ผู้ให้...ย่อมได้รับ


ผู้ให้... ย่อมได้รับ
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา
หลวงพ่อธัมมชโย
วันอาทิตย์ที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๕

ในสมัยพุทธกาล พระราชธิดาของพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงพระนามว่า สุมนา เมื่อทรงเจริญพระชนม์ได้ ๗ ชันษา ทรงทอดพระเนตรเห็นสิ่งที่เป็นอจินไตยเกิดขึ้น แต่ได้เก็บไว้เป็นความลับไม่กล้าบอกใครเพราะเกรงว่าเขาจะไม่เชื่อ จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อมหาวิหารเชตวันสร้างเสร็จใหม่ๆ พระเจ้าปเสนทิโกศลรับสั่งให้พระราชธิดาไปรับเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลังจากที่ถวายบังคมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบูชาด้วยของหอมและดอกไม้ แล้วได้ประทับนั่งในที่อันควร แล้วจึงได้กราบทูลถามถึงเรื่องที่ทรงสงสัยว่า พระราชธิดาสุมนาทรงสดับเสียงสนทนาของทารกเกิดใหม่ ๒ คน คนหนึ่งนอนอยู่ในเปลทอง อีกคนหนึ่งนอนที่พื้นใกล้ๆ กัน ทารกที่นอนในเปลทองเป็นพระอนุชาของพระองค์ ได้ตรัสกับทารกที่นอนบนพื้นซึ่งเป็นลูกของหญิงรับใช้ว่า 'เห็นไหม ท่านไม่เชื่อคำชักชวนของเราว่าให้ทำทานตั้งแต่ชาติที่แล้ว ถ้าทำทาน ก็จะได้เกิดในอู่ทองแล้วก็มีสมบัติใหญ่อย่างนี้' ทารกที่นอนที่พื้นบอกว่า 'ถึงจะร่ำรวยมีทรัพย์สินเงินทองแค่ไหน มันก็เป็นแค่ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เท่านั้น ไม่เห็นว่าจะสำคัญอย่างไร จะได้นอนเปลทองหรือว่านอนบนพื้นมันก็เหมือนกัน' เด็กทารกสองคนสนทนากันตั้งแต่เกิด พระราชธิดาสุมนาซึ่งมีพระชันษาเพียง ๗ ขวบ จึงไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง และได้นำมาทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ก็ทรงยืนยันว่าสิ่งที่พระราชธิดาเห็นเป็นจริงอย่างนั้น

พระนางสุมนาจึงกราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า คนสองคนมีศรัทธา มีศีล มีปัญญาเสมอกัน คนหนึ่งให้ทาน อีกคนหนึ่งไม่ให้ คนทั้งสองจะแตกต่างกันอย่างไร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ให้ย่อมได้รับสิ่งอันเลิศกว่าผู้ไม่ให้ ทั้งอายุ วรรณะ สุข ยศ และอธิปไตย

ผู้ให้ทานเวลาไปเกิดเป็นเทวดา ย่อมได้รับของที่เป็นทิพย์อันเลิศกว่าผู้ไม่ให้ ๕ ประการคือ อายุ วรรณะ สุข ยศ และอธิปไตย อายุจะยืนกว่าเทวดาที่ไม่ได้ให้ทาน วรรณะก็คือรัศมี ผู้ให้ก็จะเป็นเทวดาที่รัศมีสว่างกว่าเทวดาที่ไม่ได้ให้ จะมีความสุขมากกว่า มียศใหญ่กว่า มีอธิปไตยคือมีความเป็นใหญ่ มีบริวารมากกว่า ผู้ให้กับผู้ไม่ให้ เมื่อตายแล้วไปอยู่บนสวรรค์ก็แตกต่างกันอย่างนี้

และเมื่อลงมาเกิดเป็นมนุษย์ก็แตกต่างกันด้วยเหตุ ๕ ประการนี้ นั่นคือเกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่อายุ ผิวพรรณ วรรณะ ความสุข ยศ และความเป็นใหญ่ และแม้ออกบวชแล้วก็แตกต่างกันโดยธรรม ๕ ประการนั้นเช่นเดียวกัน

มีพระอรหันต์รูปหนึ่ง ไม่เคยทำทานเลย ได้แต่รักษาศีลแล้วก็เจริญภาวนาเรื่อยมา ในชาติสุดท้ายเกิดมาก็อดๆ อยากๆ แม้บวชเป็นบรรพชิตแล้วก็ยังบิณฑบาตได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ทำความเพียรปฏิบัติธรรมจนกระทั่งบรรลุเป็นพระอรหันต์ ได้ฉันอาหารอิ่มมื้อเดียวตอนก่อนจะดับขันธปรินิพพาน โดยที่พระสารีบุตรไปบิณฑบาตมาแล้วก็เอามือจับบาตรนั้นท่านจึงได้ฉัน นี่ผู้ที่ไม่ทำทานมาต้องอาศัยบุญของคนอื่นอย่างนี้

เพราะฉะนั้นแม้เป็นบรรพชิตเหมือนกัน แต่ผู้ให้กับผู้ไม่ให้ก็แตกต่างกันด้วยอายุ วรรณะ สุข ยศ และอธิปไตย แต่การบรรลุมรรคผลนิพพานนั้นไม่แตกต่างกัน พูดง่ายๆ ก็คือคนที่เป็นผู้ให้จะร่ำรวย สมบูรณ์ มีความสุข สบายกว่าผู้ที่ไม่ให้ ไม่ว่าจะไปเกิดเป็นชาวสวรรค์ ไปเกิดเป็นมนุษย์ หรือเป็นพระ เป็นนักบวชก็ตาม เพราะฉะนั้น จึงควรหมั่นทำทานบ่อยๆ เราจะได้สร้างบารมีอย่างสะดวกสบายไปทุกภพทุกชาติ

หลวงพ่อมีความปลื้มปิติใจที่เห็นลูกทั้งหลายต่างขนขวายในการสร้างมหาทานบารมี ดูแล้วน่าอัศจรรย์ทีเดียว เพราะการเข้าแถวกันสร้างมหาทานบารมี ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เลย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีงาม ลูกทุกคนได้ใช้ชีวิตในกายมนุษย์ให้เป็นประโยชน์ต่อการสร้างบารมีอย่างแท้จริง

เพราะฉะนั้นตลอดเส้นทางแห่งการเดินทางไปสู่ที่สุดแห่งธรรมของลูกทุกคนจะสมบูรณ์ในทุกสิ่งตลอดเวลาเรื่อยไปจนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม จะได้ที่สุดแห่งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ ที่สุดแห่งรูปสมบัติคือจะได้กายมหาบุรุษ แล้วก็มีสมบัติจักรพรรดิ์ตักไม่พร่องไว้ใช้สร้างบารมีจนอิ่มใจเลยทีเดียว เราจะมีคุณสมบัติสมบูรณ์ทั้งวิชชาและจรณะ ดังนั้นให้พยายามสร้างบารมีกันให้สม่ำเสมอ อย่าให้ขาดตอนเลย สายบุญสายสมบัติจะได้ต่อเนื่องกันไป

หลวงพ่อขออนุโมทนาสาธุการในมหาทานบารมี และความตั้งใจที่จะสร้างความดี ตลอดจนกระทั่งธรรมฏิบัติที่ลูกทุกคนได้ทำมาในวันนี้ จงมารวมอยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗  ให้กลั่นกาย วาจา ใจ ธาตุธรรม เห็น จำ คิด รู้ ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส ให้ดวงบุญนี้มีฤทธิ์ มีเดช มีอานุภาพดึงดูดมหาสมบัติจักรพรรดิ์ตักไม่พร่องไว้ใช้สร้างบารมีไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม ให้ได้สมบัติอัศจรรย์ทันใช้สร้างบารมีอย่างเหลือเฟือไม่ขาดมือ ให้หมดหนี้หมดสิน เหลือกินเหลือใช้ เหลือไว้สร้างบารมี จะปฏิบัติธรรมก็ให้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในวิชชาธรรมกาย อย่างสะดวกสบายอย่างง่ายดายอย่างถูกต้องร่องรอยตรงไปตามความเป็นจริง ใครเจ็บป่วยไข้ก็ขอให้บุญรักษาให้หายเจ็บหายป่วยหายไข้ หนักก็เป็นเบา เบาก็ให้หายเลย แต่ถ้าถึงคราวที่จะไปเสวยผลบุญ ก็ขอให้ไปอย่างสบายๆ ให้มีสุขในสุคติภพ ให้สร้างบารมีได้นานๆ จะประกอบธุรกิจการงานอันใดก็ให้ประสบความสำเร็จเป็นอัศจรรย์ ให้ซื้อง่าย ขายคล่อง กำไรงาม เป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญค้ำจุนพระพุทธศาสนาไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม

ให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข เป็นครอบครัวแก้ว ครอบครัวธรรมกาย ครอบครัวตัวอย่างของโลก ให้เป็นที่รักของมนุษย์และเทวาทั้งหลาย อัคคีภัย โจรภัย ราชภัย ภัยทุกชนิดอย่าได้มากล้ำกราย ให้พบปะแต่สิ่งที่ดีงามที่จะนำชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ความปรารถนาอันใดก็ตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้อย่างดีแล้ว ขอจงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จ ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมกายของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์จงทุกประการเทอญ

เรื่อง : พระธรรมเทศนา หลวงพ่อธัมมชโย
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑ ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกบทความได้ที่นี่ https://dhamma-media.blogspot.com/2019/06/blog-post_10.html

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF 

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑ ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้ที่นี่
คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือนของปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้ที่นี่
คลิกอ่านหรือดาวน์โหลดวารสารอยู่ในบุญประจำเดือนของแต่ละปี (ฉบับ PDF) ได้ที่นี่
ผู้ให้...ย่อมได้รับ ผู้ให้...ย่อมได้รับ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 20:12 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.