บางตัวถ้าใช้ผิดจะถูกหักทีเดียว
๖ คะแนนเลย ผู้ที่สอบผ่านแต่ละประโยคจึงต้องมีความรู้แน่นและแม่นจริงๆ”
แม้ว่านี้เป็นแค่เรื่องย่อ ๆ ของความยากแต่ก็ช่วยให้เข้าใจนักศึกษาภาษาบาลีได้ดีขึ้น ทั้งผู้ที่สอบผ่านและยังไม่ผ่าน
อายุมีผลกับการเรียนหรือไม่ ?
“ถ้าอายุมากอาจมีปัญหาเรื่องความจำ แต่การทำความเข้าใจไม่ยาก ส่วนเด็กตรงข้ามกัน
เด็กเข้าใจยาก แต่ความจำดี ตอนนั้นที่หลวงพี่สอบตก หลวงพี่อายุยังน้อย ท่องหนังสือเก่ง
แต่เรียนไม่เข้าใจ”
อยากทราบเทคนิคการเรียน
“ถ้าจะเรียนบาลีให้ได้ผลดี หลัก ๆ ก็คือ ๑. ต้องทุ่มเวลาให้ ๒. ความจำต้องดี ๓. ต้องมีความขยัน
“สำหรับผู้ที่สอบไม่ผ่าน ก็ไม่ควรท้อแท้ ควรมุ่งมั่นดูหนังสือต่อไป แล้วผลจะออกมาดีเอง
ตามเหตุที่เราประกอบ
“ตอนที่หลวงพี่สอบตก ๒ ปีซ้อน ก็รู้สึกว่าเพื่อนที่เรียนด้วยกันค่อย ๆ ทิ้งเราไป
แต่ปลอบใจตัวเองว่า ถ้าเราเรียนไม่หยุด ดูหนังสือทุกวัน เดี๋ยวก็ทันเพื่อน หลวงพี่เลยตั้งใจท่องหนังสือ
ให้เวลากับการเรียนเต็มที่ พอสอบผ่านประโยค ๓ แล้ว คราวนี้ยิงยาวเลย ไปตกอีกทีประโยค
๘-๙ เพราะความรู้เราไม่พอ”
พลิกสถานการณ์มาเป็นนาคหลวงได้อย่างไรคะ ?
“ตอนที่หลวงพี่ตกประโยค ๘ หลวงพ่อเมตตามาดูแลใกล้ชิดเลย
ท่านมาถามทีละรูปว่าทำไมถึงตก จนกระทั่งเจอข้อสรุปว่า พวกเรารู้ไวยากรณ์ไม่หมด ท่านเลยให้เราท่องให้ฟังทุกวัน ประมาณ ๖ โมงเย็นท่านจะมาฟัง
“ตอนนั้นหลวงพี่เป็นประธานสามเณร ต้องไปนำท่องไวยากรณ์ให้ท่านฟังจนกระทั่งจำได้หมด
ปีนั้นเลยสอบได้”
ด้วยการดูแลเอาใจใส่และสนับสนุนของหลวงพ่อทั้งสอง ทำให้กระแสการเรียนบาลีแพร่สะพัดในวัดพระธรรมกาย
จนกระทั่งมีผู้สอบผ่านเปรียญธรรมประโยคต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งพระมหาสุวิทย์หรือ สามเณรสุวิทย์
ธีรเนตร ในขณะนั้น ซึ่งสามารถสอบประโยค ๙ ได้ในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ และได้เป็นนาคหลวงด้วย
“นาคหลวง” คือ ผู้ที่สอบได้เปรียญธรรม
๙ ประโยคขณะยังเป็นสามเณร และได้รับการอุปสมบทในอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเจ้าภาพในการอุปสมบท
“ตอนที่ได้ ป.ธ. ๙ หลวงพี่ยังเป็นสามเณรอยู่
จึงได้เป็นนาคหลวง ได้บวชที่วัดพระแก้ว โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นเจ้าภาพในการบวช
และยังได้รับพระบรมราชูปถัมภ์ตลอดชีวิตด้วย ซึ่งถือกันว่าเป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรี
“หลังจากเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดพระแก้วแล้ว หลวงพี่ก็กลับวัดพระธรรมกาย พอมาถึงก็เห็นหลวงพ่อท่านนั่งรออยู่หน้าโบสถ์
หลวงพ่อท่านชอบสามเณรนาคหลวง ท่านอยากสร้างต้นแบบขึ้นมาให้สามเณรรุ่นหลังได้เห็นเป็นแรงบันดาลใจในการเล่าเรียน
“ตอนนั้น หลวงพ่อไม่ค่อยสบายแล้ว ท่านจึงไม่ได้ลงจากรถ หลวงพี่ไปกราบท่านหน้าประตูรถเลย
ส่วนหลวงพ่อทัตตชีโวอยู่ในพิธีมุทิตานาคหลวงในโบสถ์”
เรียนจบแล้ว รับหน้าที่อะไรบ้างคะ ?
“เราโตมาบนเส้นทางนี้ มีทั้งความเข้าใจและประสบการณ์ จึงได้รับมอบหมายให้เป็นพระพี่เลี้ยงดูแลสามเณรตั้งแต่วันแรกที่บวชพระ
และต่อมาได้สอนภาษาบาลีด้วย”
เป็นงานที่ชอบ ?
“ใช่ หลวงพี่รักชีวิตสามเณรและสถานที่นี้มาก คิดว่าถ้าบวชแล้วจะมาเป็นพระพี่เลี้ยงสร้างน้องสามเณรรุ่นถัดไป
“ตอนเป็นสามเณร เราเห็นหลวงพ่อเอาใจใส่และแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสามเณรมาตลอด
ท่านบอกว่า ‘สามเณรเป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา เป็นความเป็นความตายของพระศาสนา’
เพราะว่าสามเณรได้รับการปลูกฝังทั้งพุทธประวัติและพระธรรมคำสอนมาตั้งแต่เด็ก
ทุกอย่างค่อย ๆ ซึมซับเข้าไปในชีวิตจิตใจ ทำให้รักชีวิตสมณะและพระพุทธศาสนามาก
“หลวงพ่อเคยสั่งไว้ด้วยว่า ‘ตั้งใจดูแลน้องให้ดีนะลูก
ให้ถ่ายทอดสิ่งที่เราฝึกตัวเองมาและที่เราได้ยินได้ฟังจากหลวงพ่อให้น้องรุ่นหลัง ๆ
ฟัง หลวงพ่อไม่มีเวลา’ ท่านมอบภารกิจให้ ทำให้เรายิ่งอยากมาอยู่ในจุดนี้ เพื่อสร้างบุคลากรขึ้นมาดูแลรักษาพระพุทธศาสนาต่อไป
เหมือนที่หลวงพ่อ พระอาจารย์ และพระพี่เลี้ยงเมตตาสร้างเรามา”
ดูแลสามเณรมากมาย มีวิธีอบรมอย่างไร ?
“อบรมด้วยศีล ด้วยธรรม หล่อหลอมโดยยึดตามพระธรรมวินัยและกฎระเบียบของวัด แล้วอาศัยความเมตตาเคี่ยวเข็ญสั่งสอน
อบรม แก้ไขปัญหากันไป เราคิดว่าเด็กมาถึงหลวงพ่อแล้ว ต้องมีบุญระดับหนึ่ง คราวนี้อยู่ที่ความสามารถของเราแล้ว
ว่าจะอบรมได้ดีขนาดไหน”
ผลงานน่าปลื้มใจ รู้สึกอย่างไรบ้างคะ ?
“คิดว่ายังต้องทำให้ดีกว่านี้ เพราะว่าสามเณรเป็นผู้ที่จะรักษาวัดและพระศาสนาต่อไป
ถ้าเราทำตรงนี้ได้ดี ในอนาคตวัดเราก็จะอยู่ได้ แต่ถ้าเราทำได้ไม่ดี ในอนาคตหากวัดเกิดปัญหาขึ้น
ส่วนหนึ่งถือเป็นความบกพร่องของเรา ฉะนั้นเราต้องทำให้ดีกว่านี้เพื่อสร้างสามเณรที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น”
มาถึงวันนี้แล้ว รู้สึกอย่างไรกับชีวิตบ้างคะ ?
“หลวงพี่อยู่วัดมาตั้งแต่ ๑๐ ขวบ ตอนนี้อายุจะ ๔๐ ปีแล้ว เกือบ ๓๐ ปีที่อยู่วัด รู้สึกรักวัด
รักหมู่คณะ และภูมิใจในตัวเอง ในหมู่คณะ ในองค์กร เพราะว่าสิ่งที่หมู่คณะเราทำล้วนแต่เป็นบุญ
เป็นบารมี และเป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา แก่ชาวโลก หลวงพ่อและครูบาอาจารย์ท่านทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
พอเราเห็น เราก็เกิดความศรัทธาในตัวท่าน ทำให้รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะนี้”
ขอคำถามสุดท้ายนะคะ การเรียนบาลีสำคัญอย่างไรบ้าง ?
“สิ่งที่เราเรียนเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราได้เห็นชีวิตของท่านที่โลดแล่นอยู่ในเนื้อหา
เห็นความยิ่งใหญ่ จิตใจที่ประเสริฐ และความเพียรในการสร้างบารมีของท่าน ซึ่งล้วนแต่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ทำให้รู้สึกประทับใจและศรัทธาอย่างลึกซึ้งในพระพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนา
“สมัยเด็ก ๆ เรายังเคยอยากจะเป็นพระพุทธเจ้าเลย จึงพยายามปฏิบัติตามท่าน การเรียนบาลีจึงสำคัญมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสามเณร เพราะเป็นการปลูกฝังความรักในพระพุทธศาสนาตั้งแต่เยาว์วัย
เป็นการสร้างความมั่นคงแก่พระศาสนา
“การเรียนบาลียังทำให้เราไม่หลงทางด้วย เพราะเราได้เรียนมาจากพระไตรปิฎกโดยตรง
ว่าพระพุทธเจ้าสั่งสอนอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร เราจะได้น้อมนำความรู้ที่ถูกต้องมาฝึกฝนและพัฒนาชีวิตเราให้บรรลุประโยชน์ที่ควรจะได้รับ
ในฐานะที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา
“ที่สำคัญ การเรียนบาลีเป็นการรักษาคำสอนของพระพุทธเจ้าเอาไว้ และยังนำไปเทศน์เผยแผ่ศาสนาได้ด้วย
ซึ่งเป็นการสืบต่ออายุพระศาสนาให้ยืนยาว หลวงพี่จึงอยากให้พระภิกษุ-สามเณรให้ความสำคัญกับการเรียนบาลี เพราะว่าหากเราไม่เห็นคุณค่าของภาษาบาลี
ก็คงยากจะมีใครมาสนใจให้ความสำคัญ”
มนุษย์เราหากเกิดมาเพื่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้ว จะให้ไปทำอย่างอื่นก็คงไม่ใช่
เพราะว่าการได้ทำสิ่งที่ตนรัก นอกจากจะมีความสุขแล้ว ผลงานที่เกิดจาก “ฉันทะ” ยังมักไม่ธรรมดาอีกด้วย ดังเช่น พระมหาสุวิทย์ ธมฺมิกมุนิ ที่ออกบวชด้วยใจรัก
เมื่อบวชแล้วก็แปรเปลี่ยน “ความรักในสมณเพศ” ซึ่งเป็นเพียงนามธรรม ให้ปรากฏเป็นรูปธรรม ด้วยการตั้งใจเรียนจนจบเปรียญธรรม
๙ ประโยค ได้เป็นนาคหลวง แล้วนำความรู้ความสามารถมาดูแลสามเณรรุ่นแล้วรุ่นเล่าให้เติบโตขึ้นมาเป็นลมหายใจของพระพุทธศาสนาสืบไป
Cr. กลุ่มดาวมีน
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๗๖ เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
มาด้วยใจ อยู่ได้ด้วยรัก
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
00:17
Rating:
กราบอนุโมทนาพระอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ตอบลบกราบ กราบ กราบ น้อมคารวะอย่างสูงเจ้าค่ะ
ตอบลบกราบอนุโมทนาสาธุการกับความเพียร และความตั้งใจ
และมุ่งมั่น จนมีประวัติชีวิตที่งดงาม เป็นตัวอย่างแก่ทุกๆชีวิตที่จะได้รับรู้ถึงความทุ่มเท และตั้งใจจริงของท่านค่ะ
สาธุค่ะ โยมอ่านแล้วซาบซึ้งใจ ปลื้มใจมาก ดีใจกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ท่าน สามารถอบรมบ่มนิสัยหล่อเลี้ยงหัวใจของลูกพระลูกเณรของท่าน ด้วยความรักความเมตตาด้วยหัวใจรักในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ทำให้ได้ลูกพระลูกเณรที่ดี มีคุณภาพคับแก้วจริงๆ ผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาทั้งๆที่อยู่ยาก ลำบาก งานก็หนัก แต่ทุกท่านก็ทำได้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ โดยทุ่มเทด้วยหัวใจแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันกันจริงๆสาธุค่ะ
ตอบลบกราบอนุโมทนาบุญครับ.
ตอบลบสาธุๆๆๆ...