เหตุใดชาวพุทธแม้มีหลายนิกาย ก็ยังอยู่ร่วมกันได้โดยไม่กระทบกระทั่งกัน?
คนในโลกนี้มีหลากหลายความเชื่อ
บางครั้งก็มีความเห็นไม่ลงรอยกัน แต่...เหตุใดชาวพุทธแม้มีหลายนิกาย
ก็ยังอยู่ร่วมกันได้โดยไม่กระทบกระทั่งกัน?
ศาสนิกต่างศาสนาท่านหนึ่งได้พบกับหลวงพ่อ
ได้สนทนากัน เขาเอ่ยความในใจขึ้นมาว่า ทุกคนในโลกต่างก็อยากเห็นชาวโลกเป็นสุขด้วยกันทั้งนั้น
แต่ในข้อปฏิบัติต่าง ๆ หรือวิธีตัดสินใจต่าง ๆ
โดยรายละเอียดมักจะมีข้อขัดแย้งกันอยู่เป็นประจำ แม้แต่ในศาสนาเดียวกันก็ยังไม่วายมีข้อขัดแย้งกัน
เขารู้อีกว่า
ในพระพุทธศาสนาของเราก็มีหลายนิกายเหมือนกัน แต่ทว่าในพระพุทธศาสนาแม้มีหลายนิกายก็ไม่ได้ทะเลาะกัน
ไม่ถึงกับยกพวกมาลุยกันหรืออะไรอย่างนั้น ตรงนี้เขาเห็นแล้วก็ชื่นชม
แล้วก็เลยถามมา ซึ่งเป็นคำถามที่หลวงพ่อประทับใจว่าเขาเข้าใจถาม มีประโยชน์
แล้วคำตอบก็น่าจะได้รู้ทั่วกันทั้งชาวพุทธและชาวโลก
เขาถามว่าชาวพุทธแม้ต่างนิกาย
ทำไมจึงไม่มีการกระทบกระทั่งกัน เห็นมาร่วมกันทำบุญ หลวงจีนก็นุ่งห่มแบบหลวงจีน
หลวงเกาหลีคล้ายหลวงจีน แต่ก็มีส่วนที่แตกต่างอยู่บ้าง
หลวงลามะจากทิเบตก็อีกอย่างหนึ่ง
ในความแตกต่างอย่างนี้
มีวิธีที่จะทำความเข้าใจและก่อให้เกิดความสมัครสมานกันขึ้นมาได้อย่างไร
ที่เขาถามอย่างนี้ก็เพื่อว่า
เมื่อรู้แล้วจะได้ใช้หลักเดียวกันนี้ในกลุ่มศาสนาเดียวกันกับของเขา
เพราะเขาก็ไม่อยากเห็นผู้ที่นับถือศาสนาเดียวกันกับเขาขัดแย้งกัน
แล้วก็อยากจะเห็นทั้งศาสนาที่เขานับถือกับศาสนาพุทธของเราอยู่ร่วมกันด้วยดี แต่จะมีวิธีจัดการอย่างไรในส่วนที่ไม่ตรงกัน
ซึ่งหลวงพ่อให้ข้อคิดกับเขาไปตั้งแต่เริ่มต้นว่า
๑) คนเหมือนกัน
เกิดเป็นคนต่างก็มีคุณค่า
คนเราไม่ว่าจะนับถือศาสนาไหน
เป็นชนชาติเผ่าพันธุ์อะไรก็ช่างเถิด เขาก็เป็นคน เราก็เป็นคน
แล้วก็มีองค์ประกอบเหมือน ๆ กัน คือ
• มีกายที่ประกอบด้วยเลือดด้วยเนื้อเหมือนกัน
• มีใจใส ๆ ด้วยกันทั้งนั้น ถ้าใจไม่ใส
แล้วไม่ได้สร้างบุญมามากพอ ไม่ได้เกิดเป็นคนหรอก
ในโลกนี้ถ้าเราเทียบกันระหว่างจำนวนมนุษย์กับสัตว์ทั้งหลาย
เมื่อเทียบกันแล้วจำนวนมนุษย์น้อยกว่าสัตว์ตั้งเยอะ อย่าว่าแต่เอามาเทียบกันทั้งโลกเลย
เอาแค่เทียบที่บ้านตัวเอง จำนวนคนในบ้านต่อให้ครอบครัวใหญ่ก็มีไม่กี่สิบคน แต่เมื่อนับจำนวนสัตว์ในบ้านดู บางคนอาจจะบอกว่า
ที่บ้านไม่เลี้ยงสุนัข ไม่เลี้ยงแมว แล้วคุณเคยนับมดไหมว่าทั้งบ้านมีสักกี่ตัว
จิ้งจกกี่ตัว ตุ๊กแกกี่ตัว ยุงกี่ตัว แมลงต่างๆ กี่ตัว
ถ้าอย่างนี้ก็จะเห็นได้ว่าระหว่างมนุษย์กับสัตว์เทียบสัดส่วนกันไม่ได้เลย
ไม่ว่าบ้านไหนสัตว์ก็มากกว่าคน ไม่ว่าในประเทศไหน ๆ สัตว์ก็ต้องมากกว่าคน
หรือแม้กระทั่งในโลกทั้งโลกนี้ สัตว์ก็มีมากกว่ามนุษย์ชนิดเทียบกันไม่ได้เลย
ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ เมื่อเกิดมาแล้วอย่างไหนจะสร้างคุณประโยชน์ให้กับตัวเอง
สร้าง
คุณประโยชน์ให้กับโลกได้มากกว่ากัน ใครที่มีใจเป็นกลางก็ต้องมองเห็นว่า
ถึงอย่างไรมนุษย์ก็สร้างคุณประโยชน์ให้กับตัวเอง ให้กับชาวโลก
ให้กับโลกใบนี้ได้มากกว่าสัตว์เป็นแน่แท้
ถามว่าการเกิดมาเป็นมนุษย์กับการเกิดเป็นสัตว์
อย่างไหนจะโชคดีกว่ากัน? ถึงอย่างไรมนุษย์ก็โชคดีกว่าสัตว์อย่างแน่นอน
การที่จะเกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นสัตว์
ขึ้นอยู่กับอะไร? ในศาสนาอื่นเขาบอกว่า ศาสดาของเขาสอนว่าใครจะเกิดมาเป็นมนุษย์
ใครจะเกิดมาเป็นสัตว์ ขึ้นอยู่กับความปรารถนาของผู้สร้างโลกที่เขานับถือ
ในพระพุทธศาสนา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า ทั้งคนและสัตว์มีส่วนที่เหมือนกัน
คือล้วนรักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกัน คนพูดภาษาสัตว์ไม่ได้
สัตว์ก็พูดภาษาคนไม่ได้ แต่ดูได้จากลักษณะท่าทางของเขาก็รู้ว่า
รักสุขแล้วเกลียดทุกข์เหมือนกัน
ในพระพุทธศาสนา
พระบรมศาสดาทรงเป็นผู้ค้นพบความจริงของสรรพสิ่งทั้งหลาย ในการค้นพบนั้น
ทรงค้นพบจากการทำสมาธิ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทรงฝึกพระองค์อย่างนี้
ทรงทำสมาธิเพื่อทำให้ใจใส ๆ ส่วนระยะเวลาที่ฝึกก็ไม่ใช่แค่เป็นวัน
ไม่ใช่แค่เป็นเดือน แต่ทรงฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่องมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
แม้ในชาติสุดท้ายก็ทรงฝึกนานหลายปี
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้ความจริงของทุกสิ่งทุกอย่างโดยอาศัยการทำสมาธิให้ใจใส
ๆ พอใสแล้วใจจะสว่าง สว่างแล้วก็จะเห็นความจริง พระพุทธองค์ทรงพบว่า คนทุกคนนั้น
ถึงคราวละโลกไปก็ยังมีชีวิตหลังความตาย ไม่ได้ตายแล้วสูญ ถ้าตั้งใจทำความดี
ความดีที่ทำไว้ก็จะส่งผลให้เปลี่ยนตัวเองจากคนไปเป็นเทวดา นางฟ้า
ไปอยู่ในภพภูมิใหม่ที่เป็นสุข ที่เรียกว่า สวรรค์ คนที่ทำไม่ดี ตายแล้วก็ไม่สูญ
แต่ว่าผลของความเลวจะส่งเขาไปอยู่ในภพภูมิที่เดือดร้อน ไปอยู่แล้วเป็นทุกข์ เรียกว่า
นรก
บางคนถึงจะเป็นคนเลว แต่ก็ยังไม่เลวสุด ๆ
ผลของความเลวส่งให้ไปเกิดแค่เป็นสัตว์เท่านั้น แทนที่จะไปถึงนรก
ถ้าไม่เลวเกินไปจนกระทั่งไปเป็นสัตว์นรก ก็มาเป็นสัตว์เดรัจฉานอย่างที่พวกเรา เห็น
เช่น มด ปลวก เป็นต้น
๒)
เกิดเป็นคนย่อมต้องการโอกาสกลับเนื้อกลับตัว
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบอีกว่า
หลังจากที่รับโทษไปแล้ว พวกที่ไปตกนรกและรับโทษพอสมควรแล้ว
ก็มีโอกาสกลับมาแก้ตัวอีก ในระหว่างที่เกิดเป็นสัตว์
ถ้าระมัดระวังตัวดี ไม่ใช่สัตว์เกเร ความไม่ดีก็ค่อย ๆ คลายตัวไป
พวกนี้มีโอกาสกลับมาเกิดเป็นคนอีก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพบว่า
คนสามารถไปเกิดเป็นสัตว์ และสัตว์ก็สามารถกลับมาเกิดเป็นคนได้ การเกิดเป็นคนทำให้มีโอกาสกลับมาแก้ตัวใหม่ ถ้ากลับเนื้อกลับตัวได้
ก็จะมีความสุขมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องกลับไปเกิดเป็นสัตว์อีก
แต่การกลับเนื้อกลับตัวได้นั้น ไม่ใช่ว่าคนโน้นคนนี้ไปเสกให้ แต่เขาต้องปรับปรุงตัวเอง
การดำเนินชีวิตในวิถีชาวพุทธจึงมีคำว่า “ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว” ดังนั้นผลของกรรมดีก็คือ
เวลาทำดีก็ต้องได้รางวัลกันบ้าง ส่วนผลของกรรมชั่วก็คือ
เวลาทำชั่วก็ต้องลงโทษกันบ้าง แต่เมื่อพ้นโทษแล้วก็ให้โอกาสกลับตัวใหม่
เพราะทุกชีวิตในโลกนี้ต่างยังตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม
คือกฎแห่งการรับผลการกระทำที่คน ๆ นั้นได้ทำไว้นั่นเอง
๓) ให้เวลาแต่ละคนแก้ไขตัวเอง
พระพุทธศาสนาสอนให้มุ่งมั่นทำความดีเรื่อยไป
ส่วนที่เป็นความดีก็ทำไปมาก ๆ ส่วนที่ยังไม่ดีก็ปล่อยเวลาให้เขาได้มีเวลาแก้ไขตัวเอง
เพราะคิดอย่างนี้ชาวพุทธแม้ต่างนิกายก็ไม่ทะเลาะกัน
เพียงแต่ว่าความเชื่อยังไม่ตรงกัน ต่างคนก็ไปฝึกสมาธิให้ใจใส ๆ พอใจใสแล้ว
เดี๋ยวก็เห็นความจริงตรงกัน
๔) ใจใส ๆ
จากสมาธิทำให้เห็นความจริงตรงกัน
ความที่คนในโลกนี้ต่างก็เป็นคนเหมือนกัน
ทำให้แม้ต่างศาสนากันก็นั่งสมาธิด้วยกันได้ เมื่อนั่งสมาธิให้ใจใส ๆ แล้ว
เดี๋ยวก็ต้องเห็นตรงกัน ธรรมชาติของใจที่สะอาดบริสุทธิ์จะปรับเข้าหากันได้เองโดยธรรมชาติ
เหมือนน้ำบริสุทธิ์ที่ไม่ว่าจะอยู่บนยอดเขา บนท้องฟ้า ในแม่น้ำ
เมื่อนำมารวมกันก็ย่อมมีความเข้ากันได้ สิ่งนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า
แม้ต่างศาสนา เราก็เป็นเพื่อนร่วมโลก เป็นเพื่อนนั่งสมาธิร่วมกันได้ ขอเพียงต่างคนต่างทำความดีให้มาก ๆ
ส่วนข้อบกพร่องต่าง ๆ ปล่อยให้ต่างคนได้แก้ไขตัวเอง แล้วนั่งสมาธิกันไปทุกวัน
พอนั่งสมาธิใจใสก็จะอยากปรับตัวปรับใจเข้าหากันเอง เห็นตรงกันเอง
ดังนั้น
ถ้าอยากจะให้ชาวโลกอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ไม่ขัดแย้งกัน ไม่เบียดเบียนกัน
ก็ช่วยกันชวนชาวโลกทั้งหมดมาเป็นเพื่อนนั่งสมาธิกัน..
Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
พ่อแม่ควรเริ่มต้นฝึกลูกอย่างไรดี? |
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๔๓
เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗
เราจะใช้ทรัพย์คือเวลาอย่างไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด? |
คลิกอ่านหลวงพ่อตอบปัญหาของวารสารอยู่ในบุญปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
จะดำเนินการอย่างไร การพัฒนาวัดจึงจะสำเร็จตามเป้าหมาย?
ทำอย่างไรจึงจะฝึกตนให้เป็นคนมีเหตุผล สร้างงาน สร้างเงิน สร้างคนเป็น?
เมื่อจะศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ควรมีสิ่งใดเป็นข้อเตือนใจให้ระลึกถึงความสำคัญของธรรมะอย่างแท้จริง?
การเกิดขึ้นของนิสัยดี นิสัยชั่วมีที่มาอย่างไร ?
ทำอย่างไรทุกคนจึงจะมีความสุขในการทำงานร่วมกัน?
เตรียมงานสงกรานต์
ทำอย่างไรจึงจะฝึกตนให้เป็นคนมีเหตุผล สร้างงาน สร้างเงิน สร้างคนเป็น?
เมื่อจะศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ควรมีสิ่งใดเป็นข้อเตือนใจให้ระลึกถึงความสำคัญของธรรมะอย่างแท้จริง?
การเกิดขึ้นของนิสัยดี นิสัยชั่วมีที่มาอย่างไร ?
ทำอย่างไรทุกคนจึงจะมีความสุขในการทำงานร่วมกัน?
เตรียมงานสงกรานต์
เหตุใดชาวพุทธแม้มีหลายนิกาย ก็ยังอยู่ร่วมกันได้โดยไม่กระทบกระทั่งกัน?
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
23:21
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: