คุณยาย ผู้ทรงคุณธรรม
“ตลอดแสนโกฏิจักรวาล
อนันตจักรวาลนี้
จะมีสักกี่คนที่ตั้งความปรารถนา
ที่จะปราบพญามารให้หมดสิ้น”
วันนี้เป็นวันที่ ๔ ของงานบําเพ็ญกุศล ภาคค่ำ อาตมามีความประทับใจในคุณธรรมของคุณยายอาจารย์ ซึ่งทําให้สามารถประคับประคองตัวเอง และรักที่จะอยู่สร้างบารมีกับหมู่คณะมาให้ถึงวันนี้ โดยสรุปมีอยู่ ๒ ประการ คือ
ปณิธานอันยิ่งใหญ่ของคุณยายอาจารย์ และความโชคดีของเราที่ได้เป็นลูกหลานยาย อยู่ในวงบุญของคุณยายอาจารย์
ในวัฏสงสารอันยาวไกล การเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้นยากยิ่ง ในแต่ละกัปจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นไม่เกิน ๕ พระองค์ ที่ผ่านเราไปเมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปี เป็นพระองค์ที่ ๔ คือ พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า
มีคํากล่าวในพระไตรปิฏก (อรรถกถาสัมปสาทนียสูตร ทีฆนิกาย เล่มที่ ๑๕ หน้า ๒๑๔) พรรณนาคุณอันยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยพระสารีบุตรซึ่งเป็นผู้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแต่งตั้งเอาไว้ให้เป็นผู้เลิศด้วยปัญญา เปรียบเสมือนพระธรรมเสนาบดี สถานที่ใดที่พระสารีบุตรเดินทางไปแสดงธรรม ก็เหมือนพระพุทธองค์เสด็จไปเอง
แม้ว่าพระสารีบุตรจะมีปัญญามาก เมื่อท่านกล่าวสรรเสริญคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากสิ่งที่ได้รู้ได้เห็น ท่านอุปมาไว้ว่า เหมือนแม่น้ำแห่งหนึ่งมีน้ำท่วมล้น มีปริมาณมาก กว้างถึง ๑๘ โยชน์ (๑ โยชน์เท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร) ที่บุรุษคนหนึ่งเอาก้นเข็มจุ่มลงไปในน้ำเพื่อที่จะตักน้ำขึ้นมา น้ำที่ติดรูเข็มขึ้นมานั้นมีส่วนน้อย แต่น้ำที่ไหลท่วมล้นไปมีปริมาณมากฉันใด พระพุทธคุณที่พระสารีบุตรสามารถนํามากล่าว สรรเสริญตามที่ท่านได้รู้ได้เห็นก็มีปริมาณเพียงน้ำที่ติดก้นรูเข็มฉันนั้น
บุคคลใดบุคคลหนึ่งเอานิ้วมือจับฝุ่นขึ้นมา ฝุ่นนั้นมีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับฝุ่นในแผ่นดินฉันใด พระพุทธคุณที่พระสารีบุตรรู้เห็น และนํามากล่าวสรรเสริญได้ ก็เป็นเพียงฝุ่นในกำมือเท่านั้น
นิ้วที่ชี้ไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ หรือนิ้วที่ชี้ไปในนภากาศ ตรงไหนที่นิ้วชี้ไปถึงน้ำในมหาสมุทร หรือชี้ไปถึงอากาศในนภากาศ ส่วนที่นิ้วชี้ถูกเมื่อเทียบกับส่วนที่นิ้วชี้ไม่ถูกแล้ว ส่วนที่นิ้วชี้ถูกนั้นมีปริมาณเพียงน้อยนิดฉันใด พระพุทธคุณที่พระสารีบุตรรู้เห็น และนํามากล่าวสรรเสริญได้ก็มีเพียงปริมานน้อยนิดฉันนั้น
แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งจะตรัสสรรเสริญพรรณนาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง ตลอดระยะเวลาอันยาวนานเป็นกัป กัปนั้นล่วงไปแล้ว หมดไปแล้ว ก็ยังกล่าวพระพุทธคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่จบสิ้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายที่ปรารถนาพระโพธิญาณ จะต้องบําเพ็ญบารมีอย่างยาวนานทีเดียว อย่างน้อยที่สุดก็ ๒๐ อสงไขยกับแสนกัป คือตั้งความปรารถนาในใจ ๗ อสงไขย สร้างบารมี แล้วเปล่งวาจาตั้งความปรารถนาให้มหาชนได้ทราบอีก ๙ อสงไขย หลังจากที่ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนอีก ๔ อสงไขยกับแสนกัป พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายจึงต้องอาศัยความเพียรอย่างต่อเนื่องยาวนาน พระองค์จะต้องสละทรัพย์ อวัยวะและชีวิต เพื่อแลกกับการบําเพ็ญบารมีทั้ง ๑๐ ประการ มีทานบารมีเป็นเบื้องต้น มีอุเบกขาบารมีเป็นที่สุด และความปรารถนาที่จะพาสรรพสัตว์ทั้งหลายไปสู่พระนิพพานนั้นจะต้องไม่เลือนลางไปจากหัวใจของท่าน ตั้งแต่วันแรกที่ตั้งความปรารถนา จนกระทั่งเมื่อพระองค์ทรงบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ
แต่หากจะมีใครสักคนหนึ่งมีหัวใจเยี่ยงพระบรมโพธิสัตว์ มีความปรารถนาที่จะพาสรรพสัตว์ทั้งหลายตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล เข้าสู่พระนิพพานให้หมดสิ้นไม่มีเหลือเลย แม้มโนรถของบุคคลนั้นจะยังไม่สําเร็จลุล่วง เราควรจะตั้งท่านนั้นไว้ในฐานะใด? ตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาลนี้ จะมีสักกี่คนที่ตั้งความปรารถนาที่จะปราบพญามารให้หมดสิ้น
หนึ่งในบุคคลอันหาได้ยากยิ่งนั้น ท่านประดิษฐานอยู่ในเรือนทองข้างหน้าของพวกเรา ร่างเล็กๆ ของคุณยายอาจารย์ที่เก็บดวงใจอันยิ่งใหญ่นี้ไว้ เป็นเสมือนเมล็ดโพธิ์เล็กๆ ที่เก็บความยิ่งใหญ่ไว้ภายใน ทําอย่างไร เราจึงจะได้ติดตามสร้างบารมี อยู่ในวงบุญของท่านไปทุกภพทุกชาติ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเหตุที่ทําให้เกิดความรักและความผูกพันไว้ ๒ ประการ
ประการแรก คือ ความเป็นผู้คุ้นเคยกันมาในอดีต เคยอยู่ร่วมกันมา เคยสร้างความดี สร้างบุญร่วมกันมา
ประการที่ ๒ เคยเกื้อกูลกันในปัจจุบัน ก็เป็นเหตุให้เกิดความรักและความผูกพันได้
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล ขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จออกบิณฑบาต พราหมณ์เฒ่าผู้หนึ่งได้เข้ามากอดพระบาทของพระองค์แล้วกล่าวว่า “ลูกไปไหนมาๆ” เรียกพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นลูก พระสาวกทั้งหลายที่เห็นเหตุการณ์อยู่ต่างก็ทราบว่า พระพุทธบิดาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ พระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองกบิลพัสดุ์ ไม่ใช่พราหมณ์เฒ่าผู้นี้ พราหมณ์ได้อาราธนาพระศาสดาเสด็จไปที่บ้าน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นเลิศก็เสด็จตามคําอาราธนาของพราหมณ์ เมื่อไปถึงบ้านแล้วพราหมณ์เรียกนางพราหมณีออกมาพบ นางพราหมณีเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ร้องไห้ด้วยความปีติ แล้วก็กล่าวว่า “ลูกไปไหนมา ทําไมไม่มาดูพ่อกับแม่ที่ชราภาพมากแล้ว”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม โปรดพราหมณ์ทั้งสอง จบพระธรรมเทศนาแล้ว พราหมณ์ทั้งสองก็ได้บรรลุธรรมเป็นอนาคามีบุคคล แล้วท่านก็ตรัสให้ภิกษุทั้งหลายผู้สงสัย ว่าเหตุไฉนพราหมณ์ทั้งสองนั้นจึงเรียกพระองค์ว่าเป็นบุตร พราหมณ์ทั้งสองนี้เคยเกิดเป็นพ่อแม่ของพระองค์มาถึง ๕๐๐ ชาติ เคยเกิดเป็นลุงป้าของพระองค์ในอดีตถึง ๕๐๐ ชาติ เคยเกิดมาเป็นน้า ๕๐๐ ชาติ พระองค์ตรัสว่า เราเจริญเติบโตในมือของพราหมณ์ทั้งสองนี้ ตลอดต่อเนื่อง ๑,๕๐๐ ชาติไม่ขาดเลย ความรัก ความผูกพัน ความคุ้นเคย จึงทําให้พราหมณ์ทั้งสองเรียกพระองค์ว่าเป็นบุตร
พวกเราทั้งหลาย มีโชคอันมหาศาลที่มีโอกาสมาสร้างบุญร่วมกับคุณยายอาจารย์ ตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว ท่านเล่าให้ฟังว่า คุณยายเคยสอนเอาไว้ว่า ถ้ารักใครแล้ว ให้ชวนเขามาทําบุญ โดยเฉพาะคุณพ่อ คุณแม่ ลุง ป้า น้า อา เพื่อนสนิทมิตรสหาย ก็ขอให้ชวนเขามาทําบุญร่วมกัน ถ้าเราไม่ชวนเขามาทําบุญร่วมกัน ก็ไม่มีบุญที่จะผูกพันกัน ต่อไปก็จะเริ่มห่างกันไปเรื่อยๆ จากคืบเป็นศอก จากศอกเป็นวา จากวาเป็นโยชน์ แล้วก็ห่างกันไปเรื่อยๆ จึงเป็นโอกาสดีของพวกเราทั้งหลายที่มาร่วมบุญกับคุณยาย
นิ้วที่ชี้ไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ หรือนิ้วที่ชี้ไปในนภากาศ ตรงไหนที่นิ้วชี้ไปถึงน้ำในมหาสมุทร หรือชี้ไปถึงอากาศในนภากาศ ส่วนที่นิ้วชี้ถูกเมื่อเทียบกับส่วนที่นิ้วชี้ไม่ถูกแล้ว ส่วนที่นิ้วชี้ถูกนั้นมีปริมาณเพียงน้อยนิดฉันใด พระพุทธคุณที่พระสารีบุตรรู้เห็น และนํามากล่าวสรรเสริญได้ก็มีเพียงปริมานน้อยนิดฉันนั้น
แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งจะตรัสสรรเสริญพรรณนาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง ตลอดระยะเวลาอันยาวนานเป็นกัป กัปนั้นล่วงไปแล้ว หมดไปแล้ว ก็ยังกล่าวพระพุทธคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่จบสิ้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายที่ปรารถนาพระโพธิญาณ จะต้องบําเพ็ญบารมีอย่างยาวนานทีเดียว อย่างน้อยที่สุดก็ ๒๐ อสงไขยกับแสนกัป คือตั้งความปรารถนาในใจ ๗ อสงไขย สร้างบารมี แล้วเปล่งวาจาตั้งความปรารถนาให้มหาชนได้ทราบอีก ๙ อสงไขย หลังจากที่ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนอีก ๔ อสงไขยกับแสนกัป พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายจึงต้องอาศัยความเพียรอย่างต่อเนื่องยาวนาน พระองค์จะต้องสละทรัพย์ อวัยวะและชีวิต เพื่อแลกกับการบําเพ็ญบารมีทั้ง ๑๐ ประการ มีทานบารมีเป็นเบื้องต้น มีอุเบกขาบารมีเป็นที่สุด และความปรารถนาที่จะพาสรรพสัตว์ทั้งหลายไปสู่พระนิพพานนั้นจะต้องไม่เลือนลางไปจากหัวใจของท่าน ตั้งแต่วันแรกที่ตั้งความปรารถนา จนกระทั่งเมื่อพระองค์ทรงบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ
แต่หากจะมีใครสักคนหนึ่งมีหัวใจเยี่ยงพระบรมโพธิสัตว์ มีความปรารถนาที่จะพาสรรพสัตว์ทั้งหลายตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล เข้าสู่พระนิพพานให้หมดสิ้นไม่มีเหลือเลย แม้มโนรถของบุคคลนั้นจะยังไม่สําเร็จลุล่วง เราควรจะตั้งท่านนั้นไว้ในฐานะใด? ตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาลนี้ จะมีสักกี่คนที่ตั้งความปรารถนาที่จะปราบพญามารให้หมดสิ้น
หนึ่งในบุคคลอันหาได้ยากยิ่งนั้น ท่านประดิษฐานอยู่ในเรือนทองข้างหน้าของพวกเรา ร่างเล็กๆ ของคุณยายอาจารย์ที่เก็บดวงใจอันยิ่งใหญ่นี้ไว้ เป็นเสมือนเมล็ดโพธิ์เล็กๆ ที่เก็บความยิ่งใหญ่ไว้ภายใน ทําอย่างไร เราจึงจะได้ติดตามสร้างบารมี อยู่ในวงบุญของท่านไปทุกภพทุกชาติ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเหตุที่ทําให้เกิดความรักและความผูกพันไว้ ๒ ประการ
ประการแรก คือ ความเป็นผู้คุ้นเคยกันมาในอดีต เคยอยู่ร่วมกันมา เคยสร้างความดี สร้างบุญร่วมกันมา
ประการที่ ๒ เคยเกื้อกูลกันในปัจจุบัน ก็เป็นเหตุให้เกิดความรักและความผูกพันได้
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล ขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จออกบิณฑบาต พราหมณ์เฒ่าผู้หนึ่งได้เข้ามากอดพระบาทของพระองค์แล้วกล่าวว่า “ลูกไปไหนมาๆ” เรียกพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นลูก พระสาวกทั้งหลายที่เห็นเหตุการณ์อยู่ต่างก็ทราบว่า พระพุทธบิดาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ พระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองกบิลพัสดุ์ ไม่ใช่พราหมณ์เฒ่าผู้นี้ พราหมณ์ได้อาราธนาพระศาสดาเสด็จไปที่บ้าน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นเลิศก็เสด็จตามคําอาราธนาของพราหมณ์ เมื่อไปถึงบ้านแล้วพราหมณ์เรียกนางพราหมณีออกมาพบ นางพราหมณีเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ร้องไห้ด้วยความปีติ แล้วก็กล่าวว่า “ลูกไปไหนมา ทําไมไม่มาดูพ่อกับแม่ที่ชราภาพมากแล้ว”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม โปรดพราหมณ์ทั้งสอง จบพระธรรมเทศนาแล้ว พราหมณ์ทั้งสองก็ได้บรรลุธรรมเป็นอนาคามีบุคคล แล้วท่านก็ตรัสให้ภิกษุทั้งหลายผู้สงสัย ว่าเหตุไฉนพราหมณ์ทั้งสองนั้นจึงเรียกพระองค์ว่าเป็นบุตร พราหมณ์ทั้งสองนี้เคยเกิดเป็นพ่อแม่ของพระองค์มาถึง ๕๐๐ ชาติ เคยเกิดเป็นลุงป้าของพระองค์ในอดีตถึง ๕๐๐ ชาติ เคยเกิดมาเป็นน้า ๕๐๐ ชาติ พระองค์ตรัสว่า เราเจริญเติบโตในมือของพราหมณ์ทั้งสองนี้ ตลอดต่อเนื่อง ๑,๕๐๐ ชาติไม่ขาดเลย ความรัก ความผูกพัน ความคุ้นเคย จึงทําให้พราหมณ์ทั้งสองเรียกพระองค์ว่าเป็นบุตร
พวกเราทั้งหลาย มีโชคอันมหาศาลที่มีโอกาสมาสร้างบุญร่วมกับคุณยายอาจารย์ ตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว ท่านเล่าให้ฟังว่า คุณยายเคยสอนเอาไว้ว่า ถ้ารักใครแล้ว ให้ชวนเขามาทําบุญ โดยเฉพาะคุณพ่อ คุณแม่ ลุง ป้า น้า อา เพื่อนสนิทมิตรสหาย ก็ขอให้ชวนเขามาทําบุญร่วมกัน ถ้าเราไม่ชวนเขามาทําบุญร่วมกัน ก็ไม่มีบุญที่จะผูกพันกัน ต่อไปก็จะเริ่มห่างกันไปเรื่อยๆ จากคืบเป็นศอก จากศอกเป็นวา จากวาเป็นโยชน์ แล้วก็ห่างกันไปเรื่อยๆ จึงเป็นโอกาสดีของพวกเราทั้งหลายที่มาร่วมบุญกับคุณยาย
จะขอเล่าเรื่องของบุคคลหนึ่ง น่าเสียดายที่เขาไม่โชคดีอย่างพวกเรา บุคคลนั้น คือ กาฬเทวิลดาบส ครั้งเมื่อพระบรมโพธิสัตว์จุติเข้าสู่พระครรภ์ของพระพุทธมารดา เมื่อท่านประสูติจากพระครรภ์ในครั้งนั้นกาฬเทวิลดาบส เป็นนักบวชประจําตระกูล และเป็นที่เคารพเลื่อมใสอย่างยิ่งของพระเจ้าสุทโธทนะและชาวเมือง
กาฬเทวิลดาบสนี้ได้สมาบัติ ๘ ทรงอภิญญา หลังจากฉันภัตตาหารแล้ว ท่านชอบไปพักที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ครั้งหนึ่งท่านเห็นเทพบุตรและเทพธิดาทั้งหลายสนุกสนานร่าเริง ยินดีเป็นพิเศษ ท่านก็เข้าไปถามเทพบุตรและเทพธิดาทั้งหลายว่าร่าเริงยินดีด้วยเหตุอะไร เทพบุตรและเทพธิดากล่าวตอบว่า ขณะนี้ พระบรมโพธิสัตว์ประสูติออกจากพระครรภ์ของพระพุทธมารดาแล้ว อีกไม่นานจะได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระบรมโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดีใจเหลือเกิน เมื่อฟังธรรมแล้วก็จะทราบหนทางแห่งความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร
เมื่อกาฬเทวิลดาบสทราบดังนั้นก็เหาะลงมา เข้าไปสู่พระราชวัง หวังจะได้เห็นพระบรมโพธิสัตว์ พระเจ้าสุทโธทนะทรงจัดอาสนะให้กาฬเทวิลดาบสแล้ว ทรงนําพระบรมโพธิสัตว์มาเพื่อปรารถนาจะให้ไหว้พระดาบส เมื่อพาพระบรมโพธิสัตว์มาถึง แทนที่พระบรมโพธิสัตว์จะไหว้พระดาบส พระบาททั้งสองของพระโพธิสัตว์กลับขึ้นไปประดิษฐานบนชฎาของพระดาบส พระดาบสเห็นเหตุการณ์นั้น ก็ระลึกชาติทราบว่ากุมารนี้ คือ พระบรมโพธิสัตว์ และระลึกไปในอนาคตก็เห็นพระบรมโพธิสัตว์นี้จะได้ตรัสรู้ธรรมเมื่ออายุ ๓๕ ปี จึงยิ้มแย้มด้วยความยินดี
จากนั้นก็ระลึกชาติต่อไปดูว่าตัวเองจะมีโอกาสฟังพระธรรมเทศนาหรือไม่ ครั้นทราบว่าตัวเองจะตายเสียก่อนแล้วไปเกิดในพรหมโลก ชั้นอรูปพรหม ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ไปแสดงธรรม ท่านก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจที่จะไม่มีโอกาสได้ทราบหนทางแห่งความหลุดพ้น
พระเจ้าสุทโธทนะรวมทั้งมหาอํามาตย์ทั้งหลายเห็นพระดาบสหัวเราะแล้วร้องไห้ จึงเกิดความแปลกใจ ได้ถามพระดาบส ท่านก็บอกว่าที่ท่านหัวเราะนั้น เป็นเพราะเห็นพระบรมโพธิสัตว์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเกิดความปีติยินดี ส่วนที่ร้องไห้เพราะท่านจะมีชีวิตอยู่ไม่ทันได้ฟังธรรม มัจจุมารจะมาพรากชีวิตไปเสียก่อน
แม้บุคคลที่ฝึกตัวมามาก แต่ไม่รู้หนทางอันประเสริฐที่จะไปสู่ความหลุดพ้นก็เป็นที่น่าเสียดาย
อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมา พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ท่านเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ท่านยังไม่ได้บวช ท่านเคยฝันว่าเห็นบ้านทรงไทยหลังหนึ่ง ท่านขึ้นไปบนบ้าน เห็นพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ที่ด้านหน้าพระพุทธรูปนั้นมีขันเงินใบหนึ่งวางอยู่ พระพุทธรูปก็บอกว่าให้ไปเปิดหน้าต่างออก ในฝันท่านก็เดินไปเปิดหน้าต่าง ทันทีที่เปิดหน้าต่างดวงดาวมากมายบนท้องฟ้าก็ตกพรั่งพรูลงมาเป็นสาย เข้ามาทางหน้าต่าง แล้วลงมาที่ขันเงินนั้น มีบางส่วนที่พลัดไปตกที่คูน้ำข้างบ้าน ท่านนําความฝันนี้มาเล่าให้คุณยายฟัง คุณยายก็ทํานายฝันว่า
“อีกหน่อยคุณจะได้บวช จะมีผู้มีบุญบารมีแก่ๆ ทั้งหลายมาร่วมสร้างบุญบารมีกับคุณ ดวงดาวที่ตกลงมาในขันก็คือผู้ที่มีบุญที่มาถึงคุณ มาร่วมสร้างบารมีกับคุณ แต่บางส่วนเขาก็มาไม่ถึง”
เป็นความโชคดีของพวกเราทั้งหลายที่ได้มาร่วมสร้างบารมีกับคุณยายอาจารย์ และพระเดชพระคุณหลวงพ่อ นี่คือพระคุณของคุณยาย ที่อาตมาประทับใจ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยได้เคยกล่าวไว้เป็นประโยคสั้นๆ แต่มีความหมายมากมายว่า “ถ้าไม่มีคุณยาย ก็ไม่มีวัดพระธรรมกาย”
อาตมาอยากให้ทุกท่าน ได้หยุดพินิจพิจารณาว่า หาก ๓๐ ปีที่ผ่านมาไม่มีวัดพระธรรมกาย ขณะนี้เราจะอยู่ ณ จุดใดในการแสวงหาประโยชน์ของชีวิต เรากําลังแสวงหาประโยชน์ในชาตินี้ คือตั้งเนื้อตั้งตัวให้ได้ หรือกําลังแสวงหาผลประโยชน์ในชาติหน้า คือ สั่งสมบุญกุศลเพื่อไปสู่สุคติหรือกําลังแสวงหาประโยชน์อย่างยิ่งคือ แสวงหาหนทางพระนิพพาน หรือจะปล่อยให้ชีวิตไหลไปตามกระแสโลก เกิดมาทํามาหากิน มีครอบครัวเลี้ยงลูก เลี้ยงหลาน แล้วก็จากโลกนี้ไปเหมือนนกกา
แต่ ณ วันนี้ เดี๋ยวนี้ พวกเราทั้งหลาย เป็นลูกหลานของคุณยาย อยู่ในวงบุญสร้างบารมีร่วมกับคุณยายอาจารย์
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อาตมาประทับใจ และเป็นสิ่งที่ประคับประคองตัวเองมาได้จนถึงปัจจุบันด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ ความโชคดีของเราที่มีครูที่มีปณิธานอันยิ่งใหญ่ และเป็นโชคดีของเราที่ได้มาเป็นลูกหลานอยู่ในวงบุญของคุณยาย
กาฬเทวิลดาบสนี้ได้สมาบัติ ๘ ทรงอภิญญา หลังจากฉันภัตตาหารแล้ว ท่านชอบไปพักที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ครั้งหนึ่งท่านเห็นเทพบุตรและเทพธิดาทั้งหลายสนุกสนานร่าเริง ยินดีเป็นพิเศษ ท่านก็เข้าไปถามเทพบุตรและเทพธิดาทั้งหลายว่าร่าเริงยินดีด้วยเหตุอะไร เทพบุตรและเทพธิดากล่าวตอบว่า ขณะนี้ พระบรมโพธิสัตว์ประสูติออกจากพระครรภ์ของพระพุทธมารดาแล้ว อีกไม่นานจะได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระบรมโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดีใจเหลือเกิน เมื่อฟังธรรมแล้วก็จะทราบหนทางแห่งความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร
เมื่อกาฬเทวิลดาบสทราบดังนั้นก็เหาะลงมา เข้าไปสู่พระราชวัง หวังจะได้เห็นพระบรมโพธิสัตว์ พระเจ้าสุทโธทนะทรงจัดอาสนะให้กาฬเทวิลดาบสแล้ว ทรงนําพระบรมโพธิสัตว์มาเพื่อปรารถนาจะให้ไหว้พระดาบส เมื่อพาพระบรมโพธิสัตว์มาถึง แทนที่พระบรมโพธิสัตว์จะไหว้พระดาบส พระบาททั้งสองของพระโพธิสัตว์กลับขึ้นไปประดิษฐานบนชฎาของพระดาบส พระดาบสเห็นเหตุการณ์นั้น ก็ระลึกชาติทราบว่ากุมารนี้ คือ พระบรมโพธิสัตว์ และระลึกไปในอนาคตก็เห็นพระบรมโพธิสัตว์นี้จะได้ตรัสรู้ธรรมเมื่ออายุ ๓๕ ปี จึงยิ้มแย้มด้วยความยินดี
จากนั้นก็ระลึกชาติต่อไปดูว่าตัวเองจะมีโอกาสฟังพระธรรมเทศนาหรือไม่ ครั้นทราบว่าตัวเองจะตายเสียก่อนแล้วไปเกิดในพรหมโลก ชั้นอรูปพรหม ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ไปแสดงธรรม ท่านก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจที่จะไม่มีโอกาสได้ทราบหนทางแห่งความหลุดพ้น
พระเจ้าสุทโธทนะรวมทั้งมหาอํามาตย์ทั้งหลายเห็นพระดาบสหัวเราะแล้วร้องไห้ จึงเกิดความแปลกใจ ได้ถามพระดาบส ท่านก็บอกว่าที่ท่านหัวเราะนั้น เป็นเพราะเห็นพระบรมโพธิสัตว์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเกิดความปีติยินดี ส่วนที่ร้องไห้เพราะท่านจะมีชีวิตอยู่ไม่ทันได้ฟังธรรม มัจจุมารจะมาพรากชีวิตไปเสียก่อน
แม้บุคคลที่ฝึกตัวมามาก แต่ไม่รู้หนทางอันประเสริฐที่จะไปสู่ความหลุดพ้นก็เป็นที่น่าเสียดาย
อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมา พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ท่านเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ท่านยังไม่ได้บวช ท่านเคยฝันว่าเห็นบ้านทรงไทยหลังหนึ่ง ท่านขึ้นไปบนบ้าน เห็นพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ที่ด้านหน้าพระพุทธรูปนั้นมีขันเงินใบหนึ่งวางอยู่ พระพุทธรูปก็บอกว่าให้ไปเปิดหน้าต่างออก ในฝันท่านก็เดินไปเปิดหน้าต่าง ทันทีที่เปิดหน้าต่างดวงดาวมากมายบนท้องฟ้าก็ตกพรั่งพรูลงมาเป็นสาย เข้ามาทางหน้าต่าง แล้วลงมาที่ขันเงินนั้น มีบางส่วนที่พลัดไปตกที่คูน้ำข้างบ้าน ท่านนําความฝันนี้มาเล่าให้คุณยายฟัง คุณยายก็ทํานายฝันว่า
“อีกหน่อยคุณจะได้บวช จะมีผู้มีบุญบารมีแก่ๆ ทั้งหลายมาร่วมสร้างบุญบารมีกับคุณ ดวงดาวที่ตกลงมาในขันก็คือผู้ที่มีบุญที่มาถึงคุณ มาร่วมสร้างบารมีกับคุณ แต่บางส่วนเขาก็มาไม่ถึง”
เป็นความโชคดีของพวกเราทั้งหลายที่ได้มาร่วมสร้างบารมีกับคุณยายอาจารย์ และพระเดชพระคุณหลวงพ่อ นี่คือพระคุณของคุณยาย ที่อาตมาประทับใจ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยได้เคยกล่าวไว้เป็นประโยคสั้นๆ แต่มีความหมายมากมายว่า “ถ้าไม่มีคุณยาย ก็ไม่มีวัดพระธรรมกาย”
อาตมาอยากให้ทุกท่าน ได้หยุดพินิจพิจารณาว่า หาก ๓๐ ปีที่ผ่านมาไม่มีวัดพระธรรมกาย ขณะนี้เราจะอยู่ ณ จุดใดในการแสวงหาประโยชน์ของชีวิต เรากําลังแสวงหาประโยชน์ในชาตินี้ คือตั้งเนื้อตั้งตัวให้ได้ หรือกําลังแสวงหาผลประโยชน์ในชาติหน้า คือ สั่งสมบุญกุศลเพื่อไปสู่สุคติหรือกําลังแสวงหาประโยชน์อย่างยิ่งคือ แสวงหาหนทางพระนิพพาน หรือจะปล่อยให้ชีวิตไหลไปตามกระแสโลก เกิดมาทํามาหากิน มีครอบครัวเลี้ยงลูก เลี้ยงหลาน แล้วก็จากโลกนี้ไปเหมือนนกกา
แต่ ณ วันนี้ เดี๋ยวนี้ พวกเราทั้งหลาย เป็นลูกหลานของคุณยาย อยู่ในวงบุญสร้างบารมีร่วมกับคุณยายอาจารย์
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อาตมาประทับใจ และเป็นสิ่งที่ประคับประคองตัวเองมาได้จนถึงปัจจุบันด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ ความโชคดีของเราที่มีครูที่มีปณิธานอันยิ่งใหญ่ และเป็นโชคดีของเราที่ได้มาเป็นลูกหลานอยู่ในวงบุญของคุณยาย
เรื่อง : พระไพบูลย์ ธมฺมวิปุโล
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๕ ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***
คลิกบทความได้ที่นี่ https://dhamma-media.blogspot.com/2019/08/blog-post_29.html
คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/1b--R6PBGKVpP21fPah6HSAPzJFtzjOjA/view
คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/05YNB_4603/05YNB_4603.html
คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๕ ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่
คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/1b--R6PBGKVpP21fPah6HSAPzJFtzjOjA/view
คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/05YNB_4603/05YNB_4603.html
คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๕ ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่
- มหาสังฆทาน
- การรักษาพระพุทธศาสนา
- คุณยายผู้ทรงคุณธรรม
- จำรัส เศวตาภรณ์ ทำไม.?? เขาต้องทำเพลงเพื่อตอบโจทย์ในสิ่งที่มนุษยชาติค้นหา...
- คลายเครียดอย่างถูกวิธี
- ๔ บทบาทสำคัญที่ทำให้พ่อแม่ได้ลูกดี
- เลิกอาชีพนี้ต้อง..หักดิบ !
- อนุโมทนามาฆบูชา เทศกาลแห่งแสงสว่างของมนุษยชาติ
- นักสร้างบารมีที่แท้ ไม่มีคำว่า แค่นี้พอก่อน
- สมบัติอจินไตย มีไว้ให้รวยแล้วเลี้ยงโลก
- มาฆบูชา พุทธปฏิญญาเพื่อหน้าที่ผู้นำบุญ
- ทางก้าวหน้ากับนานาทัศนะ
- ความประทับใจของแขกผู้มีเกียรติชาวต่างประเทศ
คุณยาย ผู้ทรงคุณธรรม
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
03:13
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: