สังคายนา เชื่อมกาลสานธรรม
ใกล้รุ่งของคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ณ
สาลวโนทยาน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน
ยังความเศร้าเสียใจให้แก่เหล่าพุทธบริษัท ๔ ทว่ากลับมีภิกษุนามว่า พระสุภัททะ
ได้กล่าวจาบจ้วงดูหมิ่นพระธรรมวินัย เป็นเหตุให้พระมหากัสสปเถระเรียกประชุมสงฆ์เพื่อสังคายนาพระธรรมวินัยขึ้นเป็นครั้งแรก
ณ ถ้ำสัตตบรรณคูหา เมืองราชคฤห์ หลังพุทธปรินิพพานได้ ๓ เดือน
อีกร้อยปีต่อมา ราว พ.ศ. ๑๐๐
ได้เกิดกรณีพิพาทเมื่อภิกษุวัชชีบุตรเมืองเวสาลีได้บัญญัติและประพฤติตามวัตถุ ๑๐
ประการ ซึ่งขัดต่อพุทธบัญญัติ จึงเป็นเหตุให้มีการสังคายนาครั้งที่ ๒ ขึ้น ถัดมาอีกร้อยกว่าปี ความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาทําให้มีเดียรถีย์จํานวนมากปลอมเข้ามาบวช
เพื่อหวังลาภสักการะ เป็นเหตุให้พระเจ้าอโศกมหาราชเห็นภัยที่เกิดขึ้น จึงทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในการสังคายนาครั้งที่
๓ ณ อโศการาม เมืองปาฏลีบุตร
การสังคายนา ๓ ครั้งดังกล่าว ณ ดินแดนชมพูทวีป เป็นที่ยอมรับตรงกันของนักวิชาการและพระภิกษุในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาท
คือ ไทย เมียนมา และศรีลังกา แต่วิธีนับการสังคายนาตั้งแต่ครั้งที่ ๔ เป็นต้นไปของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน
เนื่องมาจากภายหลังการสังคายนาครั้งที่ ๓ พระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งสมณทูต จํานวน ๙
สาย ออกเผยแผ่ปักหลักพระพุทธศาสนายังดินแดนต่าง ๆ ทําให้เกิดการชําระพระธรรมคําสอนเฉพาะในดินแดนของตนในกาลต่อมา
สําหรับประเทศไทยนับการสังคายนา ๓ ครั้งแรกที่ชมพูทวีปเช่นเดียวกับประเทศเมียนมาและศรีลังกา
แต่เริ่มนับการสังคายนา ณ
ถูปาราม เมืองอนุราธปุระ เกาะลังกา พ.ศ. ๒๓๘ ซึ่งพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะทรงเป็นองค์อุปถัมภ์การสังคายนาครั้งที่
๔
การสืบทอดพุทธธรรมตั้งแต่ปฐมสังคายนาจนถึงการสังคายนาครั้งที่
๔ นี้ เป็นลักษณะท่องสวดแบบปากเปล่าต่อกันมาตั้งแต่สมัยปฐมสังคายนา
โดยศิษย์สายพระอุบาลีทรงจําพระวินัยปิฎก ศิษย์สายพระอานนท์ทรงจําพระสุตตันตปิฎกและพระอภิธรรมปิฎกสืบกันมาโดยมิได้ขาดสาย
จนกระทั่งการสังคายนาครั้งที่ ๕ ราวพ.ศ. ๔๐๐
เศษ ได้มีการจารจารึกพระไตรปิฎกเป็นลายลักษณ์อักษรลงบนใบลานเป็นครั้งแรก ณ อาโลกเลณสถานในลังกาทวีป นับจากนั้น วิธีสืบทอดพระไตรปิฎกในเกาะลังกา คือการสังคายนาครั้งที่
๖ และครั้งที่ ๗ จึงเปลี่ยนรูปแบบเป็นการจารจารึกลงในคัมภีร์ใบลานและธรรมเนียมการสืบทอดพุทธธรรมลงบนแผ่นใบลานนี้ได้ขยายอิทธิพลมาถึงดินแดนสุวรรณภูมิ
ในคราวสังคายนาครั้งที่ ๘ ซึ่งนับเป็นการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรกในแผ่นดินไทย
พระเจ้าติโลกราชกษัตริย์แห่งล้านนาโปรดเกล้าฯ ให้จารพระไตรปิฎกบาลีด้วยอักษรธรรมล้านนาลงบนแผ่นลาน
เพื่อชําระคําสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่คลาดเคลื่อนให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ
ให้จารจารึกพระไตรปิฎกลงบนแผ่นลานด้วยอักษรขอม เมื่อคราวกระทําสังคายนาครั้งที่ ๙
ณ กรุงเทพมหานคร วิธีสืบทอดพุทธธรรมตั้งแต่การสังคายนาครั้งที่ ๕ จนถึงครั้งที่ ๙ นี้ จึงเป็นแบบการจารจารึกลงบนแผ่นลานทั้งสิ้น
ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีการพิมพ์เจริญก้าวหน้า
วิธีสืบทอดพุทธธรรมจึงเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการพิมพ์ลงบนกระดาษ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕
เมื่อคราวสังคายนาครั้งที่ ๑๐ มีพระราชศรัทธาให้พิมพ์พระไตรปิฎกเป็นเล่มแบบฝรั่งรวม
๓๙ เล่ม และต่อมาเมื่อมีการสังคายนาครั้งที่ ๑๑ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๗ ได้พิมพ์พระไตรปิฎกเพิ่มอีก ๖ เล่ม จนครบ ๔๕ เล่มในหนึ่งชุด
นับแต่หลังพุทธปรินิพพานเมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปีก่อนจนถึงปัจจุบัน
การสังคายนาแต่ละยุคสมัยมีรูปแบบการสืบทอดแตกต่างกันไป ทั้งแบบมุขปาฐะ การจารจารึก
และพิมพ์เป็นหนังสือ เพื่อสืบทอดธํารงและเชื่อมคําสอนครั้งพุทธกาลให้ส่งผ่านกาลเวลามาสู่เราชาวพุทธในปัจจุบัน
ให้คําสอนนั้นเป็นแสงนําทางในการดํารงชีวิตของเราต่อไปตราบนานเท่านาน
การนับครั้งสังคายนาในไทย
กระทําหลังพุทธปรินิพพาน ๓ เดือน ณ ถ้ำสัตตบรรณคูหา เมืองราชคฤห์ พระมหากัสสปเถระเป็นประธานสงฆ์
และมีพระอรหันตขีณาสพจํานวน ๕๐๐ รูป เข้าร่วมสังคายนาพระเจ้าอชาตศัตรูทรงเป็นองค์อุปถัมถ์
กระทําอยู ่ ๗ เดือน จึงสําเร็จ
กระทําประมาณ พ.ศ. ๑๐๐ ณ วาลิการาม
เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี พระยสกากัณฑกบุตรเถระ
เป็นผู้ชักชวนพระอรหันตขีณาสพ ๗๐๐ รูป เข้าร่วมสังคายนาพระเจ้ากาฬาโศกราชทรงเป็นองค์อุปถัมถ์
กระทําอยู่ ๘ เดือน จึงสําเร็จ
กระทําเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖ ณ อโศการาม เมืองปาฏลีบุตร พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ เป็นประธานสงฆ์ มีพระอรหันตขีณาสพ ๑,๐๐๐ รูป เข้าร่วมสังคายนา
พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเป็นองค์อุปถัมถ์ กระทําอยู่ ๙ เดือน จึงสําเร็จ
กระทําเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘ ณ ถูปาราม เมืองอนุราธปุระ
ในลังกาทวีป พระมหินทเถระเป็นประธานสงฆ์ มีพระสงฆ์ ๖๘,๐๐๐ รูป เข้าร่วมสังคายนา
พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะทรงเป็นองค์อุปถัมถ์ กระทําอยู่ ๑๐ เดือน จึงสําเร็จ
กระทําเมื่อ พ.ศ. ๔๓๓ ณ อาโลกเลณสถาน มตเลชนบท
ในลังกาทวีป พระรักขิตมหาเถระเป็นประธานสงฆ์ มีพระสงฆ์กว่า ๑,๐๐๐ รูป เข้าร่วมสังคายนา พระเจ้าวัฏฏคามณีอภัยทรงเป็นองค์อุปถัมถ์
กระทําอยู่ ๑ ปี จึงสําเร็จ
กระทําเมื่อ พ.ศ. ๙๕๖ ณ โลหะปราสาท เมืองอนุราธปุระ ในลังกาทวีป พระพุทธโฆษาจารย์เป็นประธานสงฆ์
ไม่ระบุจํานวนพระสงฆ์ผู้เข้าร่วมสังคายนา พระเจ้ามหานามะทรงเป็นองค์อุปถัมถ์กระทําอยู่
๑ ปี จึงสําเร็จ
กระทําเมื่อ พ.ศ. ๑๕๘๗ ณ ลังกาทวีป พระกัสสปเถระเป็นประธานสงฆ์ มีพระสงฆ์ ๑,๐๐๐ รูปเข้าร่วมสังคายนา พระเจ้าปรากรมพาหุมหาราชทรงเป็นองค์อุปถัมถ์
กระทําอยู่ ๑ ปี จึงสําเร็จ
กระทําเมื่อ พ.ศ. ๒๐๒๐ ณ วัดโพธาราม เมืองเชียงใหม่
ประเทศไทย พระธรรมทินมหาเถระเป็นประธานสงฆ์ มีพระสงฆ์หลายร้อยรูปเข้าร่วมสังคายนา
พระเจ้าติโลกราชทรงเป็นองค์อุปถัมถ์ กระทําอยู่ ๑ ปี จึงสําเร็จ
Cr. Tipitaka (DTP)
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๗๕ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
ปุราณอักษรา |
ลังกาทวีป ประทีปพุทธธรรม (ตอนที่ ๑) |
คลิกอ่านพระไตรปิฎก (DTP) ของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
พระไตรปิฎก มรดก ๙ แผ่นดินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (ปีก่อนหน้า)
ผ้าห่อถักทอเชื่อมสายบุญ
รอยลบ ที่ไม่ลบเลือน
การสืบทอดวรรณกรรมบาลีแห่งศรีลังกาและสยามประเทศ
ปุราณอักษรา
ลังกาทวีป ประทีปพุทธธรรม (ตอนที่ ๑)
สังคายนา เชื่อมกาลสานธรรม
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
19:29
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: