อากาศร้อน ใจร้อน
สภาพอากาศร้อนมีผลต่อจิตใจของเราอย่างไร?
สิ่งแวดล้อมภายนอก ไม่ว่าจะร้อนหรือหนาวก็ตาม
ย่อมส่งผลต่อตัวเราทั้งทางบวกทางลบโดยปริยาย
ถ้าในแง่ความร้อนเราทุกคนก็คงจะสัมผัสได้ว่า ในช่วงหน้าร้อน
เราเดินไปเดินมาแค่นิดหน่อยเหงื่อก็ออกแล้ว ทำให้เหนอะหนะเหนียวตัว
อึดอัดไม่สบายตัว ส่งผลให้รำคาญบ้าง หงุดหงิดบ้าง พอใจเป็นอย่างนี้แล้ว
ถ้ามีอะไรมากระทบเข้าหน่อยก็มีสิทธิ์ที่จะเพิ่มความหงุดหงิด ความรำคาญ
บางทีความโกรธก็มีสิทธิ์ที่จะมาได้เหมือนกัน
ในเมืองหนาว
ผู้คนมีแนวโน้มอารมณ์เย็นกว่าคนในเมืองร้อนหรือเปล่า?
ถ้าดูเผิน ๆ ก็คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่พอดูจริง ๆ แล้วกลับพบว่าไม่ใช่
ในแถบหนาวไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา หรือเอเชีย คือ แถวจีน
ที่ผ่านมามีสงครามเกือบตลอดเวลาเลย มีการรบราฆ่าฟันกันมากมาย แต่ในเขตร้อนนาน ๆ
เกิดสงครามทีหนึ่ง อย่างเช่น สงครามไทย-พม่า
บางช่วงเว้นไปเป็นร้อยปี เพราะฉะนั้นจะบอกว่าคนในเมืองหนาวใจเย็นกว่าก็ไม่แน่เหมือนกัน
พอดูต่อไปก็พบว่า ฝรั่งเองแท้ ๆ พอเดินเรือมาถึงย่านเอเชีย
โดยเฉพาะมาถึงประเทศไทย เขางงเลยว่าทำไมคนไทยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
เขาเลยตั้งฉายาเมืองไทยว่า “สยามเมืองยิ้ม” ก็แสดงว่าคนไทยอารมณ์ดีชนิดที่โดดเด่นเลย
สัมผัสได้ทันที แสดงว่าอากาศร้อนไม่ได้ทำให้คนไทยรู้สึกหงุดหงิดใจร้อน เจ้าโทสะ
โดยทั่วไปคนไทยกลับมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ ยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดีจนเขาสัมผัสได้
ลองย้อนไปดูฝรั่งบ้าง บ้านเมืองของเขาอากาศหนาว ฟ้าทึม ๆ
วันไหนแดดออกคนจะดีใจมาก เพราะเมืองเขานาน ๆ จะเห็นแดดสักที และยิ่งหน้าหนาวบางทีออกจากบ้านไปไหนไม่สะดวก
หนาวจัด หิมะกำลังตกเหมือนกับถูกขังอยู่ในบ้าน เหลียวซ้ายแลขวาเห็นแต่ผนัง
ดูแล้วทึม ๆ บางทีหนาวยะเยือกไปถึงใจเลย
ภาพวาดของฝรั่งส่วนมากเลยเป็นภาพวิวทิวทัศน์
วาดรูปแสงแดดอยู่กลางท้องทุ่งมีดอกไม้สวย ๆ แล้วแขวนผนังไว้ดูแทนของจริง แต่ของบ้านเราจะเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติบ้าง
นรก-สวรรค์บ้าง เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจในการทำความดี
แต่ของฝรั่งเขาวาดเพื่อเชิดชูใจให้ปลอดโปร่งจากอารมณ์ที่หดหู่
ฝรั่งเขาอิจฉาเมืองร้อน เขาบอกว่า บ้านเขาลงเล่นน้ำได้ปีหนึ่งแค่ไม่กี่เดือน ในญี่ปุ่นเห็นได้ชัด
ติด ๆ กับวัดพระธรรมกายโตเกียวเป็นโรงเรียนอนุบาลถึงชั้นประถม ๖
โรงเรียนมีพื้นที่ไม่กว้างแบบบ้านเรา เพราะที่ญี่ปุ่นพื้นที่น้อย ราคาที่ดินแพง
เขามักออกแบบอาคารเป็นทรงสูง สนามก็มีนิดหน่อย พอให้เด็กวิ่งเล่นบ้าง
ขนาดสระว่ายน้ำยังไปอยู่บนยอดตึก สระนี้ปิดปีละประมาณ ๙ เดือน เพราะเล่นน้ำไม่ได้
มันหนาว เด็ก ๆ ลงมาเล่นน้ำได้ปีหนึ่งแค่ ๓ เดือน
พอมาเห็นบ้านเราเล่นน้ำได้ทั้งปีเขาอิจฉาเลย
เขาบอกว่าเหมือนแดนสวรรค์ บ้านเราจะว่าร้อนก็ร้อน แต่ยังไม่ร้อนขนาดทะเลทราย
เวลาร้อนแค่เหงื่อออก พอเข้าไปใต้ร่มไม้ ลมพัดเย็น ๆ ก็สบายดี กรุงเทพฯ ร้อนหน่อย
แต่แถวชนบทไม่เท่าไร ร้อนเป็นช่วง ๆ เท่านั้นเอง
ขอให้เราปรับใจเราให้ดีก็โอเคแล้ว สยามเมืองยิ้มของเราเกิดขึ้นมาเพราะคนไทยเรารู้จักปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
แล้วมีหลักธรรมในพุทธศาสนาเป็นเครื่องเชิดชูใจเพราะฉะนั้นแม้อากาศจะร้อนอย่างบ้านเราก็ถือเป็นแบบร้อนพอมีสีสันชีวิต
พอถึงหน้าหนาวก็ไม่ได้หนาวเอาตายเหมือนฝรั่ง หนาวพอให้เราได้หยิบเสื้อกันหนาวมาใช้
ฉะนั้นให้คิดว่าเป็นสีสันชีวิตเท่านั้น
ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าเราปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิ เราก็จะอยู่ได้อย่างสบาย
ๆ
คนใจร้อนกับคนเจ้าโทสะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
ไม่เหมือนกันทีเดียว แต่มีส่วนที่คล้าย ๆ กัน คือ
คนที่ใจร้อนมีโอกาสจะเป็นคนเจ้าโทสะมากหน่อย แต่ไม่เหมือนกันเสียทุกอย่าง
จุดต่างสำคัญก็คือ คนใจร้อนมักจะเอาใจไปผูกกับเรื่องของงาน
เมื่อทำงานอะไรก็อยากให้เสร็จเร็ว ๆ สั่งงานอะไรไปก็อยากให้ทันอกทันใจถ้าชักช้ายืดยาดรู้สึกหงุดหงิด
นี่คือคนใจร้อนมุ่งที่งาน อยากให้เร็วอย่างใจ
ส่วนคนเจ้าโทสะไม่ใช่เรื่องงานอย่างเดียว
มันคลุมไปทั่วเลย บางทีแค่เขามองหน้าก็หงุดหงิดขึ้นมาแล้วหาว่าหมิ่นศักดิ์ศรี
ยกพวกตีกันเลย มีอะไรสะกิดนิดเดียวเหมือนดินระเบิดที่พร้อมระเบิดตลอดเวลา
นี่คือคนเจ้าโทสะ
แต่คนใจร้อนก็มีโอกาสที่จะเป็นคนเจ้าโทสะมากกว่าคนใจเย็นใจร้อนกับเจ้าโทสะมีส่วนที่คาบเกี่ยวกัน
แต่ไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว
แง่ดีของคนที่ใจร้อนก็มีอยู่เหมือนกันเนื่องจากใจมุ่งที่งาน
คนใจร้อนจะไม่อืดอาดยืดยาด สั่งคนอื่นแล้วก็อยากให้ได้อย่างใจ คือ ใจมุ่งที่งาน
ไม่ค่อยรอคนนั้นคนนี้มาทำอะไรให้ทำได้ฉันทำเลย ในเมื่อฉันยังเป็นอย่างนี้
ลูกน้องก็ต้องเป็นอย่างฉันด้วย เวลาฉันสั่งอะไรเธออย่ามาอืดอาด อะไรควรทำ ทำเลย
ข้อดีของคนใจร้อนก็คือ เป็นคนเอางานเอาการ แล้วก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วย
หน้าที่การงานก้าวหน้าใหญ่โต ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง
ในแง่ของต่างประเทศ สตีฟ จ็อบส์ ขึ้นชื่อลือชาเรื่องใจร้อน
เรียกว่าดูจนถึงรายละเอียดทุกอย่างต้องเนี้ยบที่สุด ดีที่สุด
เร็วที่สุด ถ้าไม่ได้อย่างใจแล้วไม่ยอมเลย สมัยหนุ่ม ๆ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท
อาละวาดจนกระทั่งบริษัทแทบระเบิด คือคนอื่นตามเขาไม่ทันเพราะเขาจี้สุด ๆ
และไม่ระมัดระวังคำพูด สุดท้ายไปขัดกับซีอีโอที่ตัวเองไปเชิญมาบริหารแอปเปิล
มาทำงานแค่ปีเดียวก็ขัดกับสตีฟ
จ็อบส์อย่างแรง สุดท้ายพอโหวตในบริษัทปรากฏว่าซีอีโอชนะ ให้สตีฟ จ็อบส์ออกจากบริษัท
เพราะใจร้อนมากจนคนอื่นมองว่าเป็นตัวปัญหา แต่พอสตีฟจ็อบส์ไม่อยู่จริง ๆ
บริษัทก็ค่อย ๆ แย่ลง ๆ เพราะขาดนวัตกรรมใหม่ ๆ ผ่านไปไม่ถึง ๑๐ ปี
สุดท้ายต้องส่งเทียบเชิญกลับมากอบกู้บริษัท สตีฟ จ็อบส์กลับมาคราวนี้ก็กู้ได้จริง
ๆ นิสัยใจร้อนยังอยู่ แต่ว่าผ่านโลกมาเยอะ ความใจร้อนลดลงบ้าง
แต่การจี้ถึงที่สุดยังคงเป็นอยู่ตลอดมาจนกระทั่งเสียชีวิต
นี้เป็นจุดแข็งของคนที่ใจร้อน แต่ต้องเก่งจริง ๆ
ด้วยนะ ถ้าใจร้อนแบบบุ่มบ่ามไม่ดีแน่ ๆ
มีวิธีแก้ความใจร้อนอย่างไรบ้าง?
ขอพูดเรื่องใจร้อนควบกับเจ้าโทสะไปด้วยกันเลย ตัวคุมก็คือ
๑. ต้องคุมด้วยศีลเสียก่อน
พื้นฐานก็คือศีล ๕
เมื่อเกิดอาการใจร้อนหรือเจ้าโทสะแล้วจะต้องไม่ไปทำความเดือดร้อนให้ใคร
อย่าไปล่วงละเมิดเขา จะด้วยคำพูด จะด้วยการลงไม้ลงมือ
หรือการทำร้ายน้ำใจเขาด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม ต้องพยายามคุมไว้ด้วยศีลก่อน
๒. หมั่นนั่งสมาธิบ่อย ๆ
จะเป็นตัวแก้ถ้าเราคุมด้วยศีล ใจยังไม่ได้แก้ แค่พยายามใช้สติตั้งหลักไว้
โกรธจัดแต่อย่าไปด่าเขานะ อย่าลงไม้ลงมือ ศีลก็เหมือนตัวเบรก
แต่ถ้าแรงผลักข้างในยังมีอยู่ไม่ได้น้อยลงมีสิทธิ์เบรกแตก
เดี๋ยวอั้นไม่อยู่ก็โพล่งออกไป แล้วมานั่งเสียใจทีหลัง
แต่ตอนที่เกิดเหตุคุมตัวเองไม่อยู่ จะแก้และคุมตัวเองอยู่ต้องแก้ที่ใจ คือ
นั่งสมาธิ การนั่งสมาธิเป็นการจูนปรับใจเราให้นุ่ม นิ่ง แล้วคลาย
ปุ๊บปั๊บจะไปแก้เรื่องอาการใจร้อนเจ้าโทสะ แก้ไม่หาย เพราะมันติดข้ามภพข้ามชาติมา
แต่อย่างน้อยจาก ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เหลือสัก ๖๐-๗๐ เปอร์เซ็นต์
แล้วก็คุมด้วยศีลไปอีกชั้นหนึ่ง เริ่มจะคุมอยู่
ถ้าไม่แก้ข้างในเลยความใจร้อนยังอยู่ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เท่าเดิม
จะคุมด้วยศีลอย่างเดียวเสี่ยงมาก มีสิทธิ์ที่นอตจะหลุดไปเรื่อย ๆ
ข้อเสียของคนใจร้อนมีผลต่อการทำงานอย่างไรบ้าง?
