พระพุทธศาสนาโกอินเตอร์
มีวิธีเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างไรในต่างประเทศที่ทำให้คนหันมานับถือพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาไม่เหมือนศาสนาอื่น
ศาสนาอื่นนิยมเผยแผ่เชิงรุก บางศาสนาเข้ามาเผยแผ่ในประเทศไทย
มีทีมงานบุกขึ้นเหนือล่องใต้ เข้าไปในป่าในเขา พิมพ์หนังสือไปแจก ไปเยี่ยมเยียน
แต่สำหรับศาสนาพุทธอย่าว่าแต่เผยแผ่เชิงรุกเลย เผยแผ่เชิงรับยังไม่ค่อยพร้อม
อย่างเช่น ถ้ามีชาวต่างชาติอยากฝึกสมาธิ เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ พอเจอคนไทยขอให้ช่วย ถามว่าไปฝึกสมาธิที่ไหนดี
คนฟังก็ชักงง ๆ เพราะแม้แต่คนไทยเองก็ยังมีที่ฝึกสมาธิไม่มาก ยิ่งถ้าต้องไปสอนชาวต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษบ้าง
ฝรั่งเศสบ้าง ยิ่งยาก เลยตอบไม่ได้ ขนาดเขามาถึงที่แล้ว แต่เรายังไม่พร้อมที่จะรับเขาเลย
นี่คือความจริง
ขณะนี้ทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว
กำลังมีการตื่นตัวสนใจศึกษาพระพุทธศาสนา เขาอยากรู้จริง ๆ ต่างคนต่างไปเสาะแสวงหาข้อมูลแล้วเอามาแบ่งปันกัน
คล้าย ๆ เป็นชมรมพุทธ กลุ่มที่สอนสมาธิให้กับชาวต่างชาติส่วนใหญ่เป็นทางด้านทิเบต
และทางด้านของเซนที่มาจากญี่ปุ่นซึ่งค่อนข้างไปทางวิชาการ
มีหนังสือแนะนำออกมามากมาย ส่วนทิเบตนั้นเนื่องจากเกิดปัญหาทางการเมือง
พระต้องลี้ภัยจากทิเบตเข้ามาอินเดีย แล้วกระจายออกไปทั่วโลก แต่คนทิเบตในที่ต่าง ๆ ในโลกมีน้อย
เพราะฉะนั้นพระทิเบตจึงต้องสอนธรรมะให้แก่คนในท้องถิ่น
ทำให้ในปัจจุบันพุทธทิเบตค่อนข้างเป็นที่รู้จักคู่กับพุทธแบบเซน
แต่พุทธเถรวาทของเราส่วนใหญ่ไปเผยแผ่คนไทยเป็นหลัก มีคนต่างชาติบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ
นี้คือภาวะจริง ๆ ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม
แม้ว่าศาสนาพุทธโดยภาพรวมไม่ได้เผยแผ่เชิงรุก
แต่ในอเมริกาขณะนี้ก็ยังมีคนสนใจศึกษาศาสนาพุทธจนกระทั่งเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนาเป็นแสน
ๆ คน และที่ยังไม่เปลี่ยนศาสนา แต่ฝึกสมาธิทุกวัน แล้วปฏิบัติแบบที่พระพุทธเจ้าสอน
มีเป็นสิบ ๆ ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเขากล่าวกันว่า
พระพุทธศาสนาเป็นแนวโน้มใหม่ของสังคมอเมริกัน
ในยุโรปก็มีกระแสความสนใจพระพุทธศาสนาเช่นกัน ในญี่ปุ่นก็มีการตื่นตัวหันมาศึกษาเรื่องเกี่ยวกับจิตใจ
หรือ Spiritual Boom ครั้งใหญ่ นี้คือกระแสในประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก
ถ้าหากองค์กรพุทธมีการเผยแผ่เชิงรุกอย่างเต็มระบบและมีประสิทธิภาพ
พระพุทธศาสนาจะขจรขจายไปทั้งโลกอย่างรวดเร็ว
เพราะจุดแข็งของพระพุทธศาสนาก็คือคำสอน ซึ่งไม่ใช่ความเชื่อ แต่เป็นความจริง
ถ้าใครได้ศึกษาและปฏิบัติตามจะต้องได้ผลอย่างแน่นอน
การศึกษาพระพุทธศาสนาในต่างประเทศเขาทำกันอย่างไร?
พุทธเถรวาท ไทย พม่า ศรีลังกา ลาว กัมพูชา
ค่อนข้างคล้าย ๆ กัน ในเมืองไทยเป็นอย่างไร ต่างประเทศก็คล้าย ๆ กัน บทสวดมนต์ต่างกันบ้าง ธรรมเนียมประเพณีต่างกันนิดหน่อย
แต่รูปแบบมีพระภิกษุเป็นศูนย์กลาง มีวัดเป็นศูนย์กลาง
และมีชาวบ้านเข้ามาทำบุญที่วัดคล้าย ๆ กัน ถ้าเป็นมหายาน
พระจีนค่อนข้างออกไปหาประชาชนมากหน่อย ถ้าเปรียบเทียบแล้วมากกว่าเถรวาท
แบบญี่ปุ่นเป็นอีกแบบหนึ่ง
เนื่องจากถูกอำนาจการเมืองคุกคาม ในสมัยจักรพรรดิเมจิ มีประกาศว่าให้พระมีครอบครัวได้ พระญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่เคยประพฤติพรหมจรรย์ก็เลยมีครอบครัว
พระพุทธศาสนาญี่ปุ่นมีคำศัพท์ที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า “โซชิขิบุคเคียว” แปลว่า พระพุทธศาสนางานศพ
พูดถึงพุทธแล้วนึกถึงงานศพ ไม่ได้นึกถึงการสอนธรรมะเผยแผ่ศาสนา
ถ้าถามชาวพุทธในญี่ปุ่นว่า เจ้าชายสิทธัตถะเป็นใคร ส่วนใหญ่ไม่รู้จัก ศีล ๕
มีอะไรบ้างก็ไม่รู้ อริยสัจ ๔ คืออะไร ไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าถ้าตายก็ไปสวดที่วัด
คือแทบไม่รู้อะไรเลย เพราะหลังจากแพ้สงคราม อเมริกาสั่งให้เอาศาสนาออกจากโรงเรียน
เพราะเห็นว่าเดิมญี่ปุ่นปลูกฝังให้เด็ก ๆ ศรัทธาในลัทธิชินโต ให้เชื่อว่าจักรพรรดิเป็นผู้ยิ่งใหญ่
แล้วก็เอาตรงนี้เป็นตัวนำให้คนกล้าตาย เป็นทหารรบเพื่อจักรพรรดิ
พออเมริกาชนะสงครามเลยไม่ให้เรียนวิชาพระพุทธศาสนาด้วย
คนญี่ปุ่นก็เลยไม่รู้เรื่องอะไรเลย โชคดีที่ชาวไทยยังมีวิชาศีลธรรม
เราต้องอย่ายอมให้ใครมาอ้างเหตุผลอะไรเอาวิชาศีลธรรมออกไปจากหลักสูตรโรงเรียนเด็ดขาด
ส่วนในวงกว้างทั่วโลก เช่น ในอเมริกา ยุโรป
คนที่อยากจะศึกษาพระพุทธศาสนาส่วนใหญ่ก็ไปหาหนังสือตามร้านหนังสือใหญ่ ๆ
ซึ่งจะมีมุมหนังสือพระพุทธศาสนาที่ขายดิบขายดี อีกวิธีก็คือเข้าอินเทอร์เน็ตไปหาข้อมูลแล้วตั้งกลุ่ม
Facebook ตั้งกลุ่ม hi5 ติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
ที่ไหนมีสอนสมาธิก็พยายามดั้นด้นไปศึกษา นี่คือบรรยากาศในต่างประเทศ
หลักการใดในพระพุทธศาสนาที่เขาคิดว่าช่วยเติมเต็มความรู้สึกของเขาได้?
คนที่มีความรู้ มีการศึกษามาก ๆ
พอศึกษาคำสอนที่ให้เชื่อเป็นหลัก บอกให้เชื่อ ห้ามสงสัย แค่สงสัยก็บาป
อย่างในคัมภีร์ที่มีเขียนว่าโลกแบน แล้วบอกให้เชื่อ เขาจะเชื่อได้อย่างไร เขารับไม่ได้
อย่างนี้เป็นต้น หลาย ๆ
อย่างขัดแย้งกับความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบในปัจจุบัน ทำให้คนรับไม่ได้
และโดยคอนเซปต์พื้นฐานก็รับไม่ได้ เช่น ศาสนาที่เป็นเทวนิยมบอกว่าทุกอย่างเกิดจากพระเจ้า
ทุกอย่างมาจากพระเจ้า ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีก็บอกว่าเป็นการทดสอบจากพระเจ้าว่ามีความเชื่อมั่นในพระเจ้าจริงหรือเปล่า
สมมุติว่าเราทำงานในบริษัทไหน
แล้วมีหัวหน้ามาทดสอบจับไปขังคุกโดยไม่มีเหตุผล ให้อดข้าว ๗ วัน ๗ คืน
เพื่อเป็นการทดสอบว่ามีความเคารพเชื่อฟังหัวหน้าหรือเปล่า
เรายังอยากอยู่บริษัทนี้ไหม คนที่มีสติปัญญามากพอที่จะไตร่ตรองภาพรวมก็เลยหลุดออกมาจากกรอบความเชื่อที่ถูกครอบเอาไว้
และต้องการแสวงหาความจริงว่า คำสอนใดที่มีเหตุ มีผล มีคุณธรรม สุดท้ายก็มาพบคำสอนในพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นสัจธรรม
ซึ่งเขาก็บอกว่าใช่เลย ระดับไอสไตน์ก็บอกใช่เลย
ในปัจจุบันมีบุคคลที่มีชื่อเสียงให้ความสนใจการนั่งสมาธิมากมาย
เรามีกิจกรรมใดรองรับบุคคลเหล่านี้บ้าง?
ถ้าสังเกตดูจากหลายอาชีพไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง
นักแสดง นักกีฬา ด้วยความที่เป็นคนเด่นคนดัง เป็นที่รู้จักของสาธารณชน
ชีวิตจะวุ่นวายกว่าคนทั่วไป มีความกดดันทางใจมาก
คนเหล่านี้เมื่อมีแรงกดดันมาก บางคนหาทางออกไม่ได้ก็หันไปหายาเสพติด แต่พอมาเจอสมาธิแล้วรู้สึกว่าใช่เลย
บางคนในระดับผู้นำ เราเห็นเขาออกทีวีดูโก้ แต่มีจำนวนมากต้องกินยานอนหลับทุกคืน
ชีวิตมีแรงกดดันสูงมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร พอนั่งสมาธิแล้ว
ยานอนหลับโยนทิ้งไปเลย ชีวิตมีความสุข
ทุกอย่างสดใส ชีวิตโปร่งเบา ประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น ทุกอย่างดีหมด
ผู้คนในโลกนี้กำลังโหยหาธรรมะ แต่ขาดคนแนะนำ
ครั้นจะฝึกให้พระไทยมีความรู้หลายภาษา คงจะใช้เวลาพอสมควรและไม่ใช่เรื่องง่าย เราก็เลยนำคนในประเทศต่าง
ๆ ที่สนใจเรื่องสมาธิ มาฝึกหลักสูตรเข้มข้น ๔ เดือน เพื่อเป็นผู้ช่วยสอนสมาธิ ให้เรียนหลักคำสอนพระพุทธศาสนา ๑ เดือน และให้นั่งสมาธิแบบรวดเดียว เช้า สาย
บ่าย ค่ำ ๓ เดือนเต็ม จะได้มีประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรม อีก ๒ สัปดาห์สุดท้าย ศึกษาหลักการในการไปเป็นผู้แนะนำเรื่องสมาธิ
ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง แล้วส่งกลับไปสอนในประเทศตัวเอง จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องภาษา
เรื่องวัฒนธรรม อย่างนี้รวดเร็ว พอไปเผยแผ่แล้วมีคนสนใจมาฝึก มาเรียน
ตกเย็นหลังเลิกงานมาเลย ๑ ชั่วโมงครึ่ง สัปดาห์ละครั้ง ครบ ๗ ครั้ง จบหลักสูตร
แล้วก็มาเรียนหลักสูตร ๒ หลักสูตร ๓ หลักสูตร ๔
ไปเรื่อย ๆ ใครว่างวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ก็มานั่งหลักสูตรต่อเนื่อง ๒ วัน
หรือ ๗ วัน อย่างนี้เป็นต้น ถ้าอย่างนี้จะขยายตัวได้เร็ว
เพื่อให้พระพุทธศาสนากลับมารุ่งเรืองใหม่อีกครั้งหนึ่งทั่วโลก นั่นคือความหวังและความตั้งใจ
ใครเป็นผู้ดำเนินการในส่วนนี้?
น่าจะเป็นเครือข่ายวัดไทยในต่างประเทศทั้งหมดช่วยกันในเบื้องต้น
โดยเข้าไปหากลุ่มโซเชียลเน็ตเวิร์กที่สนใจพระพุทธศาสนา
แจ้งให้เขาทราบว่ามีโครงการอย่างนี้ คนที่สนใจจริง ๆ ก็พร้อมที่จะมาสมัครอบรมเป็นผู้ช่วยสอน
แล้วขยายออกไปอีก กว้างขึ้น ๆ เหมือนเราโยนหินก้อนหนึ่งลงไปในสระ
ระลอกคลื่นก็จะแผ่กว้างออกไป ขอให้มีหินก้อนแรกที่เป็นจุดเริ่มต้น
แต่เรื่องนี้จะทำได้ดีต้องอาศัยการประสานความร่วมมือของชาวพุทธทั่วโลก
ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกช่วยกัน เราเองได้รับประโยชน์จากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พูดง่าย ๆ ว่าได้มาพึ่งพระพุทธศาสนาแล้ว ควรจะให้พระพุทธศาสนาได้พึ่งเราบ้าง
ต้องมาจับมือกันทำงาน “พุทธบริษัท ๔ ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน
เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว” เอาความรู้ความสามารถของทุกคนมาแชร์กัน
แล้วช่วยกันเอาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ไปสู่ชาวโลก
ให้เป็นที่พึ่งนำความสงบเย็นมาสู่คนทั้งโลก
ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือที่คองโก
จุดเริ่มมาจากการที่มีพระภิกษุชาวอินเดียไปเผยแผ่ที่คองโก ตอนนั้นคองโกเกิดปัญหา
สหประชาชาติก็ส่งทีมงานเข้าไป มีพระภิกษุอินเดียเข้าไปด้วย แต่อยู่ช่วงสั้น
ท่านสอนคนที่นั่นว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร พระรัตนตรัยดีอย่างไร มีหนุ่มคองโกฟังแล้วประทับใจ
ขอถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะอันสูงสุด ปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธ
พอพระอินเดียเสร็จภารกิจ ท่านก็กลับ
แต่หนุ่มคองโกยังรักษาความเป็นชาวพุทธต่อเนื่องมา แล้วก็สอนเรื่องนี้ให้เพื่อนบ้าน
จนเกิดเป็นชุมชนชาวพุทธมาตลอด ๕๐ ปี ทั้งที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร มีบทสวดมนต์สั้น
ๆ และรู้ว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์สุดยอด ก็ถือเป็นสรณะ
พอเขาอยากจะฝึกสมาธิก็ไปถามบาทหลวงที่คุ้นเคยกันในละแวกนั้นว่าอยากจะฝึกสมาธิแบบพุทธ
ต้องทำอย่างไร บาทหลวงบอกว่ามีสาขาวัดพระธรรมกายมาอยู่ที่แอฟริกาใต้
แต่อยู่คนละประเทศ เขาก็เลยรีบติดต่อไป พระอาจารย์ก็เดินทางไปเยี่ยม
จากนั้นเขาก็ติดตามพระอาจารย์มาถึงประเทศไทย มากราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ได้ฟังธรรมจากท่าน เขาบอกปลื้มใจ มีความสุขมาก ออกบวชเลย
และบอกศิษยานุศิษย์ที่คองโกให้รอหน่อย จะบวชฝึกตัวเองให้ดี แล้วจะกลับไปสอนต่อ
ฝ่ายลูกศิษย์ก็บอกพระอาจารย์ว่า
จะตั้งใจปฏิบัติธรรม ตอนนั้นที่เมืองไทยบวชอุบาสิกาแก้ว ที่คองโกก็บวชด้วย
รวมตัวกัน ผู้หญิงเป็นหลัก ผู้ชายมาช่วย แล้วก็มาปฏิบัติธรรมด้วยกัน แม้ผิวกายจะดำ
แต่ผิวหน้านวลมาก ได้ใส่บาตรพระครั้งแรกปลื้มใจ มีความสุขมาก
ถ้าพุทธศาสนิกชนทั่ว
ๆ ไป อยากจะเผยแผ่หลักธรรมคำสอน ควรจะทำอย่างไร?
ให้ใช้หลักที่พระพุทธองค์ทรงให้ปัจฉิมโอวาทไว้ว่า
“จงบำเพ็ญประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน
ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด” ประโยชน์ตน คือตัวเองต้องทำให้ดี ถ้าเราอยากจะเผยแผ่ เราต้องเข้าวัด
ศึกษาธรรมะ ทำทาน รักษาศีล ทำภาวนา ให้ทานคือมีน้ำใจซึ่งกันและกัน รักษาศีลให้ดี อย่างน้อยศีล ๕
แล้วตั้งใจสวดมนต์ทำภาวนาสม่ำเสมอ พอเราทำตัวดีให้คนรอบข้างยอมรับ
คำพูดเราจะมีน้ำหนัก เพราะสิ่งที่เราทำเป็นตัวการันตี เราก็ชวนคนรอบตัวเรา
พามาวัดทีละคนสองคน สุดท้ายวงที่มาทำความดีจะขยายกว้างขึ้น
ๆ แล้วอะไรที่เราทำให้พระพุทธศาสนาได้ ทั้งด้วยกำลังกาย กำลังทรัพย์
กำลังความคิดสติปัญญา ก็มาช่วยกันคนละไม้คนละมือ
ส่วนพระภิกษุแน่นอนว่าสิ่งที่ให้พระพุทธศาสนาก็คือชีวิต
เอาชีวิตถวายเป็นพุทธบูชา พอทุกคนเอาสิ่งที่ตัวเองมีมารวมกันอย่างนี้แล้ว
รับรองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาที่จะขยายกว้างออกไปเป็นที่พึ่งให้แก่สังคมไทยและสังคมโลกอย่างแน่นอน..
Cr. พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๔๕
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗
คลิกอ่านข้อคิดรอบตัวของวารสารอยู่ในบุญปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
ฉลองปีใหม่ ตามหลักพุทธวิธี
วันมาฆบูชา : วันแห่งความรักอันบริสุทธิ์
สถานการณ์ชายไทย
อารมณ์ติดลบในหน้าร้อน
วิสาขบูชา วันสำคัญของโลก
เจ๋ง เก่ง แน่
ฟุตบอลโลก
Peace แปลว่า สันติ
กฐิน ผ้าป่า และอานิสงส์
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
เคล็ดลับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ฯ |
เคล็ดลับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย |
คลิกอ่านข้อคิดรอบตัวของวารสารอยู่ในบุญปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
ฉลองปีใหม่ ตามหลักพุทธวิธี
วันมาฆบูชา : วันแห่งความรักอันบริสุทธิ์
สถานการณ์ชายไทย
อารมณ์ติดลบในหน้าร้อน
วิสาขบูชา วันสำคัญของโลก
เจ๋ง เก่ง แน่
ฟุตบอลโลก
Peace แปลว่า สันติ
กฐิน ผ้าป่า และอานิสงส์
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
เคล็ดลับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
พระพุทธศาสนาโกอินเตอร์
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:23
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: