ทางออก...จากทุกปัญหา



ถาม : เมื่อคนเรามีปัญหา จะมีหลักธรรมประการใดบ้าง ที่จะยึดเป็นหลักในการปฏิบัติเพื่อที่จะแก้ปัญหาให้หมดสิ้นไป โดยที่หลวงพ่อคิดว่าเป็นหลักธรรมที่จะสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดีที่สุด ขอให้อธิบายโดยละเอียดด้วยครับ?

ตอบ : เมื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาก็ตาม ขอให้ทราบไว้เลยว่าปัญหาต่างๆ เหล่านั้น โดยทั่วไป มักจะมีสาเหตุมาจาก
๑. เราผิดศีลไว้ในปัจจุบัน
๒. เกิดจากการผิดศีลของเราในอดีต
๓. ความเป็นคนประมาท ไม่รอบคบ

ทั้ง ๓ ประเด็นนี้ เป็นประเด็นใหญ่ อาจจะมีประเด็นย่อยอีกก็ไม่มากนัก แต่จะเกิดจากประเด็นไหนก็ตาม ปัญหาเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว จะแก้ไขได้หรือไม่ อย่าเพิ่งไปคิด ให้คิดว่าเราจะไม่สร้างปัญหาต่อ เพราะฉะนั้นศีลเราต้องแน่นเปรี๊ยะเลย ถ้ายังต้องทํามาหากินเป็นผู้ครองเรือนอยู่ ศีลจะต้องไม่ให้พลาด ถ้าเป็นพระภิกษุศีล ๒๒๗ จะต้องรักษาไว้ให้ดีเยี่ยม ถ้าเป็นอุบาสก อุบาสิกาเป็นแม่ชี ศีล ๘ ของตัวต้องรักษาให้ดีเยี่ยมเสียก่อน คือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก็ตาม ให้เช็คดูศีลของเราก่อนว่าดีแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ดีก็ไปทําให้ครบบริบูรณ์เสีย

ถึงคราวจะแก้ปัญหาอะไรให้สําเร็จตลอดรอดฝั่งต้องปรับตัวของเราให้มีมาตรฐานก่อน ไม่อย่างนั้นอุดรูนี้ก็จะไปรั่วรูโน้น อุดรูโน้นมันก็จะไปรั่วรูต่อๆ ไป แต่ว่าถ้าทันทีที่มีปัญหาเกิดขึ้น เรารีบปรับระดับความประพฤติของเราเสียก่อน การแก้ปัญหาต่างๆ จะง่ายเข้า เมื่อเรามีศีล ๕ ครบบริบูรณ์ดี

จากนั้นก็ดูหลักหรือวิธีการแก้เป็นกรณีๆ ไป เช่น ถ้าเป็นเรื่องของทรัพย์สมบัติ หรือเรื่องของผลประโยชน์จะต้องแก้ด้วยทาน แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องของทรัพย์สมบัติ เป็นเรื่องของการกินใจกัน หรือความเข้าใจผิดกัน อย่างนี้ต้องแก้ที่ตัวเราเอง คือต้องฝึกตัวให้เป็นคนมีสัมมาคารวะ และมีความอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย บางครั้งอาจจะต้องไปกราบกรานขอขมาลาโทษเขา มันก็ต้องยอม เพื่อให้ปัญหามันยุติ

ดูต่อไปอีก บางเรื่องเกิดเพราะความประมาทของเราเองไปล่วงเกินเขา ไปทําของเขาเสียหาย ในกรณีอย่างนี้ก็แก้ไขโดยชดใช้เขาไปตามสมควร แต่อย่างไรก็ตามทุกเรื่อง เมื่อเป็นปัญหาขึ้นมาแล้ว ต้องหยุด อย่าเพิ่งไปทําอะไร นั่งสมาธิให้ใจสงบเสียก่อน เพื่อดูให้ถ่องแท้ว่าเป็นเรื่องอะไร แล้วสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ถ้ายังไม่แน่ใจก็อย่าเพิ่งไปลงมือแก้ไข ถ้าแน่ใจให้รีบแก้ไขทันที เวลาแก้ไขก็ทําด้วยความใจเย็น เรื่องบางอย่างแก้ไขไม่ได้ ได้แต่รอเวลา ก็ต้องอดทนไป

อย่างไรก็ตาม มีบทสวดอยู่บทหนึ่ง พระท่านสวดให้ฟังทุกวันอาทิตย์เลย

พอถวายสังฆทานเสร็จ พระท่านจะสวดมนต์ ๒-๓ บท มีบทหนึ่งขึ้นต้นด้วยคําว่า “หุง” เราจึงเรียกกันง่ายๆ ว่า บทพาหุง คงจําได้ บทพาหุงนี้กล่าวถึงวิธีแก้ปัญหา ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงนํามาใช้มี ๘ ตอน แต่มี ๗ วิธี คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเผชิญกับปัญหามามากกว่าพวกเรา แต่พระองค์ก็สามารถแก้ไขให้สําเร็จลุล่วงไปเป็นเปราะๆ ปัญหาใหญ่ๆ ที่พระองค์ทรงแก้ไขมา จนกระทั่งโบราณาจารย์ท่านต้องบันทึกไว้เป็นหลักฐาน คือ

๑.เมื่อทรงผจญกับพญามาร ที่ยกทัพมารังควานในวันจะตรัสรู้ พระองค์ทรงแก้ไขปัญหานี้ด้วยกําลังบารมี ๓๐ ทัศ ที่ได้อธิษฐานเอาทานบารมีที่ทรงสั่งสมการให้ทาน และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลมานับภพนับชาติไม่ถ้วนให้มาช่วย ในกรณีอย่างพวกเรา ถ้าเจอปัญหาบางอย่างเจออุปสรรคหนักๆ บางทีก็ต้องแก้ด้วยการให้ทรัพย์สมบัติเหมือนกัน คือให้ทาน
๒. เมื่อทรงผจญกับอาฬวกยักษ์ พูดง่ายๆ เมื่อผจญกับคนมักโกรธ พระองค์ทรงแก้ด้วยขันติ คือความอดทน ยักษ์จะเอาอย่างไร จะยื่นข้อเสนออย่างไร ถ้าทนได้ทน ทนทำไป จนในที่สุดยักษ์ต้องยอมจํานน ลดทิฐิ ความกระด้างของตน มันคงคิดในใจว่า แหม..พระองค์นี้ทนจริงๆ เราแกล้งซะแทบแย่ ยังทนเราได้อีก เห็นใจกันแล้วจึงได้คุยกันรู้เรื่อง ผจญกับคนมักโกรธทําได้อย่างเดียว คือทน ทนแล้วค่อยไปหาช่องทางแก้ไขเอาข้างหน้า
๓. เมื่อพระองค์ทรงเผชิญกับช้างตกมัน พูดง่ายๆ เอาชนะพวกบ้าดีเดือด พระองค์ก็ทรงแก้โดยการแผ่เมตตา เมื่อได้ซาบซึ้งในความเมตตา แล้วก็จะทําให้เข้าใจซึ่งกันและกันได้เอง
๔. เมื่อพระองค์ทรงผจญกับองคุลิมาล ในกรณีนี้องคุลีมาลวิ่งไล่จะฆ่า พระองค์ทรงใช้อิทธิปาฏิหาริย์ ผสมกับเทศนาโวหารสําหรับพวกเรายังไม่มีอิทธิปาฏิหาริย์เหมือนพระพุทธองค์ เจอนักฆ่าเข้า ก็คงต้องอาศัยตํารวจ เอากฎหมายมาช่วยจัดการแทน
๕. เมื่อพระองค์ทรงผจญกับการถูกใส่ร้าย ต่อหน้าคนจํานวนมาก วันนั้นพระองค์ทรงนั่งเทศน์อยู่ดีๆ มีผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมากลางศาลาใส่ความพระองค์ว่า ทําให้นางท้อง ผู้หญิงคนนี้เป็นคนสวยประจําเมืองสาวัตถี ขณะที่ผู้คนจํานวนมากเขากำลังฟังเทศน์เพลินๆ แกลุกขึ้นกลางศาลาเลย พระพุทธเจ้าข้า พระองค์น่ะดีแต่เทศน์สอนคนอื่นเท่านั้นแหละ ลูกเราในท้องนี้ไม่เหลียวแลเลย ทําอย่างไรล่ะ จะคลอดอยู่แล้ว"

ในกรณีถูกใส่ร้ายเรื่องผู้หญิงนี้ พระองค์ทรงใช้ความสงบนิ่งเป็นการแก้ปัญหา เรื่องบางเรื่องที่พระภิกษุก็ดี ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ก็ดี ถ้าถูกกล่าวหาแล้วต้องเงียบ อย่าไปเถียง แต่ว่าให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ๒ เรื่องนี้คือ สตรี กับสตางค์

เรื่องสตรี เวลาพระภิกษุถูกกล่าวหาเรื่องผู้หญิง หรือเป็นผู้ใหญ่ถูกกล่าวหาเรื่องผู้หญิง คนทั่วไปมักจะเชื่อว่าผิดจริงไปแล้วตั้ง ๙๐ เปอร์เซนต์ เพราะฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือเงียบ รอวันเวลาพิสูจน์ความจริงกันในวันข้างหน้า เพราะไม่ช้าก็เร็วความจริงต้องปรากฏแน่นอน

เรื่องสตางค์ เป็นพระถูกใส่ความว่าโกงเงิน ที่ไม่รู้ว่าจะไปเถียงกับเขาอย่างไร เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ปุบปับโดนข้อหาคอรัปชั่น จะเถียงก็ยาก ก็ได้แต่เงียบ แต่เงียบในที่นี้ไม่ใช่เงียบยอมจํานน แต่เงียบตั้งหลัก ในพระพุทธศาสนาใช้คําว่าไม่สู้ เงียบไว้ก่อน แต่ไม่หนี

ไม่สู้ ในที่นี้หมายถึงไม่ใส่ความเข้าหากัน
ไม่หนี คืออย่าไปยอมแพ้ อย่าไปยอมรับ

แต่ว่าให้ทําความดีตามหน้าที่เรื่อยไป ระเบียบวินัยมีเท่าไหร่นํามาใช้ให้หมด งานมันจะช้าบ้างก็ต้องยอม ถ้าอย่างนี้เดี๋ยวก็ชนะ

๖. เมื่อพระองค์ทรงผจญกับคนพูดกลับกลอก ประเภทนักโต้วาที ก็ทรงใช้ปัญญาแก้สถานการณ์เฉพาะหน้ากันไป
๗. ครั้งนี้ไม่ใช่พระองค์กระทําเอง แต่โปรดให้พระโมคคัลลานะไปแทน ไปปราบสัตว์ที่มีพิษร้าย และเป็นมิจฉาทิฐิ คือพญานาค ชื่อนันโทปนันทะ ครั้งนี้ก็ต้องใช้อิทธิปาฏิหาริย์เหมือนกัน
๘. เมื่อพระองค์ทรงผจญกับพวกมิจฉาทิฐิ คือไปเจอท้าวพกาพรหมที่เป็นมิจฉาทิฐิจัดเข้าครั้งนี้ พระองค์ทรงใช้ปัญญาแก้ไขสถานการณ์อีกครั้ง แต่เป็นปัญญาเบื้องสูงในพระพุทธศาสนาเพราะสู้กับระดับพระพรหม

เรื่อง : หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๘ ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖

***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/1EtUZWpKVqgo1SJnen3GzV7mfQqehpHia/view

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/08YNB_4606/08YNB_4606.html

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๘ ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่
ทางออก...จากทุกปัญหา ทางออก...จากทุกปัญหา Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 03:12 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.