คุณมีสิทธิ์..ที่จะขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น


หลังจากที่ได้รับรู้ ๔ เทคนิค ของชีวิตการสร้างบารมีจากเธอผู้นี้ ทําให้เชื่อเหลือเกินว่า หลายคนมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงความสุข แม้จะมีความทุกข์ และอุปสรรครอบด้าน ซ้ำยังพูดได้อย่างเต็มปากว่า “เราลิขิตชีวิตให้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็นได้ !!!"

จากปูมหลังชีวิตเจ้าแม่หวยถิ่นพัทยา กลายมาเป็นแม่พระ ที่เป็นที่รักของหลายคน เพราะหลุดพ้นจากวงจรชีวิตที่เธอบอกว่า “ตกนรกทั้งเป็น” มาสู่ความสุขราวกับ “ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น

"ที่จริง พื้นฐานชีวิตของจาดมาจากครอบครัวที่มีจิตใจดี ใจบุญ ทําให้จาดรู้จักการตักบาตรทําบุญตั้งแต่ ๕ ขวบ แต่พอเราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ก็มีสิ่งแวดล้อมหลายอย่างที่พาให้จาดไปติดเหล้า ..ตอนนั้นดื่มจัดมาก เล่นการพนันทุกรูปแบบ ..ม้ามีกี่สนามก็ลุยไปเล่น บางทีเห็นม้าที่เรากำลังเชียร์ อยู่ๆ วิ่งมาตายต่อหน้าต่อตาเรา เพราะโดนยาโดปที่เกินขนาด และตอนนั้นไม่มีใครมาแนะนําจาด หรือมาบอกให้จาดรู้ว่ามันเป็นบาป”

คุณจาด หรือ อัจฉรีย์ พันธุ์สอาด เจ้าของบริษัททัวร์ (ทองคําสยาม) แห่งเมืองพัทยาที่เพื่อนเคยมอบฉายาให้ว่า “เจ้าแม่หวย” จากอดีตที่ว่า เมื่อก่อนเธอป็นนักพนันตัวยง เล่นพนันทุกรูปแบบ โดยเฉพาะหวยเล่นจนเป็นมืออาชีพ ที่แทงทีไรตรงเกือบทุกงวด จนเพื่อนบอกกับเธอว่า “จาดๆ เธอลาออกจากงานเถอะ แล้วไปตั้งศาลเจ้าแม่จาด บอกหวย ให้มาเอาดีทางด้านนี้เลยดีกว่า”

“ตอนนั้นได้เงินเยอะก็จริง ถูกทีก็ได้มาก แต่มันเป็นเงินร้อน พอได้มาก็มีทางต้องเสียไป เพราะเป็นเงินที่ได้มาบนความทุกข์ของคนอื่น เงินมีเท่าไหร่ๆ เก็บไม่อยู่ และไม่มีความสุขเลย ชีวิตตอนนั้นเหมือนตกนรกทั้งเป็น ใจมันโลภ มันลุ้น ช่วงติดพนันมากๆ ก็ต้องเพิ่มวันไปเล่น พอเล่นได้ก็ไปดื่มไปกิน..ไปเที่ยว”

แต่ทว่า..บุญเก่าได้ตามมาส่งผล จึงทําให้เธอได้มีโอกาสเข้ามาสู่เส้นทางธรรมอย่างเต็มที่ จากการที่เธอเปิดโทรทัศน์ไปพบการเชิญคนมาวัดพระธรรมกายทุกวันอาทิตย์ เมื่อ ๑๗ ปีที่แล้ว จึงทําให้เธอตัดสินใจชวนลูกมาวัดครั้งแรก

“มาวัดครั้งแรก พาลูกมาก่อน พอมาถึงก็รู้สึกชอบ และก็เริ่มพาครอบครัวมา เลยทำให้ได้มีโอกาสฟังธรรมบ่อยๆ ทําให้จาดตัดสินใจเลิกพนัน เลิกเหล้า สิ่งที่เป็นอบายมุขเลิกหมด ซึ่งก็ต้องยอมรับค่ะว่า พอจาดได้ปฏิบัติธรรมมากๆ ชีวิตจาดเปลี่ยนแปลงไปมาก จนคนรอบข้างรู้สึกว่า เอ้..จาดดีขึ้น จาดเปลี่ยนแปลงไปนะ แล้วต่อมา ได้มีโอกาสครั้งสำคัญที่สุดคือ ได้ไปนั่งสมาธิที่ดอยสุเทพ ทําให้ผลการปฏิบัติธรรมดีมาก ไม่เคยมีความสุขอย่างนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่เกิดมา ทําให้จาดเข้าใจความสุขที่แท้จริงที่เกิดจากสมาธิ"

ผลจากความสุข จากการนั่งสมาธินี่เอง ทําให้คุณจาดค้นพบตัวเอง และพบความสุขที่ตัวเองแสวงหามาทั้งชีวิต จนเธอเองมีความคิดขึ้นมาว่า มีหลายคนที่มีชีวิตที่เหมือนเธอในอดีต แต่ไม่รู้ว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ตรงไหน เธอจึงเกิดความคิดในการทําหน้าที่กัลยาณมิตรขึ้นมาอย่างจริงจัง

“ตั้งแต่จาดเข้าใจว่า การปฏิบัติธรรมทําให้จาดมีความสุขอย่างนี้นี่เอง เลยทําให้จาดอยากทําให้คนอื่นได้โอกาสอย่างนี้บ้าง เพราะจาดเชื่อค่ะว่า หลายคนเขาเป็นอย่างจาดเมื่อก่อน แล้วก็ไม่มีใครไปบอก ไปอธิบายให้เขาฟัง ว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน จึงแสวงหาเรื่อยไป แล้วก็ไม่เจอ แต่กลับเจอแต่ทุกข์เข้ามาแทน จาดจึงได้ตัดสินใจอุทิศชีวิตในการทําหน้าที่กัลยาณมิตรอย่างเต็มที่ ซึ่งพอจาดทําตรงนี้ มีแต่ความสุข ภาพแห่งความปีติ ทําให้เราระลึกได้ตลอด อย่างที่เราชวนคนมาวัดได้อย่างเป็นประจํา หรืออย่างครั้งงานบุญใหญ่ จาดและทีมงานสามารถชวนคนมาวัดได้ถึง ๖๐ คันรถบัส..."

ความที่เธอเป็นเจ้าของบริษัท มีความเป็นอยู่ที่สบายดีอยู่แล้ว ถ้าอยากได้บุญก็บริจาคเงินทําบุญอย่างเดียวก็ได้ ไม่เห็นจะต้องเหน็ดเหนื่อยในการชวนคนมาวัด แต่เธอกลับไม่คิดอย่างนั้น

“ทําบุญอย่างเดียวก็ได้แค่บุญ แต่การทำหน้าที่กัลยาณมิตร ทําให้เราได้บารมี ๑๐ ทัศ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ทำมา เราต้องดูท่านเป็นแบบอย่าง จาดรู้ค่ะว่าการสร้างบารมีไม่ใช่สิ่งที่สบาย บางครั้งจาดเหนื่อย เพราะเราต้องทำงานแข่งกับเวลาที่มีจำกัด แต่มันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ที่เห็นคนหลายคน ครอบครัวหลายครอบครัว เขามีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะเรา"

คุณจาดได้กลายเป็นที่รักของหลายๆ คน จากการที่เธอทําหน้าที่กัลยาณมิตร ชวนคนมาทําทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ชวนคนมาวัดทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละหลายคันรถบัส ซึ่งเป็นธรรมดาไม่ว่าจะทําอะไร ก็จะต้องมีอุปสรรคเข้ามาบ้างไม่มากก็น้อย เราจึงถามเธอว่า เวลาเธอเจออุปสรรคเธอทําอย่างไร..? แล้วมีเทคนิคอย่างไรในการสร้างบารมี โดยที่ไม่เคยท้อเลยตลอด ๑๗ ปี แล้วทำอย่างไรที่ทําให้ชีวิตการสร้างบารมี มีความสุข ราวกับขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น !!

เทคนิคที่หนึ่ง : อยู่ในบุญ
เป้าหมายที่แท้จริงในการเกิดมาของมนุษย์ คือ การสร้างบารมี ซึ่งก็คือการทําความดีอย่างยิ่งยวด เพื่อให้มีความบริสุทธิ์ กาย วาจา ใจ จนกระทั่งเข้าถึงนิพพานในที่สุด และในการทําความดีอย่างยิ่งยวดนั้น เป็นธรรมดาที่ต้องเจออุปสรรค เจอปัญหา หรือพบความไม่เข้าใจของหลายๆ คน ดังนั้นสิ่งที่จําเป็นต้องทําคือ ทําใจให้อยู่ในบุญ จนสามารถนึกถึงความดีที่เราทำออกได้ มีความปีติ มีความสุขกับความดีที่กระทํา เพราะถ้าใจเราไม่อยู่ในบุญ เราจะไม่สามารถทําข้อสอบชีวิตที่มาทดสอบกําลังใจเราในการสร้างบารมีในข้อที่ยากยิ่งๆ ขึ้นไปได้ ความดีเราก็จะหยุดอยู่แค่นั้นไม่พัฒนา และถ้าขณะที่เราทําสิ่งที่เป็นบุญ แต่เรานึกว่ามันเป็นบุญไม่ออก บางทียิ่งทํายิ่งท้อ ยิ่งเครียด แล้วในที่สุดเราก็จะน้อยใจ ไม่เข้าใจ หลุดออกจากการสร้างบารมีไป จะรู้สึกว่า ทําดีไม่ได้ดี ทําดีแต่ทําไมอุปสรรคเยอะ ในที่สุดก็เลิกทำ

เทคนิคที่สอง : ยอมและให้อภัย
ในการสร้างบารมีเป็นทีมนั้น มีความจําเป็นต้องยอมกันและให้อภัยกัน เพราะเราต้องแวดล้อมด้วยคนหมู่มาก แต่การสร้างบารมี โดยมีคนหมู่มากจะทําให้มีพลังสามารถทําให้มีเครือข่ายคนดี มีคนดีเกิดขึ้นได้เร็วทันต่อการแก้ปัญหาศีลธรรมของชาติ แต่การทํางานเป็นทีมก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง ขัดแย้งกันบ้าง ซึ่งเราก็ต้องทําตามอย่างคุณยายอาจารย์ท่านสอนคือ ยอม และให้อภัย เพื่อให้คนได้สร้างบารมี ถึงแม้ทุกคนจะมาวัด แต่ก็ยังไม่มีใครสมบูรณ์พร้อม ๑๐๐ % หรอก เพราะเรายังไม่เป็นพระอรหันต์ ทุกคนมาวัดเพื่ออยากแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีของตัวเองทั้งนั้น แต่ละคนก็ยังคงฝึกตัวเองอยู่ ดังนั้น เราต้องยอมและให้อภัย เพื่อให้เขามีโอกาสทำความดี ยอมลดทิฐิบางเรื่อง เพราะการทำอย่างนี้ มันคุ้มกับการที่เราจะแลกกับการที่เราได้รับบุญใหญ่กลับมา ซึ่งทําให้หมู่คณะสามารถสร้างบารมีไปได้อย่างสามัคคี มีพลัง และงานสําเร็จ แล้ว เราก็จะได้บุญจากการลดทิฐิ ฝึกการให้อภัย เป็นการพัฒนาแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองอีกด้วย

เทคนิคที่สาม : อย่านึกถึงอุปสรรค อย่ากังวล แม้จะมีอุปสรรคมากแค่ไหนก็ตาม
การนึกถึงอุปสรรค กังวลหรือเครียด เป็นสิ่งที่ผิดวิธี.. พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอนว่า การทําอย่างนี้ไม่ถูกหลักวิชชา เพราะถ้าเรามัวแต่กังวล กลุ้มใจ เครียด ไม่นึกถึงบุญ จะทําให้บุญไม่ได้ช่อง ทั้งๆ ที่บุญก็คอยช่วยเราอยู่ตลอดเวลา เหมือนบุญกําลังส่งมา แต่เราปิดเครื่องรับก็ทําให้บุญไม่มีโอกาสได้ช่องบุญก็จะช่วยเราไม่ได้ เราต้องทําใจให้ใส ไม่กังวล นึกถึงบุญ ทําความดี นั่งสมาธิ วางใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย ถ้าทําอย่างนี้บุญจะช่วยเรา จะเปลี่ยนเรื่องร้ายกลายเป็นดี จะทําให้เรื่องยากกลายเป็นง่าย จากเรื่องที่ง่าย ง่ายขึ้นไปอีก เหมือนอย่างประสบการณ์ส่วนตัวของจาดเอง ในครั้งที่เจอวิกฤตของชีวิตที่จาดติดหนี้ ๑๐ ล้าน มีหมายศาลมาตลอด บ้านที่จาดอยู่ก็กำลังจะโดนขายทอดตลาดในเดือนหน้า แต่จาดเชื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จาดไม่กังวลเลย ทําใจให้สบาย อยู่ในบุญ บอกบุญ ทําหน้าที่กัลยาณมิตร ชวนคนมาวัดต่อไป ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่าจาดมีปัญหามากในตอนนั้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าจาดมัวแต่ไปเครียดกังวล คิดไปก่อน ท้อแท้ก็จะทําให้ใจไม่ใส ทํางานอย่างอื่นก็จะไม่มีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่กัลยาณมิตรก็ไม่มีกําลังใจทำ ถ้าจาดคิดอย่างนี้ก็จะทําให้จาดพลาดบุญใหญ่นี้ไปเลย และการที่จาดนั่งสมาธิ ทําหน้าที่อย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่ชีวิตตัวเองมีปัญหา ก็มีเรื่องอัศจรรย์เกิดขึ้นในชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ คือ อยู่ดีๆ กลับขายที่ดินได้ มีเงินใช้หนี้พอดี เลยทําให้เข้าใจถึงการที่ทำใจไม่กังวล ไม่กลัว ไม่เครียด นึกถึงบุญ แล้วสร้างบารมีเรื่อยไป แล้วบุญจะช่วยเราเอง

เทคนิคที่สี่ : ความสาเร็จของมนุษย์ ตัดสินกันที่การเข้าถึงพระธรรมกาย
ความสําเร็จในชีวิตมนุษย์ ไม่ได้เกี่ยวกับรวยหรือจน แต่ขึ้นอยู่กับบุญในตัว ซึ่งสิ่งหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้เรามีบุญบารมีในตัวมากขึ้น ก็คือการทําหน้าที่กัลยาณมิตร เพราะทําให้เราสามารถพัฒนาคุณธรรมได้อย่างยิ่งยวดและรวดเร็ว กิเลสเราจะถูกขัดเกลาไปเรื่อยๆ เมื่อบุญบารมีเราเพียงพอบุญนั้นก็จะช่วยส่งเสริมให้เราเข้าถึงธรรมกายได้สะดวกขึ้น ได้ง่ายขึ้น และเมื่อเข้าถึงธรรมกายแล้ว ชีวิตแม้มีความทุกข์ หรือมีอุปสรรครอบด้าน เราก็จะไม่กลัวเลย ไม่หวั่นไหว สามารถมีความสุขได้ตลอดเวลา เป็นความสุขที่หาอะไรมาแลกไม่ได้เลย เพราะความทุกข์มันแทรกเข้าไปในจิตใจไม่ได้ พอมีปัญหาหรืออุปสรรคเข้ามา เราก็จะมีปัญญาที่เกิดจากการประพฤติธรรม ทําให้เราสามารถที่จะแก้ปัญหานั้นได้อย่างถูกต้อง อย่างใจเย็น อย่างสุขุม

จาก ๔ เทคนิค ที่เธอใช้ในการสร้างบารมีได้อย่างเข้มแข็งมาตลอด ๑๗ ปีเต็ม ได้ทําให้ชีวิตคุณอัจฉรีย์ เป็นชีวิตที่ประสบความสําเร็จทั้งทางโลก ทางธรรม ซึ่งในบริษัทคุณอัจฉรีย์เองก็มีน้องๆ ที่ดีมาช่วยงานจนแทบไม่ต้องไปดูแล เธอบอกว่าเธอมีโอกาสอย่างนี้ได้ เป็นเพราะบุญจากการทําหน้าที่กัลยาณมิตร จึงทําให้มีบริวารดี ส่วนงานการสร้างบารมี เธอก็ทำอย่างเต็มที่ และได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว และคนรอบด้าน

วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๘ ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖







***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/1EtUZWpKVqgo1SJnen3GzV7mfQqehpHia/view

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/08YNB_4606/08YNB_4606.html

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๘ ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่
คุณมีสิทธิ์..ที่จะขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น คุณมีสิทธิ์..ที่จะขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 02:38 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.