วิสาขบูชา วันสำคัญของโลก
วันวิสาขบูชาสำคัญอย่างไร?
เราคงทราบกันว่าวันวิสาขบูชา คือ วันประสูติ
ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แต่ถ้าจะถามว่าวันนี้มีความสำคัญอย่างไร ก็ต้องบอกว่า วันวิสาขบูชาถือว่าเป็นวันพระพุทธเจ้า
และสำหรับชาวพุทธถือว่า วันวิสาขบูชาเป็นวันที่สำคัญที่สุด เพราะว่าถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่บังเกิดขึ้น
ก็จะไม่มีพระพุทธศาสนา
ที่องค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันวิสาขบูชา
หรือ Vesak Day เป็นวันสำคัญของโลกคงเนื่องด้วย ๒ สาเหตุ คือ
๑.
เนื่องจากพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือเป็นจำนวนมากศาสนาหนึ่งในโลก
๒.เนื่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นแบบอย่างของความเป็นผู้ไม่เบียดเบียน ดังจะเห็นว่าในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาไม่เคยมีสงครามศาสนาเลย
เพราะว่าพระองค์ไม่ทรงสรรเสริญการใช้ความรุนแรง
ไม่ว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม ถ้าไปฆ่าคนก็ต้องตกนรก
ไปทำร้ายเขา เราก็บาป เพราะฉะนั้นจึงไม่มีแรงจูงใจใด ๆ
ให้ชาวพุทธไปทำร้ายบุคคลอื่น พระพุทธองค์ทรงแก้ปัญหาด้วยความสงบและเอาชนะด้วยความดี
คือ ให้อดทนและทำดีไปเรื่อย ๆ สุดท้าย เมื่อความดีของเราเต็มที่ ความจริงก็จะปรากฏ ถือเป็นการพิสูจน์ความจริงด้วยความสงบเย็น
อย่างนี้ความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้น เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นแบบอย่าง
แล้วชาวพุทธทั้งหมดก็ถือตามแนวที่พระองค์ทรงสอนไว้
พระพุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาแห่งความสงบเย็น
ในยุคปัจจุบันความขัดแย้งในเรื่องลัทธิการเมืองเริ่มจะหมดสมัยแล้ว
แต่ที่น่าห่วงคือความขัดแย้งเรื่องความเชื่อ เรื่องศาสนา ซึ่งแรงขึ้นมา
อย่างที่เราเห็นความรุนแรงในหลาย ๆ พื้นที่ทั่วโลก แต่พอหันมาดูศาสนาพุทธ ไม่มีปัญหากับใครเลย สหประชาชาติคงจะเห็นว่า
สมควรเชิดชูพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง เพราะเป็นแบบอย่างแห่งความเป็นผู้ไม่เบียดเบียน
มีคนต่างชาติบางคนเคยนับถือศาสนาอื่น แต่พอได้ศึกษาพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาแห่งความไม่เบียดเบียน
เขากล่าวว่า ข้อนี้เพียงข้อเดียวก็เพียงพอแล้วที่ทำให้เขาหันมานับถือพระพุทธศาสนา นี่คือสิ่งที่ชาวพุทธทุกคนควรภาคภูมิใจ
และในวันวิสาขบูชาให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมทำความดีตามหลักทาน ศีล และภาวนา
เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธที่สมบูรณ์
ในวันวิสาขบูชาพุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
มี ๒ อย่าง อย่างแรก เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ คือ ไปวัด ไปเวียนเทียน
ไหว้พระ ทำบุญ ไปวัดไหนก็ได้ใกล้ ๆ บ้าน
ที่มีการสอนธรรมะและสอนให้ทำความดี ให้เราได้ศึกษาธรรมะจริง ๆ อย่างที่สอง ที่ถือเป็นแก่นคือ
ในวันวิสาขบูชาควรจะได้ศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วตั้งใจฝึกสมาธิปฏิบัติธรรม
เวียนเทียนเพื่ออะไร?
การเวียนเทียนเป็นการเวียนประทักษิณ คือ
เวียนขวา ได้แก่เอาแขนขวาเข้าใกล้สิ่งที่เราจะเวียนเทียน เช่น
เวียนประทักษิณรอบโบสถ์ คือเอาแขนขวาเข้าใกล้โบสถ์ เป็นการแสดงความเคารพอย่างสูงสุด
๓ รอบ เวียนประทักษิณสิ่งใดคือการแสดงความเคารพสิ่งนั้น
ฉะนั้นการสวดมนต์
และเวียนประทักษิณรอบโบสถ์ ๓ รอบ คือการแสดงความเคารพต่อโบสถ์
ซึ่งถือว่าเป็นเขตพุทธาวาส เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งเป็นองค์แทนพระพุทธเจ้า
และการจุดเทียนคือการบูชาด้วยแสงสว่าง
เพราะในวันวิสาขบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม เราก็เลยจุดโคมประทีปเพื่อเป็นการบูชาด้วยแสงสว่างซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของปัญญา
แต่ถ้าจุดธูปคือบูชาด้วยของหอม
วัดควรประกอบพิธีกรรมแบบไหนเพื่อเป็นการดึงศรัทธาชาวพุทธ?
กิจกรรมที่จะชักชวนสาธุชนได้ง่าย คือ
ชวนไปเวียนเทียน ไหว้พระ ซึ่งแม้เป็นเปลือกก็มีความสำคัญ
เพราะแก่นก็ต้องอาศัยเปลือกมาหุ้มไว้ แต่เมื่อไปถึงวัดเวียนเทียนเสร็จแล้ว
ก็ชวนฟังเทศน์สักครึ่งชั่วโมง และนั่งสมาธิต่อสักครึ่งชั่วโมง เป็นต้น
อย่างนี้ได้ประโยชน์ คนจะรู้สึกว่าไปเวียนเทียน
ไหว้พระ ทำบุญ และยังได้ศึกษาธรรมะด้วย
ผู้คนในปัจจุบันนำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปปฏิบัติได้มากหรือน้อยกว่าเดิม?
ในบ้านเมืองเราคนเข้าวัดน้อยลง คนบวชน้อยลง แต่ถ้ามองไปในประเทศที่เจริญแล้ว เช่น
ประเทศสหรัฐอเมริกา มีคนหันมาศึกษาพระพุทธศาสนากันเยอะมาก เป็นสิบ ๆ ล้านคน เขาศึกษาหาข้อมูลในหนังสือ หาจากเว็บไซต์
แชร์ข้อมูล และนั่งสมาธิทุกวัน และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คนเหล่านี้เป็นคนผิวขาวที่มีพื้นฐานเดิมมาจากศาสนาอื่น
แต่กลับหันมาสนใจพระพุทธศาสนา
เพราะเขาบอกว่าเป็นคำสอนที่เยี่ยมยอดมาก ฉะนั้นแสดงว่าคำสอนของพระพุทธเจ้ายังทันสมัยอยู่ตลอด
แม้ประเทศที่เศรษฐกิจ ความรู้
เทคโนโลยีก้าวหน้าไปกว่าเรา เขายังยอมรับคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ทำไมเมืองไทยคนจึงยังห่างวัด แสดงว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่คำสอน เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็น “อกาลิโก” ไม่ขึ้นกับกาล ทันสมัยเสมอ
เป็นประโยชน์ต่อทุกชีวิต ทุกคน แต่ปัญหาเกิดจากองค์กรพุทธปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของสังคมไม่ทัน
คือแต่ก่อนเราเป็นสังคมเกษตร วัดคือศูนย์กลางของหมู่บ้าน
ใครเดินทางไกลผ่านมาไม่มีญาติแถวนั้นก็ไปนอนพักที่วัด มีงานสังสรรค์ก็ไปจัดที่วัด
มีเรื่องทะเลาะกันก็ให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสตัดสินให้ โรงเรียนก็อยู่ที่วัด
ทุกอย่างไปรวมกันที่วัดหมด ฉะนั้นแม้พระอยู่ที่วัดเฉย
ๆ คนก็ไปวัด เพราะวัดคือศูนย์รวมของชุมชน
แต่พอเป็นสังคมอุตสาหกรรม
คนไปเรียนหนังสือในเมืองบ้าง ทำงานในเมืองบ้าง มีการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานกันมากขึ้น แต่วัดยังมีลักษณะเหมือนเดิมอยู่
พระสงฆ์ก็ยังเหมือนเดิม บางครอบครัวย้ายมาจากอีสาน เหนือ หรือใต้
มาทำงานในกรุงเทพฯ มาอยู่ใกล้ ๆ วัด แต่เขาก็ไม่รู้จักเจ้าอาวาส บางทีอยู่มา ๕ ปี
ยังไม่รู้ว่าเจ้าอาวาสชื่ออะไร นี่คือเรื่องจริง จังหวะของชีวิตก็เปลี่ยนไป
อาชีพการงานทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ยิ่งตอนนี้จากยุคอุตสาหกรรมเริ่มเข้าสู่ยุคข้อมูลข่าวสาร
มีโรงภาพยนตร์ มีสถานเริงรมย์ สถานบันเทิงต่าง ๆ มีเรื่องมาดึงคนให้ห่างวัดมากมาย
หน้าที่ของวัดในแง่ของการเป็นศูนย์รวมชุมชนจึงลดไป เหลือแต่หน้าที่ดั้งเดิมจริง ๆ
คือการสอนธรรมะ
ที่จริงพระท่านก็งงเหมือนกันที่เมื่อก่อนมีคนไปวัดมากมาย
แต่ตอนนี้คนน้อยลง ๆ เริ่มห่างวัด ห่างไกลศาสนา ที่จริงเป็นเพราะว่าวัดปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของสังคมไม่ทัน
เลยเกิดความเหินห่างกับชุมชน คนไปวัดก็เคอะ ๆ เขิน ๆ
เด็กเจอพระก็ไม่รู้จะไหว้อย่างไร จะพูดอย่างไร ก็เลยไม่เอาดีกว่า บางคนเจอพระ เห็นท่านแทนตัวเองว่าอาตมา
ก็เลยเรียกตัวเองว่าอาตมาบ้าง ผิด ๆ ถูก ๆ เลยไม่กล้าเข้าวัด
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าที่จริงแล้วคำสอนไม่มีปัญหา
แต่ปัญหาคือเมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป แต่องค์กรพุทธเปลี่ยนตามไม่ทัน
ยิ่งมาถึงยุคข้อมูลข่าวสาร ยิ่งตามไม่ทันใหญ่
ในเมื่อคำสอนของพระพุทธเจ้าดีอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา เราต้องปรับรูปแบบการเผยแผ่ใหม่
เพื่อให้คนเข้าวัด จะนั่งอยู่ที่วัดเฉย ๆ รอคนเข้าวัดไม่ได้แล้ว คนจะมาบวชน้อยลง
เข้าวัดปฏิบัติธรรมน้อยลงไปเรื่อย ๆ คนจะห่างวัด อีกหน่อยชาวพุทธก็ค่อย ๆ ลดลง ๆ
เหลือชาวพุทธแค่ในทะเบียนบ้าน แต่ในต่างประเทศที่ศาสนาพุทธเจริญขึ้น
ๆ เพราะเขามามุ่งตรงเนื้อหา คือ คำสอน
ดังนั้น องค์กรพุทธจะต้องลุกขึ้นมาทำกิจกรรมเพื่อดึงคนเข้าวัด
ให้เขามาสัมผัสคำสอน ได้สัมผัสแล้วเขาจะพบว่า
บวชแล้วได้อะไรบ้าง คนมาบวชแล้วต้องให้เขาได้ฝึกตัวด้วย
ได้ปฏิบัติด้วย อย่างที่เราเคยจัดปฏิบัติธรรมให้คณะครูและนักเรียน
ปรากฏว่าทุกคนยอมรับว่าไม่เคยรู้ว่าธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดีขนาดนี้ ฟังเทศน์
๓ ชั่วโมงไม่มีหลับเลย ตื่นตาตื่นใจ และขอให้ไปสอนที่โรงเรียนต่อด้วย
เพราะครูที่มาแค่ ๕ – ๖ ท่าน
อยากให้ทั้งโรงเรียนได้ฟังเหมือนกัน กลายเป็นว่าธรรมะเป็นของดี แต่เขาไม่รู้
เหมือนใกล้เกลือกินด่าง
เพราะฉะนั้น การจัดบวชพระเป็นแสนรูป
อบรมอุบาสิกาแก้ว ๕๐๐,๐๐๐ คน หรือล้านคน
ก็คือการรวมคณะสงฆ์ทั้งแผ่นดินเพื่อชวนคนเข้าวัด เพราะในยุคอุตสาหกรรม
ยุคข้อมูลข่าวสาร ถ้าทำเล็ก ๆ ไม่มีพลัง แต่ถ้ารวมกันเป็นเครือข่าย
แล้วช่วยกันทำเป็นแคมเปญใหญ่ จัดประชาสัมพันธ์ออกไป แล้วก็รณรงค์
จะกลายเป็นกระแสปลุกสังคมขึ้นมาได้ นี่เป็นคำตอบว่าทำไมต้องบวชพระครั้งละแสนรูป
ทำไมต้องอบรมอุบาสิกาแก้ว ๓ – ๕
แสนคน แต่ตอนนี้คณะสงฆ์เริ่มตื่นตัวแล้ว ร่วมมือกันทำทั้งประเทศ แล้วพระหลาย ๆ รูป
ก็ใช้สื่อสารมวลชนให้เป็นประโยชน์ในการเผยแผ่ แนวโน้มเริ่มค่อย ๆ ดีขึ้น
เราจะต้องช่วยกันพลิกสถานการณ์กลับให้ได้
ในยุคปัจจุบันชีวิตคนวุ่นวายมาก เพราะข้อมูลข่าวสารมาก
ทำให้คนยิ่งต้องการความสงบใจ และต้องการธรรมะของพระพุทธเจ้ามากกว่ายุคสมัยใด
ๆ
พิสูจน์จากประเทศที่พัฒนาไปก่อนเราอย่างที่กล่าวมาแล้ว แต่ชาวพุทธยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการอยู่ใกล้
ๆ ตัวนี้เอง เหมือนกับคนที่กำลังกระหายน้ำมาก มายืนอยู่ข้างโอ่งน้ำใบโต ๆ แล้ว
ก็ยังบ่นว่าหิวน้ำ ๆ ก็เพราะเขามองไม่เห็นน้ำ
เพราะฉะนั้น
ควรจะให้ทุกคนได้อาศัยพุทธธรรมนำความชุ่มเย็นมาสู่จิตใจของตัวเองและชุมชน
ฉะนั้นองค์กรพุทธต้องจับมือกันทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง แล้วเราจะพบว่า
จะพลิกกลับตาลปัตรเลย คนไทยจะมาเป็นชาวพุทธเต็มตัว มาประพฤติปฏิบัติธรรม แล้วสังคมจะสงบร่มเย็น
เราจะไม่ทะเลาะกัน ไม่ตีกัน ไม่ฆ่ากัน แต่จะทำความดีร่วมกัน
ให้สมกับที่เราเป็นเมืองหลวงของพระพุทธศาสนาของโลก
ภาพสาธุชนมาทำความดีเป็นหมื่นเป็นแสนเกิดประโยชน์ต่อผู้พบเห็นอย่างไรบ้าง?
ภาพเหล่านี้เป็นการกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากจะไปบ้าง
เหมือนกีฬาโอลิมปิกที่คนไปดูเยอะ ๆ ก็ทำให้คนอื่นเกิดความรู้สึกอยากจะไปดูบ้าง
อยากจะเล่นกีฬาบ้าง บางทีเห็นคอนเสิร์ตมีคนเยอะ ๆ ก็อยากจะไปดูบ้าง ภาพที่เห็นเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจ
เพราะปัจจุบันเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร กระแสมีความสำคัญมาก ต้องปลุกกระแสขึ้นมา
ถ้าทุกวัดจัดงานวันวิสาขบูชาแบบเงียบ ๆ กันหมด อีกหน่อยก็อาจจะต้องเลิกจัด
เพราะไม่มีคนไป แต่ถ้าจัดงานใหญ่ มีคนเยอะ พอใครเห็นคนเข้าวัดเยอะแยะ
ก็มีความรู้สึกว่าเราต้องไปบ้าง ไม่ไปไม่ได้แล้ว
เป็นแรงกระตุ้นและจูงใจให้คนทำความดี
สำหรับเราชาวพุทธ
วันวิสาขบูชาเป็นวันที่องค์การสหประชาชาติยกให้เป็นวันสำคัญของโลก
สาธุชนบางประเทศยังตั้งใจปฏิบัติธรรมให้ตรงกับเวลาปฏิบัติธรรมในประเทศไทย คือ
๐๙.๓๐ น. ซึ่งเวลาในต่างประเทศอาจจะเป็นเวลา ๐๓.๓๐ น.
หลายคนต้องตื่นนอนแล้วขับรถไป ๒-๓ ชั่วโมง ท่ามกลางความมืด
เพื่อจะไปสวดมนต์และปฏิบัติธรรมบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราอยู่ในเมืองไทยออกจากบ้านไม่นานก็ถึงวัดแล้ว ขอฝากชาวพุทธทุกคนว่า
วิสาขบูชานี้ขอให้เข้าวัดกันทุกคน สะดวกที่ไหนไปที่นั่น ไปสวดมนต์ ไหว้พระ
เวียนเทียน ทำความดี แล้วอย่าลืมศึกษาธรรมะและนั่งสมาธิด้วย หรือที่บ้านมีทีวีก็เปิดช่อง DMC ดู
อย่างน้อยเราได้ศึกษาธรรมะบูชาพระพุทธเจ้าในวันวิสาขบูชา
และจากนี้ไปขอให้ทำอย่างนี้ทุกวัน แล้วชีวิตเราจะมีแต่ความสุขความเจริญยิ่ง ๆ
ขึ้นไป..
Cr. พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๓๙
เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
คลิกอ่านข้อคิดรอบตัวของวารสารอยู่ในบุญปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
วันมาฆบูชา : วันแห่งความรักอันบริสุทธิ์
สถานการณ์ชายไทย
อารมณ์ติดลบในหน้าร้อน
ฉลองปีใหม่ ตามหลักพุทธวิธี
เจ๋ง เก่ง แน่
ฟุตบอลโลก
Peace แปลว่า สันติ
กฐิน ผ้าป่า และอานิสงส์
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
พระพุทธศาสนาโกอินเตอร์
เคล็ดลับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
อารมณ์ติดลบในหน้าร้อน |
เจ๋ง เก่ง แน่ |
คลิกอ่านข้อคิดรอบตัวของวารสารอยู่ในบุญปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
วันมาฆบูชา : วันแห่งความรักอันบริสุทธิ์
สถานการณ์ชายไทย
อารมณ์ติดลบในหน้าร้อน
ฉลองปีใหม่ ตามหลักพุทธวิธี
เจ๋ง เก่ง แน่
ฟุตบอลโลก
Peace แปลว่า สันติ
กฐิน ผ้าป่า และอานิสงส์
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
พระพุทธศาสนาโกอินเตอร์
เคล็ดลับการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
วิสาขบูชา วันสำคัญของโลก
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
19:36
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: