ทอดกฐินอย่างไร ให้รวยอย่างในสมัยพุทธกาล
..มีกระแสถามเข้ามาว่า
วัดพระธรรมกายสอนผิดหรือเปล่า?
ในเรื่องของการทำบุญทอดกฐิน ที่ต้องรีบปิดกองก่อน
หรือทำบุญแบบเต็มที่เต็มกำลัง!!!
หากมีข้อกังขาก็ต้องหันไปศึกษาสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้
หรือย้อนไปดูเรื่องราวในสมัยพุทธกาล
เพื่อดูว่าเศรษฐีในสมัยพุทธกาลเขาทำบุญกันอย่างไรถึงได้ส่งผลให้รวยมหาศาล
อย่างเช่น ท่านเมณฑกเศรษฐี ซึ่งเป็นปู่ของนางวิสาขา
ที่รวยในระดับเลี้ยงคนได้ทั้งชมพูทวีป หากเรามาศึกษาดูจะพบว่า
ในอดีตชาติท่านสร้างเหตุโดยการถวายข้าวมื้อสุดท้ายของตัวเองแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ทั้ง ๆ ที่ตัวเองและคนในครอบครัวทั้งหมดกำลังจะอดตาย!
จากการกระทำตรงนี้ จะสังเกตเห็นว่า ท่านทำบุญจนหมดตัวเลย
ซึ่งคนที่มาทำบุญที่วัดพระธรรมกายก็ยังทำได้ไม่เท่าท่าน เพราะทำแล้วยังมีข้าวกิน และด้วยบุญนี้ก็ส่งผลให้มีข้าวเกิดขึ้นมาใหม่เต็มหม้อและตักออกไปกินเท่าไรก็ไม่พร่องอย่างเป็นอัศจรรย์
จนท่านสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งเมือง ซึ่งนับจากภพชาตินั้น ท่านก็เกิดเป็นเศรษฐีที่รวยมาก และได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันในชาติที่มาเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา
หรือมาศึกษาเรื่องของ นายติณบาล ที่ในสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
เขาเป็นยาจกที่อยากทำบุญทอดกฐินมาก จึงเอาเสื้อผ้าที่มีเพียงชุดเดียวไปขาย
จนตัวเองต้องนุ่งใบไม้ ตรงจุดนี้ ขอถามว่า..นายติณบาลทำบุญจนหมดตัวไหม? คำตอบคือ หมด ซึ่งคนที่ไปทำบุญที่วัดพระธรรมกายก็ยังทำได้ไม่เท่าเขา
เพราะทำแล้วยังมีเสื้อผ้าใส่ ไม่เห็นมีใครห่มใบไม้ และด้วยบุญนี้ ก็ส่งผลดลบันดาลให้พระราชาพระราชทานทรัพย์ให้
จนนายติณบาลได้กลายเป็นเศรษฐีในชาตินั้นเป็นอัศจรรย์
หรือมาดูกรณีของ จูเฬกสาฎกพราหมณ์สองสามีภรรยา ที่ยากจนมากถึงขนาดไม่มีผ้าจะใส่ คือ มีผ้าห่มที่ใช้คลุมกายเพียงผืนเดียวเท่านั้น
ทำให้เวลาจะออกไปฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ต้องผลัดกันไป
เพราะต้องผลัดกันใช้ผ้าผืนนี้ห่มคลุมกาย
และด้วยความยากจนเข็ญใจมากถึงขนาดนี้นี่เอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงเป็นกัลยาณมิตรให้
โดยทรงเทศน์สอนให้พราหมณ์ยอมทำทาน
ซึ่งพระองค์ทรงยอมอดทนเทศน์สอนตั้งแต่ปฐมยามจนถึงปัจฉิมยาม คือ เทศน์ถึงเช้าเลย
เพื่อเปิดใจให้พราหมณ์ยอมสละผ้าห่มคลุมกายที่มีอยู่เพียงผืนเดียวมาถวาย
จากเหตุการณ์นี้ อยากให้ช่วยกันคิดว่า การที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทำอย่างนี้เป็นเพราะพระองค์ทรงอยากได้ผ้าผืนเก่า
ๆ ที่ผ่านการใช้มาแล้วของพราหมณ์หรือเปล่า คำตอบคือ เปล่าเลย!!!
แต่พระองค์ทรงอยากให้พราหมณ์สละความตระหนี่ออกจากใจ
เพื่อบุญนี้จะได้ไปแก้ผังจนของพราหมณ์คู่นี้ได้ แล้วในที่สุดพราหมณ์ก็ยอมถวายผ้าที่มีอยู่แค่ผืนเดียว
เรียกได้ว่า ทำบุญจนหมดตัวเลยทีเดียว!
แต่สุดท้ายด้วยผลบุญนี้ก็ทำให้พระราชาพระราชทานช้าง
๔, ม้า ๔, สตรี ๔, ทาสี ๔, บุรุษ ๔, บ้านส่วย ๔ ตำบล และกหาปณะ ๔ พัน ให้แก่พราหมณ์
พอเล่าถึงตรงนี้ ก็ขอย้อนมาดูสาธุชนที่ไปทำบุญที่วัดพระธรรมกายกันบ้าง
ซึ่งมีหลายคนที่ไปวัดตั้งแต่ยังยากจนอยู่ แต่พอได้ทำบุญอย่างเต็มที่เต็มกำลังจนเกิดความปลื้มปีติจนน้ำหูน้ำตาไหล
แถมยังตามตรึกระลึกนึกถึงบุญและนั่งสมาธิบ่อย ๆ
ปรากฏว่า ไม่ช้าก็รวยเอา ๆ โดยไม่รู้ตัว
ที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะทำเลียนแบบอดีตยาจกในช่วงก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐีในสมัยพุทธกาลนั่นเอง
ซึ่งตรงนี้ก็เป็นไปตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
หลายคนยังมีคำถามต่ออีกว่า..แล้วทำไมต้องรีบทำบุญ
หรือปิดกองก่อน
ทั้ง ๆ ที่อย่างไรก็ต้องทำในวันทอดกฐินอยู่แล้ว?
จากการศึกษาพระไตรปิฎกจะพบว่า การตัดสินใจทำบุญก่อน
เวลาบุญส่งผลจะทำให้เราได้สมบัติในปริมาณที่มาก เหมือนในเรื่อง จูเฬกสาฎกพราหมณ์ ที่กล่าวข้างต้น
ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอธิบายถึงการส่งผลของบุญว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเอกสาฎกนี้ถวายทานตั้งแต่ปฐมยามไซร้
เขาจะได้วัตถุอย่างละ ๑๖ ถ้าถวายในมัชฌิมยามไซร้
เขาจะได้วัตถุอย่างละ ๘ แต่เพราะถวายเวลาจวนใกล้รุ่ง เขาจึงได้วัตถุเพียงอย่างละ ๔”
มากไปกว่านั้น...หากเรามีวิบากกรรมที่กำลังรอส่งผลอยู่พอดี
การทำบุญก่อนทันที จะไปชิงช่วงตัดรอนวิบากกรรมได้ทันเวลา จะทำให้หนักเป็นเบา เบาเป็นหาย แม้ตายก็ไปดี
และที่สำคัญที่สุด การทำบุญก่อนมีผลทำให้บรรลุธรรมก่อน แบบ พระอัญญาโกณฑัญญะ
ซึ่งเป็นปฐมสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งหากย้อนไปดูเหตุในอดีตของพระอัญญาโกณฑัญญะ ในชาติที่เกิดเป็นน้องชายของ สุภัททปริพาชก
ท่านมีอุปนิสัยการทำบุญ
ต่างจากพี่ชายอย่างสิ้นเชิง คือ เวลาทำบุญ พระอัญญาโกณฑัญญะจะชิงช่วงรีบทำก่อน คือจะเก็บเกี่ยวข้าวซึ่งเป็นผลผลิตไปทำบุญตั้งแต่เมล็ดข้าวยังอ่อน
ยังเป็นน้ำเขียว ๆ อยู่ ส่วนพี่ชาย คือ ท่านสุภัททะ เวลาทำบุญชอบทำทีหลัง คือ
รอจนวาระสุดท้าย รอจนขนข้าวเข้ายุ้งเสร็จแล้วจึงค่อยเอาข้าวไปทำบุญ
ฉะนั้น เวลาบุญส่งผลให้สำเร็จมรรค ผล
พระอัญญาโกณฑัญญะจึงบรรลุมรรค ผล ก่อนคนอื่นทั้งหมด สำหรับพี่ชาย คือ ท่านสุภัททะ
กลายเป็นผู้ได้รับการประทานการบวชจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นคนสุดท้ายก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน
และค่อยมาบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในภายหลัง
จากเรื่องราวในสมัยพุทธกาลย่อ ๆ ข้างต้น
ก็พอจะเป็นข้อมูลให้เราเอาไว้ตัดสินใจในการออกแบบชีวิตในอนาคตว่า
เราจะเอาอย่างไรกับชีวิตดี คือ อยากจะเป็นคนรวยระดับมหาเศรษฐี หรืออยากจะเป็นคนจน
อยากจะบรรลุธรรมก่อนหรืออยากบรรลุทีหลัง เพราะการที่ใครสักคนจะกล้าตัดสินใจรวยหรือบรรลุธรรมเร็ว
โดยการสร้างเหตุในอดีตอย่างบุคคลพิเศษในสมัยพุทธกาลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังจะเห็นว่า
ทุกยุคทุกสมัยจึงมีมหาเศรษฐีเกิดขึ้นบนโลกเพียงไม่กี่คน
อีกทั้งบุคคลที่บรรลุธรรมก่อนก็มีไม่มาก!!!
เมื่ออ่านจนมาถึงบรรทัดนี้…ต่อไปก็คงเป็นการตัดสินใจของคุณแล้ว
ว่าจะออกแบบชีวิตในภพชาติหน้ากันอย่างไรกับบุญจากการทอดกฐินที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เพราะบุญนี้เป็นบุญใหญ่ที่มีอานิสงส์มากถึงขั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตได้เลยทีเดียว..
Cr. ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๔๔
เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
คลิกอ่านเรื่องจากปกของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
ครั้งหนึ่งในชีวิต.. เราต้องเป็นประธานกองกฐินให้ได้
นิทรรศการความลับของชีวิต
ครั้งหนึ่งในชีวิต.. เราต้องเป็นประธานกองกฐินให้ได้ |
นิทรรศการความลับของชีวิต |
คลิกอ่านเรื่องจากปกของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
ครั้งหนึ่งในชีวิต.. เราต้องเป็นประธานกองกฐินให้ได้
นิทรรศการความลับของชีวิต
ทอดกฐินอย่างไร ให้รวยอย่างในสมัยพุทธกาล
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
23:31
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: