หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑)



การบังเกิดขึ้นของดวงอาทิตย์ย่อมขจัดความมืดมิดให้หมดสิ้นไปได้ฉันใด การบังเกิดของเอกบุรุษ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่มวลมนุษยชาติ ในอันที่จะขจัดมลทิน คือ ความมืดบอดในใจ ให้หมดสิ้นไปได้ฉันนั้น เพราะความรู้อันบริสุทธิ์ที่เกิดจากการประพฤติธรรมตามคำสั่งสอนของพระองค์จะนำพาให้มวลมนุษย์มีดวงปัญญาบริสุทธิ์ ดำเนินชีวิตไม่ผิดพลาด และอยู่รอดปลอดภัยอย่างผู้มีชัยชนะในวัฏสงสาร

วันเพ็ญวิสาขปุรณมีบูชานี้ ถือว่าเป็นวันดีที่สุดในโลกวันหนึ่ง เพราะเป็นวันที่ทำให้เราได้น้อมรำลึกถึงพระคุณอันสูงส่งของพระพุทธองค์ ผู้ทรงสั่งสมบุญบารมีมายาวนานถึง ๒๐ อสงไขยกับแสนมหากัป จนมีบุญบารมีเต็มเปี่ยม ได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เมื่อราว ๒,๖๐๐ ปีก่อน

ตามคติของชาวพุทธเถรวาท พระพุทธองค์ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ตรงกันในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖  ซึ่งต่อมาชาวพุทธเรียกวันนี้ว่า วันวิสาขปุรณมีบูชาจึงกล่าวได้ว่า วันเพ็ญวิสาขบูชาเป็นวันที่พระพุทธองค์ทรงอุบัติด้วยพระกายทั้งสอง คือ ในวันประสูติทรงอุบัติด้วยพระรูปกาย ณ สวนลุมพินี และในวันตรัสรู้ทรงอุบัติด้วยพระธรรมกาย ณ โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ (ดังที่มีอธิบายไว้ในฎีกาพระวินัย ชื่อ สารัตถทีปนี ภาค ๑ ข้อ ๑๕๔ หน้า ๓๒๖ ว่า พระพุทธเจ้าทรงบังเกิดด้วยพระรูปกายที่สวนลุมพินี และทรงบังเกิดด้วยพระธรรมกายที่ควงต้นโพธิ์เป็นวันที่ ธรรมกายคือกายแห่งการตรัสรู้ธรรมบังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในพุทธันดรนี้

คัมภีร์พุทธโบราณอันล้ำค่าอายุราว ๒,๐๐๐ ปี ที่รอคอยการศึกษาจากนักวิจัยสถาบันดีรี

การบังเกิดขึ้นของพระพุทธองค์ผู้ทรงรู้แจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งปวง ทั้งวิชชา ๓ วิชชา ๘ อภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ วิโมกข์ ๘ และจรณะ ๑๕ เป็นต้นนั้น มีความหมายและทรงคุณค่าอย่างจะนับประมาณมิได้
  เพราะเป็นจุดเริ่มต้นในการกำจัดอวิชชา คือ ความไม่รู้ ที่เป็นอันตรายและมหันตภัยของทุกชีวิต

พระพุทธองค์ผู้ทรงบริบูรณ์ด้วยองค์คุณทั้ง ๓ ประการ คือ พระมหากรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ทรงสอนให้เราละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส ด้วยการประพฤติธรรม ซึ่งจะเป็นทางนำไปสู่การพ้นทุกข์ได้ในที่สุด ทรงสอนให้เราทราบว่า ในกายของเรา คือ อัตภาพอันมีขนาดกว้างศอก ยาววา หนาคืบนี้ มีอริยมรรค คือ หนทางสายกลางที่จะนำไปสู่การตรัสรู้ธรรมภายในด้วยธรรมจักษุ คือ ตาแห่งธรรมกาย ที่เห็นแจ้งทุกอย่างได้ตามความเป็นจริงและญาณทัสนะ คือ ความรู้แจ้งของธรรมกายที่เป็นเครื่องส่องนำทางสู่การตรัสรู้ แล้วจะก่อให้เกิดความเข้าใจว่า คนเราเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายและแก่นสารของชีวิต อันจะนำไปสู่การดับกิเลสและดับทุกข์โดยสิ้นเชิง 

ตลอดระยะเวลากว่า ๒,๕๐๐ ปี ที่ผ่านมา พระพุทธศาสนาได้แผ่ขยายไปสู่ดินแดนต่าง ๆ ผ่านยุคเฟื่องฟู และถดถอยไปตามกาลเวลา หลายประเทศกลายเป็นอดีตเมืองพุทธ ในขณะที่บางประเทศยังสามารถรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ได้อย่างมั่นคง ด้วยเหตุนี้คำสอนในพระพุทธศาสนาจึงกระจัดกระจายอยู่ตามดินแดนต่าง ๆ และมีความแตกต่างกันบ้างตามความผันแปรของสังคมชาวพุทธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจที่สมบูรณ์ในนิยามของคำว่า ธรรมกายและการปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึง พระธรรมกายได้เลือนรางไป ก่อให้เกิดความคลุมเครือหรือคลาดเคลื่อนจากคำสอนดั้งเดิม

ความร่วมมือทางวิชาการของสถาบันดีรีกับมหาวิทยาลัยออสโล ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
โดยท่านศาสตราจารย์เจนส์  บราวิค (คนที่สามแถวหลังนับจากขวามือ) เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่ม
โครงการศึกษาคัมภีร์โบราณที่มีอายุเกือบ ๒,๐๐๐ ปี


หลวงพ่อธัมมชโยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการรักษาและสืบทอดคำสอนดั้งเดิมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงดำริให้จัดตั้ง สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (Dhammachai International Research Institute - DIRI สถาบันดีรี) ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ณ ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เพื่อทำหน้าที่ในการค้นคว้าหาหลักฐานคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธศาสนา ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามนิกายและประเทศต่าง ๆ โดยให้ศึกษาค้นคว้าวิจัยความเป็นมา จนกระทั่งสามารถย้อนยุคไปถึงสมัยพุทธกาล และจะได้เก็บรักษาหลักฐานคำสอนเหล่านั้นไว้สำหรับเผยแพร่สืบต่อไป เพื่อยืนยันสัจธรรมของธรรมะที่เป็น อกาลิโกคือนำสมัยตลอดกาลโดยไม่จำกัดเวลา และเพื่อเป็นพยานยืนยันว่า ทุกคนที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะสามารถเข้าถึง พระธรรมกายที่มีอยู่ภายในตัว และเข้าถึงความสุขแท้จริงที่มีอยู่ภายใน

สถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI) ได้ดำเนินงานในการแสวงหาความร่วมมือกับองค์กรและนักวิชาการในระดับนานาชาติ ที่ทำงานเกี่ยวเนื่องกับคัมภีร์พุทธโบราณหรือคำสอนดั้งเดิมในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งการพัฒนานักวิชาการและนักวิจัยของสถาบันฯ เพื่อการวิจัยค้นคว้าและการเผยแผ่ควบคู่กันไป

ความร่วมมือทางวิชาการของสถาบันดีรีกับมหาวิทยาลัยเคลานียา  ประเทศศรีลังกา

"พิธีลงนามสัญญาความร่วมมือทางวิชาการ (ล่าสุด) ของสถาบันดีรีกับศูนย์พุทธศาสตร์ศึกษา
แห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด  ประเทศอังกฤษ  โดยศาสตราจารย์ ดร. ริชาร์ด  กอมบริช
นักวิชาการทางพระพุทธศาสนาระดับโลก  ร่วมลงนามในพิธี เมื่อวันที่ ๒๕  พฤษภาคม  พ.ศ. ๒๕๕๘"


การลงนามสัญญาความร่วมมือทางวิชาการของสถาบันดีรีกับมหาวิทยาลัยวอชิงตัน
สหรัฐอเมริกา  ในโครงการศึกษาคัมภีร์พระพุทธศาสนายุคต้น


การลงนามสัญญาความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันดีรี
กับมหาวิทยาลัยโอทาโก  นิวซีแลนด์

สถาบันดีรีได้ทำสัญญาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งในต่างประเทศเพื่อการศึกษาคัมภีร์เก่าแก่ในพระพุทธศาสนา การฝึกอบรมนักวิจัยเกี่ยวกับการอ่านอักษรและภาษาโบราณที่ใช้บันทึกคัมภีร์พุทธ และการสนับสนุนการศึกษาวิจัยระดับปริญญาโทและปริญญาเอกทางพระพุทธศาสนาเพื่อพัฒนาทีมงานวิจัย เป็นต้น  
สถาบันการศึกษาดังกล่าวได้แก่  มหาวิทยาลัยวอชิงตัน กรุงซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา  มหาวิทยาลัยออสโล ประเทศนอร์เวย์  มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย  มหาวิทยาลัยโอทาโก ประเทศนิวซีแลนด์ มหาวิทยาลัยโคตมะ ประเทศอินเดีย เป็นต้น  รวมทั้งสนับสนุนการศึกษาอักษรและภาษาโบราณที่ใช้จารึกคัมภีร์พุทธในประเทศไทยด้วย การดำเนินงานของสถาบันฯ ได้นำมาซึ่งการค้นพบหลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณในหลายภาษาจากหลายภูมิภาค เป็นเครื่องรับรองความรู้อันบริสุทธิ์ในการเข้าถึงพระธรรมกาย ดังจะได้นำเสนอต่อเนื่องในฉบับต่อ ๆ ไป
หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑) หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑) Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 02:17 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.