มีเยอะเลย เพราะว่าเมื่อเราใจร้อน คนอื่นเขาไม่ได้อย่างใจเรา
ซึ่งบางทีไม่ใช่ว่าเราถูกเขาผิด จากที่เราอยากจะได้ทันทีทันใจ พอไม่ได้ปั๊บ
ก็ว่าเขาบ้าง ใช้ถ้อยคำทำร้ายน้ำใจเขาบ้าง ทำไมไม่เป็นอย่างนี้
ทำไมไม่เป็นอย่างนั้น ซึ่งไม่ได้เป็นกับลูกน้องอย่างเดียว บางทีเป็นกับคู่ชีวิต กับลูก
แล้วคำบางคำยิ่งเป็นคนใกล้ตัวยิ่งแรงกว่าที่ใช้กับลูกน้องอีก
บางครั้งพ่อแม่ไม่ระวัง ใช้ถ้อยคำที่ทำลายน้ำใจลูก ถึงอย่างไรลูกก็รักพ่อรักแม่
แต่เหมือนเป็นแผลในใจเลย เหมือนมีปฏิกิริยาอะไรบางอย่างที่ทำให้มีปัญหาในการอยู่ร่วมกัน
ไม่คุ้มเลย กับลูกน้องก็เหมือนกัน เราไปด่าเขาไม่คุ้มเลย
แสดงว่าการใจร้อนเกิดโทษแล้ว
เราใจร้อนใจเร็ว อยากให้ทุกอย่างสำเร็จและดี ก็ไปดูรายละเอียด
จี้แล้วกระตุ้นอย่างใกล้ชิด พอสั่งแล้วมีการจี้ มีการติดตามงาน โทร.ถามบ้าง
ไปเดินดูบ้าง เห็นเขาทำไม่ถูกก็ชี้แนะเลย สอนทุกอย่าง อย่างนี้ลูกน้องไม่กล้าเฉื่อย
เพราะรู้ว่าเจ้านายเอาจริง ถ้าใจร้อนอย่างนี้ยังเป็นพลังทางบวกอยู่
ต้องขีดเส้นเอาไว้ว่า “ความใจร้อนของเราต้องไม่ก้าวล่วงไปถึงขั้นทำร้ายน้ำใจของผู้อื่น”
ไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตาม
แค่ใช้เป็นพลังขับเคลื่อนให้ทุกอย่างรุดหน้าอย่างที่เราปรารถนาให้เร็วที่สุดเท่านั้น
เราจะต้องไม่เอาความใจร้อนของเราไปสร้างโทษกับใคร ไปละเมิดใคร
ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตาม
ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน
มีวิธีดูแลสุขภาพกายสุขภาพใจอย่างไร?
ในช่วงหน้าร้อน ให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ช่วงอากาศแปรปรวน เช่น อุณหภูมิข้างนอก
๓๕ องศา ๓๗ องศา แต่พอฝนตกมีลมเย็นวูบเข้ามา เพียงแค่ชั่วโมงเดียวอุณหภูมิลดเหลือ
๒๕ องศาก็มี คือเปลี่ยนถึง ๑๐ องศาในเวลา ๑ ชั่วโมงเท่านั้น
หรือบางทีหัวค่ำร้อนพอใกล้ฟ้าสางเริ่มเย็น
ช่วงไหนที่อากาศแปรปรวนเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว คนเป็นหวัดเยอะ อากาศเปลี่ยนทำให้ไม่สบาย
เพราะว่าเราปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของอากาศไม่ทัน
เราต้องคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของอากาศ วันนี้อุณหภูมิเย็นลง
เราก็ต้องดูแล้วว่าเครื่องนุ่งห่มของเราพอไหม
วันนี้อากาศร้อนเราต้องหาเครื่องนุ่งห่มที่บาง ๆ ไม่ทำให้อึดอัดหรืออบอ้าวเกินไป
หรืออยู่ข้างนอกร้อน แต่ที่ทำงานเรามีเครื่องปรับอากาศ เราก็ต้องเตรียมว่า
ในที่ทำงานต้องมีเสื้อกันหนาว ถ้าเราปรับตรงนี้ลงตัว
การป่วยเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงจะหายไปร้อยละ ๙๐ เลย
เสร็จแล้วก็ต้องระวังการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิจากตัวเราเองด้วย เช่น
ไปนอกบ้านมาเหงื่อโชก ถึงบ้านก็เอาพัดลมมาจ่อหรือเปิดเครื่องปรับอากาศเย็น ๆ
เป่าใส่เลย เหงื่อกำลังออก ร่างกายข้างในอุณหภูมิกำลังเพิ่ม
เหงื่อที่ออกมาก็เพื่อระบายความร้อน เวลาเหงื่อระเหยออกไปมันจะดูดความร้อนออกไป
ทำให้ตัวเราเย็นลงนี้คือปฏิกิริยาของร่างกาย พอเราเอาพัดลมไปเป่าตอนกำลังร้อน ๆ
หรือไปยืนบังหน้าแอร์แบบสะใจ เกิดอะไรขึ้นรู้ไหม ลมเย็นมาปะทะตัวเรา
ร่างกายเรากำลังร้อน กำลังเหงื่อออกพอโดนความเย็นปั๊บ
ลมเย็นทำให้เหงื่อระเหยเร็วขึ้น
เหงื่อระเหยเร็วมันก็ดูดความร้อนไปเร็วผลก็คือร่างกายเจอภาวะอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงฉับพลัน
มีโอกาสป่วย ควรระวังดี ๆ ต้องให้ร่างกายมีจังหวะในการค่อย ๆ ปรับตัวด้วย
แล้วอาหารที่รับประทานหน้าร้อนดีที่สุด คือ อาหารขม ๆ เช่น มะระ
ทำให้ร่างกายปรับตัวเรื่องความร้อนได้ดี หรือว่าแกงขี้เหล็กหรือว่าฟักบ้าง แฟงบ้าง
สะเดาบ้าง พวกนี้รสขม ๆ จะช่วยทำให้เราปรับตัวในภาวะอากาศร้อนได้ดี ขอให้เราสังเกตสิ่งที่เรากินและเครื่องนุ่งห่มของเราให้ดี
แล้วเราจะสามารถอยู่ในช่วงหน้าร้อนได้อย่างสบาย แข็งแรงแล้วก็อารมณ์ดีมีสุขกันทุก
ๆ คน
ผู้ปฏิบัติธรรมจะมีวิธีวางใจหรือทำใจหยุดได้อย่างไรในสภาพอากาศร้อน?
โดยหลักจริง ๆ คือ ให้เราเอาใจของเรามาอยู่ที่ศูนย์กลางกาย ซึ่งจะพบว่า
พอเราเอาใจมาอยู่ที่ศูนย์กลางกาย แม้อากาศข้างนอกจะร้อน แต่ใจของเรากลับเย็น
ศูนย์กลางกายคือจุดที่สมดุลที่สุดในทุกด้าน อยู่เมืองร้อนข้างนอกร้อน ๔๐ องศา
แต่พอเราเอาใจมาอยู่ที่ศูนย์กลางกาย รู้สึกเหมือนติดแอร์ ใจสบายมีความสุข
ลืมอาการหงุดหงิดเพราะเหนียวตัวใจมีสุขจากภายใน ถ้าอยู่เมืองหนาว
แม้อากาศข้างนอกเย็นยะเยือกติดลบก็ตาม
เอาใจมาอยู่ที่ศูนย์กลางกายเมื่อไรจะรู้สึกอบอุ่น
สบายเพราะจุดนี้เป็นจุดที่สร้างสมดุลให้แก่ใจของเราแล้วส่งผลถึงร่างกายเรา
ทำให้สามารถปรับตัวรับกับภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงภายนอกได้อย่างดี
Cr. พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ) จากรายการข้อคิดรอบตัว ออกอากาศทางช่อง DMC
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๒ เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙
คลิกอ่านข้อคิดรอบตัวของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
|
คลิกอ่านข้อคิดรอบตัวของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
ทำไมต้องสั่งสมบุญบ่อย ๆ (ปีก่อนหน้า)
ชาตินี้ ชาติหน้า (ปีถัดไป)
อากาศร้อน ใจร้อน
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
02:56
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: