ทำไมต้องสั่งสมบุญบ่อย ๆ
ทำไมต้องทำบุญบ่อย
ๆ หรือ?
ทำไมเราต้องกินข้าวบ่อย ๆ เมื่อเช้ากินแล้ว
เที่ยงก็ยังกินอีก กลางคืนก็กินอีกแล้ว อีก ๗ วันค่อยกินไม่ได้หรือ
มีคนบ่นไหมว่าทำไมกินบ่อย มีแต่บ่นว่าหิว ก็แบบเดียวกัน ข้าวปลาอาหารที่เรากินเข้าไปเป็นอาหารสำหรับหล่อเลี้ยงร่างกาย
แต่บุญเป็นอาหารของใจก็ว่าได้ และเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง เป็นพลังขับดัน
ให้เราพบความสุขความสำเร็จในชีวิต ข้าวปลาอาหารที่เรากิน
คนทั่วไปนึกว่าได้มาเพราะความวิริยอุตสาหะที่เราทำงาน ได้เงินมาก็ไปซื้อข้าวปลาอาหารมากิน
แต่ความจริงถ้าไม่มีบุญหล่อเลี้ยง ทรัพย์เหล่านี้ก็ไม่มา เราเกิดมาเป็นคนได้ก็เพราะบุญ
ดำรงชีวิตอยู่ได้ก็เพราะบุญ
มีบุญเป็นพลังหนุนอยู่ภายใน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำต้องใช้บุญ
เราใช้บุญทุกนาทีที่ผ่านไป เหมือนที่ร่างกายก็ใช้พลังทุกนาทีที่ผ่านไป ถึงคราวเราจึงต้องเติมอาหารอยู่เรื่อย
ๆ เช่นเดียวกันกับการดำเนินชีวิตที่เราต้องใช้บุญไปตลอด
ถ้าเราไม่เติมบุญบุญก็จะพร่อง แล้วจะมีอุปสรรค มีปัญหาเกิดขึ้น
ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องสั่งสมบุญบ่อย ๆ ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ว่า
“ถ้าบุรุษจะพึงทำบุญไซร้ ควรทำบุญนั้นบ่อย
ๆ พึงทำความพอใจในบุญนั้น เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้” เพราะฉะนั้นขอให้เราทำบุญอย่างสม่ำเสมอ
บุญเล็ก บุญน้อย บุญใหญ่ ให้ทำไปทุก ๆ บุญ
แล้วบุญที่ทำไว้จะมาส่งผลเป็นความสุขความสำเร็จให้แก่เรา
คนที่มีทรัพย์น้อยบางคนไม่เข้าวัดเพราะคิดว่าไม่มีเงินทำบุญ
จะอธิบายให้เขาฟังอย่างไร?
ให้เขายึดหลักที่ถูกต้อง คือ
ถ้าทำบุญด้วยจิตที่เลื่อมใสมาก จะได้บุญมาก สาระสำคัญอยู่ตรงนี้
ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ทำเต็มกำลังศรัทธาของตน จะได้บุญมาก มีคนหนึ่งทำอาชีพเก็บผักบุ้งขาย
พวกเราไปชวนเขาทอดผ้าป่า เขาฟังจนเกิดความปีติ ควักเงินออกมาทำบุญ ๑ บาท แต่ ๑
บาทของเขามีค่ามาก ในกระเป๋ามีอยู่แค่บาทเดียว
เขาทำ ๑ บาทหมดตัวแล้ว แบบนี้ก็ได้บุญเยอะ “เมื่อมีจิตเลื่อมใสแล้ว ทักษิณาทานหาชื่อว่าเป็นของน้อยไม่” นี้คือโอวาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราเลื่อมใสเมื่อไร สิ่งที่ทำลงไปเป็นบุญทั้งนั้น ใครมีทรัพย์มาก
มีความเลื่อมใสมาก ก็ทำเต็มที่เต็มกำลังศรัทธา
คนมีทรัพย์น้อยถ้าทำเต็มกำลังศรัทธาของตัวเอง ก็จะได้บุญเยอะ
เพราะฉะนั้นมาเถิด ที่วัดเปิดกว้างสำหรับทุก ๆ
คน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีมีทรัพย์ คนทั่วไป หรือคนยากจน ก็สามารถมาได้ รถก็ขึ้นฟรี
ที่วัดก็มีข้าวเลี้ยง หลวงพ่อวางคอนเซปต์ไว้เมื่อสร้างวัดว่า
ฐานะทางเศรษฐกิจไม่ควรจะเป็นเครื่องกีดกั้นการศึกษาธรรมะ และปฏิบัติธรรม
ท่านจึงเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถมาปฏิบัติธรรมและศึกษาธรรมะได้แบบสะดวกที่สุด
ขึ้นรถมาฟรี กินข้าวฟรี แล้วก็กลับบ้าน ใครมีเงินจะทำบุญ ๑ บาทก็ได้หรือจะทำ ๕ บาท
๑๐ บาท แล้วแต่ว่ามีทรัพย์มีศรัทธาเพียงใด ก็ทำให้เต็มกำลังศรัทธา
จะทราบได้อย่างไรว่าช่วงไหนบุญเรามากขึ้น
ช่วงไหนบุญน้อยลง?
ถ้าหากเรานั่งสมาธิได้ดี
เราจะไปเห็นดวงบุญได้เลย บุญเป็นดวงใส ๆ อยู่ที่ศูนย์กลางกายของเรา บาปเป็นดวงดำ ๆ
มืด ๆ เวลาที่ใจเราแปดเปื้อน ดวงบาปจะมาคลุมเคลือบทำให้ใจเสียคุณภาพ
นี้คือกรณีคนที่นั่งสมาธิดีแล้วไปเห็น แม้ว่าคนส่วนใหญ่ยังนั่งสมาธิไม่เห็น
แต่ก็รู้ได้จากอาการของบุญหรือบาปที่แสดงออกมา เมื่อไรที่บุญส่งผล
เวลาจะทำอะไรรู้สึกมันราบรื่น เย็น ๆ สบาย ๆ และสำเร็จง่าย ๆ แต่พอบาปส่งผล
ทำนั่นก็ติดขัด ทำนี่ก็มีปัญหา เรื่องราวร้าย ๆ ก็จะเข้ามา
แต่ตอนบุญส่งผลจะมีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามา มีคนมาช่วยเหลือ ทุกอย่างราบรื่นสำเร็จหมด
แต่เราต้องเข้าใจหลักวิชาด้วยว่า บุญเกิดจากการประมวลรวม บาปก็เช่นเดียวกัน
อย่างเช่นการสร้างบุญมีทั้งการให้ทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา
เราอย่าไปติดว่าทำบุญคือทำด้วยเงินอย่างเดียว นั่นเป็นส่วนหนึ่ง
แต่เราต้องมีศีลและมีสมาธิด้วย ดังนั้นถ้าตอนไหนใครไปทำผิดศีล สมาธิก็ไม่นั่ง
บาปจะได้ช่องส่งผล จะมาตัดรอนและขวางบุญ จะทำให้ทุกอย่างสะดุดไปเลย
วิธีแก้ก็ต้องเอากระแสของบุญมาเสริมทั้งการให้ทาน
การรักษาศีล แล้วก็ตั้งใจนั่งสมาธิ
คนที่รู้หลักวิชาพอเห็นท่าไม่ค่อยดียังไม่ทันจะเกิดปัญหาก็เตรียมการไว้ก่อน เช่น
กำลังจะทำโครงการใหญ่ รู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญต้องใช้พลังบุญเยอะ
ก็รีบมองหาบุญใหญ่เลยว่าจะทำบุญใหญ่อะไรดี จะได้มีกำลังบุญมาหนุนส่ง
แล้วก็ตั้งใจรักษาศีล อย่างน้อยศีล ๕ ให้บริบูรณ์ ตั้งใจนั่งสมาธิเป็นพิเศษ
ถ้าอย่างนี้เรียกว่าทำถูกหลักวิชา ถือว่าเป็นผู้ไม่ประมาท เตรียมการไว้ล่วงหน้า
ทุกอย่างก็จะราบรื่น ไม่รอให้ปัญหาเกิด แต่แก้ปัญหาไว้ก่อนล่วงหน้า ถ้าทำได้อย่างนี้ดีที่สุด
แต่ถ้าปัญหาเกิดแล้ว แสดงว่าบุญชักหย่อน
บาปมาขวางแล้ว ถึงตอนนั้นก็รีบเติมบุญให้เต็มที่ แม้จะช้าไปนิด
แต่ก็ยังดียังคลี่คลายได้ แต่ถ้ายังประมาทต่อไปจะยิ่งแย่ไปใหญ่ วงจรลบจะส่งผล
เพราะพอสะดุดปั๊บก็จะติดขัด ใจก็หงุดหงิด สมาธิก็แตกกระจายฟุ้งซ่าน บางทีเผลอ ๆ
ไปทำผิดศีลเข้าอีก บางคนบอกไม่สะดวก วันนี้ยังไม่ทำ เลยพร่องทั้งทาน ศีล ภาวนา
เป็นวงจรลบ แย่ไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นต้องทำให้ถูกหลักวิชา เสริมวงจรให้กลายเป็นบวกให้ได้
ทำทั้งทาน ศีล ภาวนาให้ดี แล้วทุกอย่างจะสำเร็จ
ผู้ที่อยู่ในภพภูมิเทวดาหรือภพภูมิอื่น
ๆ สามารถสร้างบุญได้เหมือนมนุษย์ไหม?
จริง ๆ แล้ว
ผู้ที่อยู่ในภพภูมิอื่นก็สามารถสร้างบุญได้ แต่ว่ามนุษย์เรามีกายหยาบ
จะทำบุญหรือทำบาปก็ตาม จะเกิดผลแรง เพราะมีกายหยาบอยู่
ส่วนเทวดาหรือพรหมเป็นกายละเอียด ทำบุญได้ไหม? นั่งสมาธิได้ไหม? ได้
แต่ได้ผลน้อย เพราะว่าเป็นกายละเอียด
กายละเอียดและกายหยาบแตกต่างกันอย่างไร? ให้เราลองนึกดูอย่างนี้ว่า
เวลาเรานึกจะยกแก้วน้ำขึ้นกับเวลาที่เราลงมือยกแก้วน้ำจริง ๆ ต่างกันไหม
หรือเวลาเรานึกว่าอยากจะช่วยคนนั้นคนนี้กับลงมือช่วยจริง ๆ ต่างกันไหม
การลงมือช่วยทำด้วยกายหยาบ ผลเกิดขึ้นเยอะกว่า
กายละเอียดทำบุญได้เหมือนกันแต่ผลต่างกันเป็นร้อยเท่าพันเท่า เป็นเทวดา
นางฟ้าเป็นช่วงของการเสวยผลบุญ ถ้าตกนรกเป็นช่วงของการเสวยผลบาป อยู่บนโลกมนุษย์เป็นช่วงประกอบเหตุ
อยู่ที่เราจะเลือกใช้กายมนุษย์หยาบประกอบเหตุในการสร้างบุญหรือสร้างบาป
ถ้าสร้างบุญก็ได้บุญมหาศาล ถ้าทำบาปก็ได้บาปมหาศาล
เหมือนที่เขาเปรียบไว้ว่า
ฆ่าวัวฆ่าควายไปตัวหนึ่ง
จะต้องไปเกิดเป็นวัวเป็นควายให้เขาฆ่าเท่าจำนวนขนวัวขนควายเป็นหมื่นเป็นแสนเส้น
นั่นเป็นการเปรียบเทียบ จริง ๆ แล้วยิ่งกว่านั้น ถ้าไม่มีบุญอื่นมาช่วยไว้
เวลาบาปส่งผลไปตกมหานรกขุมหนึ่ง สัญชีวมหานรกตายเกิด ๆ วันหนึ่งเป็นล้านครั้ง
โดนฆ่าเสร็จพอตายปั๊บก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วโดนฆ่าอีกยิ่งกว่าแสนเท่าล้านเท่า
น่ากลัวมาก ๆ ช่วงที่มีกายมนุษย์หยาบทำอะไรแล้วผลมันแรง ทำบาปผลก็แรง
แต่ถ้าทำความดี สร้างบุญสร้างกุศลผลก็แรงเหมือนกัน
คนเราถ้าซื้อลอตเตอรี่แล้วถูกทุกใบจะซื้อไหม? ซื้อแน่ เพราะว่าซื้อแล้วถูกทุกใบ ลงทุนไปแค่ไม่กี่บาท
ได้ผลตอบแทนเป็นแสนเป็นล้านเท่า รู้สึกคุ้มค่า
แต่ความจริงการที่เรามีกายมนุษย์หยาบอย่างนี้อยู่
เรียกว่าเราสามารถถูกแจ็กพอตได้ตลอดเลย ทุกบาททุกสตางค์ที่เราทำบุญไป
ผลยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่อีก แต่ถ้าเราไปทำบาปก็ยิ่งกว่าแจ๊กพอตแตก จะมีเรื่องร้าย ๆ
สารพัดโหมมาใส่
เพราะฉะนั้นขอให้เราใช้โอกาสที่เกิดมาเป็นมนุษย์ทำความดีอย่างเต็มที่เถิด
ทำอย่างไรถึงจะมีกำลังใจในการสร้างบุญสร้างบารมี?
เราต้องเห็นประโยชน์ของบุญก่อน
ถามว่าเราไปเรียนหนังสือตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์แปดโมงเช้าเข้าโรงเรียน
ยิ่งถ้าอยู่กรุงเทพฯ เกรงรถติดก็ต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด
พอโรงเรียนเลิกกลับถึงบ้านก็เย็น ทำแบบนี้ทุกวันเบื่อไหม? ที่จริงไม่ใช่เรียนแค่วันสองวันหรือเดือนสองเดือน
แต่เรียนเป็นสิบ ๆ ปี กว่าจะจบมหาวิทยาลัย ทำไมเขายังกัดฟันเรียนกันทั้งประเทศ
เพราะเขาเห็นประโยชน์ใช่ไหม ถ้าไม่ทนเรียนแล้วจบแค่ประถม มัธยม จะไปทำงานอะไร
เพราะฉะนั้นก็ต้องกัดฟันสู้ เพราะเห็นว่าจะทำให้สามารถประกอบอาชีพที่ดี ๆ
และอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุขต่อไป คนเราจะเกิดฉันทะที่จะทำก็ต่อเมื่อเห็นประโยชน์
ซึ่งเรื่องทางโลกเห็นได้ง่าย ไปเรียนหนังสือแล้วจะมีความรู้ และจะได้ทำงานดี ๆ
มันชัดเจน มีตัวอย่างรอบตัวเยอะ คนก็มีกำลังใจทำ
แต่เรื่องบุญบางคนเห็นบางคนไม่เห็น บางคนยังไม่เชื่อเลยว่าบุญบาปมีจริง
ยังลังเลอยู่ ขอให้เรามั่นใจในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเถิดว่า ตายแล้วไม่สูญ
การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง บุญบาปมีจริง
คนที่ระลึกชาติได้พิสูจน์กันมาแล้วว่ามีจริง สรุปฟันธงกันไปเรียบร้อยแล้ว
ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป นี้ไม่ใช่เรื่องของความเชื่อ
แต่เป็นความจริงที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์มาแล้วว่า มนุษย์เรามีการเวียนว่ายตายเกิด
รู้อย่างนี้แล้วก็ขอให้มีความตั้งใจขวนขวายในการสร้างบุญยิ่ง ๆ ขึ้นไป
แล้วก็ให้ระลึกถึงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า “บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มาถึง
หยาดน้ำทีละหยาดยังหม้อน้ำให้เต็มได้ฉันใด บุญที่เราทำทีละน้อยก็จะเต็มบริบูรณ์ ส่งผลให้เราได้อย่างนั้นเหมือนกัน”
ดังนั้น
อย่าไปคิดว่าบุญที่เราทำเป็นเรื่องนิดหน่อย เหมือนเวลาเราเรียนหนังสือ
เรียนวันนี้ความรู้เพิ่มจากเมื่อวานเท่าไร? ก็นิดหน่อยเหมือนกัน แต่เรียนทุกวัน ๆ เดี๋ยวก็มีความรู้มากขึ้นเอง
และอย่าว่าแต่น้ำในหม้อหรือในโอ่งเลย แม้น้ำในแม่น้ำลำธาร
ในเขื่อนใหญ่หรือในมหาสมุทรใหญ่ ก็มาจากฝนที่ตกลงมาทีละหยด
เมื่อรวมกันเข้าก็กลายเป็นมหานทีได้ เพราะฉะนั้นบุญที่เราทำทุกวัน
ถ้าทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ย่อท้อ
สุดท้ายก็จะเต็มบริบูรณ์และส่งผลต่อชีวิตของเราอย่างมหาศาล
Cr. พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๕๘
เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
คลิกอ่านข้อคิดรอบตัวของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
เริ่มปีใหม่ในแบบชาวพุทธ
ข้อคิดจากคำว่า “รัก”
ข่าวพระพุทธศาสนา
บาปที่ทำ กรรมที่รับไว้
วิสาขบูชา วันสำคัญของชาวโลก
พระพี่เลี้ยง
ไขทุกปัญหาก่อนบวช โครงการอุปสมบทหมู่ ๑๐๐,๐๐๐ รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย
แม่..พระในบ้าน
นักสร้างบารมีกับเทคโนโลยีสมัยใหม่
ความลึกลับ : สิ่งที่วิทยาศาสตร์คาดไม่ถึง
ข้อคิดจากบทสวดมนต์
"ปลื้ม" หัวใจของการสร้างบุญ (ปีถัดไป)
ข้อคิดจากบทสวดมนต์ |
"ปลื้ม" หัวใจของการสร้างบุญ (ปีถัดไป) |
คลิกอ่านข้อคิดรอบตัวของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
เริ่มปีใหม่ในแบบชาวพุทธ
ข้อคิดจากคำว่า “รัก”
ข่าวพระพุทธศาสนา
บาปที่ทำ กรรมที่รับไว้
วิสาขบูชา วันสำคัญของชาวโลก
พระพี่เลี้ยง
ไขทุกปัญหาก่อนบวช โครงการอุปสมบทหมู่ ๑๐๐,๐๐๐ รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย
แม่..พระในบ้าน
นักสร้างบารมีกับเทคโนโลยีสมัยใหม่
ความลึกลับ : สิ่งที่วิทยาศาสตร์คาดไม่ถึง
ข้อคิดจากบทสวดมนต์
"ปลื้ม" หัวใจของการสร้างบุญ (ปีถัดไป)
ทำไมต้องสั่งสมบุญบ่อย ๆ
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
20:38
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: