ฟุตบอลโลก


เมื่อถึงเทศกาลฟุตบอลโลก สิ่งที่ตามมาคือการพนันรูปแบบต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะอะไร?

ย้อนไปเมื่อ ๒๐ - ๓๐ ปีก่อน ตอนนั้นฟุตบอลโลกก็ดังเหมือนกัน แต่เรื่องการพนันแทบไม่มีเลย อย่างมากก็แค่ตามดูว่าใครชนะเท่านั้น ไม่ค่อยเห็นเยาวชนเล่นการพนัน  แทงบอล แต่เดี๋ยวนี้มีเยอะ ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขอย่างจริงจัง มิฉะนั้นจะเกิดผลเสียหายมากมาย

ที่เคยทราบมาสมัยก่อนมีโต๊ะรับพนันบอลอยู่ในต่างประเทศ ประเทศเราอาจจะมีคนเล่นอยู่บ้าง แต่ก็เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ ในหมู่เยาวชนเพิ่งจะมียุคหลังนี้ ซึ่งเป็นตัวชี้ว่า ฟุตบอลโลกไม่จำเป็นต้องคู่กับการพนัน ไม่มีการพนันก็เชียร์ฟุตบอลสนุกได้

กลุ่มเยาวชนน่าเป็นห่วงมากที่สุดเพราะจูงใจง่าย เราควรแก้ไขหรือป้องกันอย่างไร?

ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต้องช่วยกันอย่างจริงจัง เพราะการขอร้องให้เด็กเลิกเล่นการพนันไม่ค่อยได้ผล เราควรมีการรณรงค์อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบมาช่วยกันทำอย่างจริงจัง เช่น ทำเป็นละครที่มาจากชีวิตจริง ผลิตโดยทีมงานมืออาชีพ โดยรัฐบาลยอมทุ่มทุนให้ อาจจะเจาะลึกชีวิตของเยาวชนที่เผลอไปเล่นการพนันว่ามีแรงจูงใจอะไร เล่นพนันแล้วชีวิตเขาล่มสลายอย่างไร มีการหยุดเรียนหรือเลิกเรียนไปเลยหรือเปล่า มีหนี้สินมากมายขนาดไหน  หรือบางคนจะฆ่าตัวตายแล้วรอดมาอย่างหวุดหวิดได้อย่างไร เพราะถ้าแค่พูดเฉย ๆ ว่า การพนันเป็นโทษ ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร แต่ถ้าทำให้เห็นภาพที่ชัดเจน อย่างนี้ผลกระทบจะแรงกว่า หรือสร้างค่านิยมให้เห็นว่า ใครเล่นพนันฟุตบอล คนนั้นเชยสุด ๆ ไม่น่าเชื่อถือ น่ารังเกียจ และมีภาพลักษณ์ที่ไม่ฉลาด ซึ่งเป็นเรื่องจริง เพราะเราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการพนันทุกชนิดสุดท้ายเจ้ามือได้กำไรตลอด ฉะนั้นคนที่เล่นการพนันคือคนที่ไม่ฉลาด เพราะว่าเป็นการลงทุนที่ขาดทุนแน่นอน

ถ้าเรานำเสนอภาพลักษณ์นี้ออกมา เด็ก ๆ จะไม่มีใครอยากเป็นแบบนี้  เพราะเยาวชนจะห่วงเรื่องภาพลักษณ์มาก แต่ถ้าเขารู้สึกว่าเพื่อนที่เล่นพนันฟุตบอลโก้ หากไม่เล่นบ้างเดี๋ยวคุยกันไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวตกกระแส แบบนี้เขาจะเล่นตาม รัฐบาลต้องทำเป็นระบบและยอมทุ่มทุนให้ เพราะคุ้มค่ามหาศาล เงินหมุนเวียนในวงการพนันเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ถ้ารัฐบาลทุ่มเงินและรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ทำจริงจังโดยให้มืออาชีพมาวางแผนอย่างเป็นระบบ ทำหลาย ๆ รูปแบบ เจาะไปตามโรงเรียน อย่างนี้จะได้ผล และได้ผลแบบยั่งยืนด้วย

จะแก้ทัศนะอยากรวยจากการพนันอย่างไรดี?

คนที่เล่นการพนันเวลาชนะก็มักจะคุยว่า รวยมาจากการพนัน  ซึ่งที่จริงแล้วเป็นส่วนน้อยแต่เมื่อเด็กรับข้อมูลมาก็อยากจะลุ้น เผื่อรวยกับเขาบ้าง  ส่วนคนที่เสียพนันก็เงียบ เราไม่ควรปล่อยให้คนส่วนน้อยเป็นกระแสมาครอบงำคนส่วนใหญ่ ควรเอาความจริงมานำเสนอว่า คนส่วนใหญ่เดือดร้อนเพราะพนันฟุตบอล คนส่วนน้อยที่บอกว่าดีนั้นก็เป็นการดีแค่ชั่วคราว

นักพนันบางคนตอนนี้บอกดวงดี เล่นได้ แต่อีกครึ่งปี หนึ่งปี เจ๊งหมด แม้แต่เจ้ามือก็ยังแย่ เพราะทรัพย์ใดที่ได้มาด้วยความไม่ถูกต้องจะมีวิบัติติดมาด้วย สักวันหนึ่งจะหมดทั้งทรัพย์สิน  เงินทอง หมดทั้งครอบครัว หมดทั้งความสุขในชีวิต เราต้องเอาความจริงนี้มาตีแผ่ในหลากหลายรูปแบบ หลายแง่มุม ให้เกิดภาพอยู่ในใจเด็ก ๆ ว่า การพนันเป็นของร้อน เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ ใครไปยุ่งเกี่ยวจะเสียคน ถ้าอย่างนี้แล้วเด็กจะห่างจากการพนัน

ลักษณะของการพนันนั้น ถ้าไม่ไปเล่น ไม่ไปเกี่ยวข้องจะไม่มีปัญหา แต่พอไปเล่นแล้วจะเริ่มมีลุ้น เพราะธรรมชาติของมนุษย์อยากจะเอาชนะอยู่แล้ว  แต่ชัยชนะในชีวิตจริงต้องใช้เวลานาน บางที ๑๐ ปี ๒๐ ปี ถึงจะชนะ และต้องลงแรงทำงานซึ่งไม่ทันใจ แต่เล่นพนันฟุตบอล ๒ ชั่วโมง รู้ผลเลยว่าชนะหรือแพ้ ทันอกทันใจดี และถ้าได้แล้วก็อยากจะได้อีก พอเล่นเสียก็อยากจะแก้ตัว อยากจะได้คืน เขาเรียกว่าผีการพนันเข้าสิง แล้วจะถลำไปเรื่อย  ฉะนั้นดีที่สุดคืออย่าไปยุ่งตั้งแต่ต้น ถ้าใครเผลอไปยุ่งเกี่ยวต้องหยุดทันที สิ่งใดทำให้เราต้องไปยุ่งกับการพนันก็อย่าไปเกี่ยวข้อง เช่น ที่ไหนมีโต๊ะรับพนันฟุตบอล เขากำลังเล่นกันอยู่ ก็อย่าไปดู เดี๋ยวบรรยากาศพาไป อยู่ให้ห่างจากการพนันดีที่สุด

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงโทษของการพนัน ไว้ ๖ ข้อ คือ

๑. ผู้ชนะย่อมก่อเวร  คือ  เมื่อเราชนะเท่ากับเราไปเอาเงินคนอื่นมา คนแพ้ก็เสียดาย เขาไม่อยากให้ เงินนั้นได้มาด้วยความไม่ถูกต้อง  ฉะนั้นทรัพย์ที่ได้มาจึงมีวิบัติติดมาด้วย คนได้ทรัพย์มาด้วยการพนัน ทรัพย์จะวิบัติไปแบบไม่น่าเชื่อ อาจจะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายแล้วก็หมดไป หรือบางครั้ง อยู่ ๆ เจอไฟไหม้ พายุพัดถล่ม ทรัพย์จะหายวับไปกับตาอย่างไม่น่าเชื่อ

๒. ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์  คือ  ตอนไปเล่นการพนันก็คิดว่าจะรวย แต่ถึงคราวแพ้ก็เสียดายว่า เราไม่น่าเล่นเลย แล้วถ้าเงินที่พนันไปยืมคนอื่นมาจะทำอย่างไรดี ยิ่งคิดยิ่งงง ยิ่งมึน ยิ่งคิดยิ่งเสียดาย บางคนกระโดดน้ำตาย ผูกคอตาย ดังที่เห็นตามข่าว

โบราณว่า การเล่นพนันนั้นแม้แต่พระราชายังเสียเมืองเลย คือ เริ่มต้นจากเล่นน้อย ๆ แพ้ก็อยากแก้มือ สุดท้ายเอาเมืองทั้งเมืองที่ตนปกครองไปวางเดิมพัน จนเสียเมือง ยุคนี้ไม่ถึงขนาดเอาเมืองไปวางเดิมพัน แต่ก็มีข่าวคนไปเล่นการพนันที่บ่อนชายแดน ตอนไปขับรถไป ขากลับรถก็หมด สร้อย นาฬิกา แหวน หมดเรียบ บางครั้งเอาตัวเองจำนำไว้ ต้องบอกให้ญาติเอาเงินไปไถ่ตัว ถ้าญาติไม่ไปไถ่ตัวก็ออกมาไม่ได้ เขาจะเอาไปทำอะไรต้องยอมเขาหมด เหมือนเป็นทาส ขายชีวิตให้เขาด้วย

๓. ทรัพย์สินย่อมหมดไป  ถึงแม้จะไม่ได้ไปกู้ยืมคนอื่นมา พนันด้วยเงินที่ตนพอจะเล่นได้ แต่เงินก็จะร่อยหรอไปเรื่อย ๆ

๔. เมื่อเข้าสู่ที่ประชุม  ไม่มีใครเชื่อถือคำพูด  ลองนึกดูว่า  หากในที่ประชุมกรรมการบริษัทอะไรก็ตาม รู้ว่าคนนี้ผีการพนันเข้าสิง เล่นเช้า สาย บ่าย เย็น เวลาคนนี้พูดอะไรก็จะไม่มีคนเชื่อ เพราะเขารู้ชัด ๆ ว่าคนนี้มีปัญหา ๒ อย่าง คือ ๑. เป็นคนโง่ จึงไปเล่นในสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่าขาดทุนแน่  ๒. ถ้าไม่โง่ก็แสดงว่าเป็นคนที่ควบคุมใจตัวเองไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ดีก็ยังไปทำ คนอย่างนี้ไม่มีใครเชื่อถือ ไม่กล้าให้เป็น CEO แค่เป็นผู้ถือหุ้นก็ยังไม่มีใครยอมรับ เพราะจะยักยอกเงินบริษัทไปเล่นการพนันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉะนั้นเข้าที่ประชุมไม่มีใครเชื่อถือ หมดเครดิต

๕. เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อนฝูง  คล้าย ๆ ข้อ ๔ แต่จะเป็นลักษณะที่ว่าไปถึงที่ไหนก็มีแต่คนดูถูก เพื่อนฝูงก็ไม่อยากคบหา เวลาไปไหนไม่มีความอาจหาญ เพราะมีแผลตลอด ไปทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ควรมา ตัวเองก็ละอายใจอยู่ในใจ

๖. หาคนแต่งงานด้วยไม่ได้  ใคร ๆ ก็ไม่อยากแต่งงานด้วย ถ้าเราเป็นพ่อแม่แล้วมีนักพนันมาขอลูกสาว เราอยากให้ลูกสาวแต่งงานด้วยไหม มีแต่จะให้ลูกรีบแยกตัวออกมา เพราะรู้ว่าอนาคตลูกตกระกำลำบากแน่  โบราณว่า โจรปล้น ๑๐ ครั้ง ไม่เท่าไฟไหม้ ๑ ครั้ง  แต่ไฟไหม้ ๑๐ ครั้ง ยังไม่เท่าเล่นการพนัน ๑ ครั้ง เพราะไฟไหม้ไปแล้วยังเหลือที่ดิน  แต่เล่นการพนันที่ดินก็ไม่เหลือ ชีวิตก็อาจจะไม่เหลือด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครอยากแต่งงานด้วย

ฉะนั้น เยาวชนทั้งหลายพึงรู้ไว้เถิดว่า ไปเล่นการพนันเมื่อไร เท่ากับก้าวเข้าไปสู่อบายมุข คือทางแห่งความเสื่อม ที่จะพาชีวิตเราเสื่อม ถ้าเป็นฝ่ายชายในอนาคตจะหาผู้หญิงแต่งงานด้วยไม่ได้ ถ้าเป็นผู้หญิงชอบเล่นการพนันก็จะเป็นผู้หญิงที่ไม่มีเสน่ห์เลย ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากแต่งงานด้วย เพราะถ้าแม่บ้านแม่เรือนที่เป็นนักพนันเป็นคนถือกระเป๋าเงิน คุมเศรษฐกิจของบ้าน บ้านนี้ลูกไม่มีอะไรกินแน่ เพราะฉะนั้นใครเล่นการพนันอยู่ถอยออกมาเถิด

วินัยสงฆ์มีการบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องการพนันไว้หรือไม่ แล้วการพนันฟุตบอลแบบนี้ถือเป็นมหรสพใช่ไหม?

ถ้าเป็นการพนันแล้วผิดแน่นอน ไม่ใช่แต่วินัยสงฆ์ วินัยของคฤหัสถ์ก็ไม่ได้ เพราะการพนันคืออบายมุข ถ้าไปยุ่งกับการพนันเมื่อไร ผิดทั้งสงฆ์ ผิดทั้งคฤหัสถ์  อบายมุขไม่ใช่แค่การพนัน แต่ยังมีเรื่องการละเล่นเป็นนิจด้วย ถึงแม้ไม่ได้เล่นการพนัน แค่ดูถ่ายทอดสดฟุตบอลเป็นประจำ สุขภาพย่ำแย่ ไม่มีอารมณ์ทำงาน อย่างนี้ก็ไม่ถูก ถือเป็นการดูการละเล่นเป็นนิจ ซึ่งเป็นอบายมุขอย่างหนึ่ง

ฟุตบอลโลกช่วงพิเศษจะดูเพลิน ๆ พอประมาณ ไม่ให้เสียสุขภาพ แบบนี้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าถึงขนาดเสียสุขภาพ เสียการงาน ถือว่าเข้าข่ายดูการละเล่นเป็นนิจแล้ว แสดงว่ายับยั้งชั่งใจตนเองไม่ได้ เกินขีดสมควร อันนี้ในแง่ของกีฬา  แต่ถ้าในแง่การพนันแล้วละก็ จะเล่นแค่ครึ่งเกมหรือหนึ่งเกมก็ผิดหมด

ในส่วนของพระภิกษุ ถ้าหากเป็นลักษณะรู้ข่าวว่าตอนนี้มีการแข่งขันฟุตบอลโลก อย่างนี้ได้ จะได้รู้ว่าแวดวงโลกรอบตัวเกิดอะไรขึ้น จะเทศน์สอนญาติโยมก็สามารถสอนได้ แต่ถ้าหากไปนั่งดูเหมือนกับคฤหัสถ์ อย่างนี้ไม่ถูกไม่ควร และยิ่งถ้าเกิดไปเล่นพนันด้วย ผิดเลย เป็นอาบัติ แม้ไม่ใช่อาบัติหนักก็ไม่ควร ญาติโยมเห็นก็ไม่งาม

การเล่นการพนันมีผลเสียต่อสังคมและประเทศชาติอย่างไร?

เนื่องจากเด็กยังหาเงินเองไม่ได้ ถ้าไปเล่นการพนันก็ต้องไปยืมเพื่อนบ้าง ไปขโมยของบ้าง จะเห็นได้ว่าที่ไหนมีการพนัน ที่นั่นของหายเยอะมาก นอกจากขโมยของแล้วก็อาจไปขายยาเสพติด คือทางมาแห่งรายได้ทุกอย่างทำหมด และจะถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ แล้วถ้าเกิดมีเด็กเล่นการพนันสัก ๕๐ เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ประเทศก็แย่แล้ว

จะทำอย่างไรให้กระแสการทำความดีตื่นตัวได้ขนาดกระแสฟุตบอลโลก?

ถ้าช่วยกันจริง ๆ ก็มีสิทธิ์ อาจเป็นการแข่งขันทางด้านคุณธรรมความดีต่าง ๆ ที่ผ่านมาเราไปเน้นทางโลกมาก ทางธรรมน้อย เลยดูเหมือนว่าทำยาก แต่ถ้าค่อย ๆ ช่วยกันทำก็มีโอกาส ทางธรรมจะเป็นลักษณะเหมือนไฟสุมขอน อาจไม่หวือหวาขนาดฟุตบอลโลก แต่จะอยู่ยาวนานกว่า ฟุตบอลโลกเป็นลักษณะไฟไหม้ฟาง ฮือฮากันหนึ่งเดือนแล้วก็จางไป ๔ ปีค่อยว่ากันใหม่  ทางธรรมจะต้องสร้างกระแสแบบสม่ำเสมอ และถ้าหากช่วยกันทำก็จะเกิดความคึกคักได้มากกว่านี้

เหมือนโครงการเด็กดี V-Star ซึ่งเป็นสิ่งที่ใคร ๆ คิดไม่ถึงว่า ให้เด็กมาแข่งกันทำความดีจะมีเด็กมาเข้าร่วมตั้งหลายแสนคน นี้ก็เป็นกระแสอย่างหนึ่งในหมู่เยาวชนเหมือนกัน ถ้าเราแต่ละคนที่เห็นความสำคัญของการทำความดีไม่เป็นพลังเงียบ ลุกขึ้นมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ เราอาจจะเจอกระแสศีลธรรมฟีเวอร์ กระแสตื่นตัวเรื่องศีลธรรมในหมู่เยาวชนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกในอนาคตก็เป็นได้..

Cr. พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ
ฟุตบอลโลก ฟุตบอลโลก Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 19:52 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.