ชาวพุทธจะยืนหยัด รักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้อย่างไร
การที่ชาวพุทธจะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้นานแสนนานนั้น
สิ่งแรกที่ต้องชัดเจนลงไปในความเข้าใจก็คือ
ตัวจริงของพระพุทธศาสนานั้นอยู่ที่ไหน
พระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่ประเทศอินเดีย
ไม่ได้อยู่ที่โบสถ์ ไม่ได้อยู่ที่ศาลา และไม่ได้อยู่ที่วัดใดวัดหนึ่ง แต่พระพุทธศาสนาอยู่ในใจคน
ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคนธรรมดา หรือคนนั้นจะมาบวชเป็นพระภิกษุสามเณรก็ตามที
คนเช่นไรพระพุทธศาสนาจึงเข้าไปอยู่ในใจได้ คนที่ศึกษาแล้วก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมตามคำสอนในพระพุทธศาสนา
ตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คน ๆ นั้นจึงจะมีพระพุทธศาสนาอยู่ในตัว อยู่ในใจ
ไม่ว่าเขาจะได้บวชหรือไม่ได้บวชก็ตาม
แต่ว่าโดยทั่วไป ถ้าไม่ได้บวชเป็นพระภิกษุ
โอกาสที่จะรู้จักคำสอน โอกาสที่จะนำคำสอนมาปฏิบัติอย่างจริงจัง มักจะไม่มี
เพราะฉะนั้นปู่ย่าตาทวดของเรา อยากจะให้พระพุทธศาสนาอยู่ในใจลูกหลาน
ก็เลยสร้างขนบธรรมเนียมประเพณีว่า เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย
อย่างไรก็ต้องให้ได้บวชสักพรรษาหนึ่ง
ส่วนลูกผู้หญิงไม่มีโอกาสได้บวชเป็นพระภิกษุ
แล้วพระพุทธศาสนาจะเข้าไปอยู่ในใจได้ไหม
คำตอบคือได้ ถ้าเขาตั้งใจศึกษาและปฏิบัติ แต่ถ้าไม่ตั้งใจศึกษา ไม่ปฏิบัติ
พระพุทธศาสนาก็คงเข้าไปอยู่ในใจเขาไม่ได้
ในทำนองเดียวกัน แม้ว่าเป็นผู้ชาย
ถ้ามาบวชเป็นพระแล้วยังไม่ได้ตั้งใจปฏิบัติ มาบวชแล้ว ก็เช้าเอน เพลนอน
บ่ายพักผ่อน กลางคืนจำวัด
ถ้าอย่างนี้คำสอนของพระพุทธศาสนาก็เข้าไปอยู่ในใจเขาไม่ได้ เพราะบวชมาเพื่อนอน
ไม่ได้บวชมาเพื่อขจัดขัดเกลากิเลสในตัวเอง คนประเภทนี้
แม้บวชแล้วก็รักษาพระพุทธศาสนาไม่ได้
การที่เราไปชวนให้เขาเข้ามาบวช
ตั้งใจกระจายข่าว ติดคัตเอาต์ (cut out) ประกาศเชิญชวนเขามาบวชทั่วบ้านทั่วเมือง
ก็เพราะอยากจะเห็นพระพุทธศาสนาเข้าไปอยู่ในใจเขา
ถ้าเขามาบวชแล้วตั้งใจปฏิบัติ ก็เป็นประโยชน์กับตัวของเขาเองเต็มที่
แล้วพระพุทธศาสนาก็จะเข้าไปอยู่ในใจของเขา นอกจากพระพุทธศาสนาจะเข้าไปอยู่ในใจของเขาแล้ว
เขายังเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับเราได้อีกด้วย เพราะเขาได้เป็นกำลังของพระพุทธศาสนาไปเรียบร้อยแล้ว
ในเวลาเดียวกัน เราก็จะเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับเขาด้วย
ถ้าเขาบวชแล้วไม่สึก
เขาก็เป็นหลักให้กับพระพุทธศาสนาได้
เคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่าพระภิกษุทั่วประเทศได้
ถ้าเขาสึกก็จะเป็นรั้วที่ดีให้กับวัด เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับวัด
แล้วก็จะไปทำหน้าที่ตามคนดี ๆ เข้ามาเป็นชาววัดอีกต่อไปในภายภาคหน้า
เรื่องหลักของการบวชจึงเป็นเรื่องที่ผู้บวชจำเป็นต้องตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเอง
ถ้าไม่ตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเอง การมาบวชของเขาก็จะสูญเปล่า
เพราะไม่ได้ฝึกหัดขัดเกลาจิตใจของตนเองให้ดีขึ้นเลย
ความผิดนั้นก็อยู่ที่การประพฤติปฏิบัติของตัวเขา ส่วนว่าบวชแล้ว
เขาจะกลายมาเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีของวัด หรือมาช่วยเป็นรั้วของพระพุทธศาสนาหรือไม่
เรื่องนั้นยังเป็นเรื่องรอง เรื่องหลักคือบวชแล้วต้องตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเอง
คนที่อยู่ในภาวะที่มีโอกาสบวชได้แล้ว
แต่ไม่ยอมให้โอกาสตัวเองมาบวช นั่นคือนอกจากไม่ช่วยตนเองแล้ว
ยังมีส่วนกร่อนทำลายพระพุทธศาสนาไปโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย แต่ผู้ที่รู้ตัวว่าสามารถบวชได้
แต่เมื่อโอกาสยังไม่เอื้ออำนวย
ก็สามารถชดเชยโอกาสของตัวเองด้วยการทำหน้าที่ส่งเสริมให้ผู้อื่นได้บวช
ช่วยกันไปตามคนอื่น ตามลูกตามหลาน ตามญาติมาบวชแทนตัวเอง พอเขาบวชแล้ว
ก็ให้การสนับสนุนด้วยข้าวปลาอาหาร ปัจจัยสี่ต่าง ๆ
เพื่อให้พระลูกพระหลานที่มาบวชได้ประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ ถ้าทำเช่นนี้ได้ก็จะเป็นความถูกต้องดีงามทั้งต่อตัวเองและต่ออายุพระพุทธศาสนา
เป็นการทำให้คนดีและสิ่งแวดล้อมที่ดีเกิดขึ้นในสังคม แม้ไม่ได้มาบวชแต่ก็จะได้บุญจากการส่งเสริมความดีงามให้เกิดขึ้นในสังคมเป็นอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ ครั้ง หลาย ๆ
คนก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า เมื่อเราฝึกฝนอบรมตัวเองให้ดีขึ้นแล้ว ก็น่าจะเพียงพอ
ทำไมถึงต้องมาคำนึงถึงการส่งเสริมให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นด้วย
สำหรับเรื่องนี้ก็ขอให้นึกถึงต้นไม้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นต้นอะไรก็ตามที
ต่อให้เป็นต้นไม้สูงใหญ่เพียงใด แต่ถ้าโตขึ้นเดี่ยว ๆ อยู่กลางทุ่ง กลางที่โล่ง
วันหนึ่งเมื่อพายุพัดโหมกระหน่ำมา ก็มีโอกาสโค่นลงจนได้ในวันใดวันหนึ่ง
เพราะไม่มีอะไรช่วยต้านแรงลม ตอนลมพัดมาเบา ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าลมพายุพัดมาแรง ๆ
เมื่อไร และไม่มีต้นไม้เล็กต้นไม้น้อยขึ้นอยู่รอบ ๆ ทุกทิศทาง คอยช่วยปะทะแรงลมไว้ด้วย
ไม้ใหญ่ต้นนั้นปะทะลมพายุอย่างโดดเดี่ยวตามลำพังได้ไม่นาน ก็ต้องหักโค่นลงมา
ยืนหยัดเดียวดายอยู่กลางทุ่งต่อไปไม่ได้
เพราะเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่ เป็นคน
เป็นวัด เป็นประเทศ เป็นพระพุทธศาสนา ถ้าอยู่ลำพังเดี่ยว ๆ มันยากที่จะต้านลมแรง
การสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีจึงจำเป็นจะต้องทำ เพราะเราจะเป็นคนดีโดยลำพังไม่ได้
หากเป็นคนดีโดยลำพัง ไม่สนใจว่าสิ่งแวดล้อมจะดีร้ายอย่างไร
สักวันก็ต้องถูกลมพายุร้ายพัดโค่นลงมาอยู่ดี
วันนี้พระพุทธศาสนาซึ่งเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในประเทศไทย
ได้ถูกลมแรงพัดให้โยกคลอน ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดระยะเวลา ๑๐๐-๒๐๐ ปี
ซึ่งที่ผ่านมานี้ พระพุทธศาสนาโดนภัยจากการล่าเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจ
โดนภัยจากการรุกรานของต่างศาสนา โดนภัยจากอบายมุขกัดกร่อนอยู่ทุกวันเวลา
ทำให้ประชาชนห่างเหินการปฏิบัติธรรม
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
วัดร้างจึงได้เพิ่มขึ้น จำนวนผู้บวชแต่ละปีก็ลดลง
พระภิกษุที่รักษาวัดกันอยู่ในขณะนี้ นอกจากจำนวนลดลงแล้ว
ก็เป็นพระผู้เฒ่าอยู่เป็นส่วนมาก โดยเฉพาะเมื่อพวกเราได้ไปจัดงานบวชอุบาสิกาแก้ว
บวชพระแสนรูปที่ผ่านมา ก็ได้ไปเห็นมาด้วยตาของตัวเองแล้วว่า
ความชำรุดทรุดโทรมของวัดวาอารามต่าง ๆ
ที่หลวงพ่อหลวงปู่ช่วยกันรักษาลมหายใจเฮือกสุดท้ายเอาไว้
ตลอดจนความศรัทธาของญาติโยมที่ดูแลวัดในย่านนั้น ๆ ได้ ทรุดโทรมลงไปขนาดไหน
ถ้าเรายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ลมหายใจของพระพุทธศาสนาก็จะขาดสิ้นลงไปต่อหน้าต่อตาในยุคของพวกเรานี้เอง
เพราะฉะนั้น
การที่พระภิกษุไปช่วยกันตามญาติโยมมาบวช การที่ญาติโยมไปช่วยกันตามคนมาบวช
สิ่งเหล่านี้เป็นการช่วยเหลือตัวเราเองทั้งนั้น
เพราะการที่เราไปตามคนมาบวชได้มากเท่าไร ทั้งพระภิกษุสามเณรที่อยู่ในวัดนั้น ๆ และศรัทธาญาติโยมที่อยู่ในย่านนั้น
ๆ ก็จะได้สิ่งแวดล้อมที่ดีเกิดขึ้นรอบตัวเขาอย่างหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น
ภัยจากอบายมุข ภัยจากอาชญากร ภัยจากมิจฉาทิฐิ
ภัยจากศาสนาหรือความเชื่ออื่นที่ไม่หวังดีกับพระพุทธศาสนา
ภัยเหล่านี้จะถูกกันออกไป เพราะเราได้คนดีมาเป็นเพื่อน มาช่วยกันเป็นสิ่งแวดล้อมให้กับเรา
แล้วเราก็จะเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับเขา
เมื่อสองฝ่ายมาบรรจบกัน
ทั้งเขาและเราต่างก็เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่กันและกัน สิ่งเหล่านี้ก็คือการกระทำตามมงคลสูตรในข้อที่ว่า
"ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา"
แปลว่า "การคบบัณฑิต" หรือ "ปูชา จ ปูชนียานํ" แปลว่า
"การบูชาบุคคลที่ควรบูชา" ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นคงกับชีวิตของเรา พระพุทธศาสนาของเรา
และประเทศไทยของเรา
เพราะฉะนั้น
พวกเราชาวพุทธชาวไทยที่ในวันนี้ยังมีเวลาอยู่
ก็ไปช่วยกันตามคนมาบวชให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ชวนมาบวชได้มากเท่าไร
ก็ทำให้สุดฝีมือไปเลย เพราะนั่นก็คือการทำเพื่อช่วยเหลือตัวเราเอง
และช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่วัด แก่ท้องถิ่น แก่สังคม ประเทศชาติไปด้วย เมื่อทุกคนทำได้เช่นนี้
พระพุทธศาสนาก็จะเข้าไปอยู่ในใจของทุกคน
ชาวพุทธทุกคนก็จะสามารถยืนหยัดรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้นานแสนนาน
Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๑๔
เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
คลิกอ่านหลวงพ่อตอบปัญหาของวารสารอยู่ในบุญปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
บุคลิกของคนมีสัจจะเป็นอย่างไร?
ทำงานอย่างไร... ให้มีกำลังใจ ไม่ท้อแท้ท้อถอย?
ทำงานเป็นทีมอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จได้ตลอดรอดฝั่ง?
เวลาพระให้พร ท่านให้อะไร? ผู้ทำบุญได้อะไร?
"ศรัทธา " มีความหมายอย่างไร ในพระพุทธศาสนา?
วันพระ มีความเป็นมาอย่างไร?
การเลี้ยงดูพัฒนาเด็ก ควรจะเริ่มต้นอย่างไร ?
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สังคมแตกแยก ?
ทำไมเราต้องศึกษา เรื่องกฎแห่งกรรม ?
ธรรมชาติของกรรมเป็นอย่างไร?
การฝึกตนเป็นนักสร้างบารมี จะต้องทำความเข้าใจเรื่องใดให้ชัดเจนก่อน?
เวลาพระให้พร ท่านให้อะไร? ผู้ทำบุญได้อะไร? |
ทำงานเป็นทีมอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จฯ |
คลิกอ่านหลวงพ่อตอบปัญหาของวารสารอยู่ในบุญปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
บุคลิกของคนมีสัจจะเป็นอย่างไร?
ทำงานอย่างไร... ให้มีกำลังใจ ไม่ท้อแท้ท้อถอย?
ทำงานเป็นทีมอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จได้ตลอดรอดฝั่ง?
เวลาพระให้พร ท่านให้อะไร? ผู้ทำบุญได้อะไร?
"ศรัทธา " มีความหมายอย่างไร ในพระพุทธศาสนา?
วันพระ มีความเป็นมาอย่างไร?
การเลี้ยงดูพัฒนาเด็ก ควรจะเริ่มต้นอย่างไร ?
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สังคมแตกแยก ?
ทำไมเราต้องศึกษา เรื่องกฎแห่งกรรม ?
ธรรมชาติของกรรมเป็นอย่างไร?
การฝึกตนเป็นนักสร้างบารมี จะต้องทำความเข้าใจเรื่องใดให้ชัดเจนก่อน?
ชาวพุทธจะยืนหยัด รักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้อย่างไร
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
00:54
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: