หล่อรูปเหมือนทองคำ บูชาธรรม...มหาปูชนียาจารย์


หล่อรูปเหมือนทองคำ
บูชาธรรม...มหาปูชนียาจารย์
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาหลวงพ่อธัมมชโย
เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

บุญใหญ่ที่กําลังรอคอยพวกเราอยู่ ที่จะหล่อรูปพระเดชพระคุณหลวงปู่ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ด้วยทองคํา อีก ๓ องค์ ที่เราจะอาราธนาท่านไปประดิษฐานในเส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ตั้งแต่ที่บังเกิดขึ้นด้วยรูปกายเนื้อของท่านที่วัดสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วก็ที่วัดโบสถ์บน บางคูเวียง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นสถานที่บรรลุธรรมของท่านเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๐ อีกองค์หนึ่งก็นําไปประดิษฐานที่วัดบางปลา จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นที่ที่ท่านได้เผยแผ่วิชชาธรรมกายเป็นครั้งแรก มีคฤหัสถ์ และบรรพชิตบรรลุธรรม ตามคําแนะนําสั่งสอนของท่าน รูปหล่อทองคํา ๓ องค์นี้จะเป็นทางมาแห่งบุญของลูกทุกๆ คน ที่ได้ร่วมสถาปนาหล่อท่านขึ้นมา และสําหรับผู้ที่เดินทางไปแสวงบุญธรรมจาริกในเส้นทางมหาปูชนียาจารย์

การที่เราหล่อรูปเหมือนพระเดชพระคุณหลวงปู่นี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย เพราะท่านเป็นบุคคลที่สําคัญที่สุดในโลกและจักรวาล การกล่าวเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการยกย่องครูบาอาจารย์ของเราเกินไปเลย ที่จริงการพูดนี้ไม่ถึงกับคุณธรรมและคุณวิเศษที่ท่านมีอยู่ด้วยซ้ำ ที่ทําให้พูดได้ไม่เต็มที่เพราะว่าติดขัดในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่ฐานรองรับความรู้คือพวกเรานั้นยังมีไม่มาก ถ้าปฏิบัติธรรมได้เข้าถึงพระธรรมกาย หรือวิชชาธรรมกาย การที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องราวของท่านก็จะได้กว้างกว่านี้ กับมีอีกหลายๆ ท่านที่ไม่ได้เข้าวัด แล้วไม่เข้าใจ เดี๋ยวจะพาลเข้าใจผิดไปว่า หลวงพ่อยกย่องมหาปูชนียาจารย์เหนือกว่าพระพุทธเจ้าขึ้นมา มันจะเป็นบาปเป็นอกุศล เพราะฉะนั้นก็พูดได้เท่าที่เราจะรับทราบได้ เช่น ท่านเป็นต้นแบบที่ดีของนักบวช บวชใจมาตั้งแต่อายุ ๑๙ ปี แล้วพออายุได้ ๒๒ ปี ก็บวชครองผ้ากาสาวพัสตร์ที่วัดสองพี่น้อง บวชได้วันหนึ่งรุ่งขึ้น อีกวันหนึ่งก็ปฏิบัติธรรมไม่เคยขาดเลย ไม่ว่าจะเจ็บป่วย ฝนตก แดดออก ฟ้าร้องหรือมีภารกิจมากมายเพียงไหน ท่านก็ไม่เคยทอดทิ้งการปฏิบัติธรรมจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต

แล้วเมื่อครองเพศบรรพชิตแล้วท่านก็เป็นสมณะแท้ เป็นตัวอย่างของสมณะในปัจจุบัน หลายๆ รูปโดยเฉพาะของวัดพระธรรมกาย ที่ยึดถือท่านเป็นเนติแบบแผน

หลวงปู่วัดปากน้ำ แสวงหาหนทางพระนิพพานมาตลอด แม้ยังไม่ถึงหนทางมรรคผล นิพพาน แต่ก็ปฏิบัติเพื่อเข้าถึง ตั้งแต่ยังไม่ได้ตั้งโรงครัว ออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ เพราะฉะนั้น ในการบิณฑบาตแต่ละครั้งของท่านถือเป็นการโปรดสัตว์ ไม่ใช่เพื่อให้สัตว์โปรด นำบุญไปให้กับทุกๆ ท่านที่นําอาหารมาใส่บาตรท่าน

เรียนหนังสือด้านปริยัติท่านก็เป็นต้นแบบ ไปศึกษาเล่าเรียนภาษาบาลีอะไรต่างๆ แบกตำรับตําราจนไหล่ลู่ ไปศึกษาตามวัดวาอารามต่างๆ ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละคัมภีร์ที่ไม่เหมือนกัน ด้วยความสุขแล้วก็เบิกบานในการศึกษาพระปริยัติธรรม ท่านแม้เรียนรู้แล้วแต่ก็ไม่ได้สอบเป็นมหาเปรียญ แล้วก็ได้ศึกษาธรรมะในพระไตรปิฎกกระทั่งแตกฉาน แตกฉานแล้วก็ได้ก้าวเข้าสู่การทํากรรมฐาน ในสมัยนั้นใครว่าการเรียนวิชาอะไรเป็นของดีที่ไม่ขัดกับพระธรรมวินัยท่านไปศึกษาเล่าเรียนทั้งนั้น แม้แต่วิทยาศาสตร์ทางใจ ซึ่งพระเถรานุเถระในสมัยนั้นท่านนิยมศึกษาท่านก็เรียนกันไป จนแคล่วคล่องชํานาญ

จนกระทั่ง ๑๐ พรรษาผ่านไป ท่านถึงได้มาย้อนนึกถึงความตั้งใจเดิมที่จะบวชเมื่ออายุ ๑๙ เพื่อจะทําพระนิพพานให้แจ้งเรายังไม่ได้บรรลุเลย เดินธุดงค์ผ่านป่าเขาไปแสวงหา ไม่มีใครพูดถึงทางมรรคผลนิพพาน มีแต่พูดเกี่ยวกับเรื่องวิชาที่ไม่ใช่ทางมรรคผลนิพพาน มักจะพูดว่าเราเข้าป่าไปแสวงหาโมกขธรรม แต่ก็ไม่รู้ว่านิพพานอยู่ตรงไหน ไม่รู้แต่ไปหากันก่อน คือตั้งเป้าหมายดี แต่วิธีการทําอย่างไรยังไม่รู้ แต่ก็แสวงหากันไปอย่างนั้น

หลวงพ่อเคยเจอหลวงปู่บางรูปที่เคยร่วมธุดงค์ไปกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ของเรา ตอนที่ไปเจอท่านอายุเกือบร้อยกันแล้ว ก็ได้ฟังเรื่องราวการเดินธุดงค์ ส่วนมากมักจะเป็นวิทยาศาสตร์ทางใจ คือเรื่องราวเกี่ยวกับอภินิหารต่างๆ เหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีเกี่ยวกับเรื่องทางมรรคผลนิพพาน ธรรมปฏิบัติที่ไหนก็ไม่มี แล้วก็ไม่มีใครกล่าวถึงเรื่องพระรัตนตรัยในตัวเลย มักจะพูดพระรัตนตรัยนอกตัว เพราะฉะนั้นพระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านก็แสวงหาเรื่อยมา แต่ก็ยังไม่ได้แนวทางที่จะปฏิบัติให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน

พอพรรษาที่ ๑๑ กลางพรรษา ท่านถึงได้ตั้งสัตยาธิษฐานว่า เป็นไงเป็นกันถ้าไม่บรรลุหนทางพระนิพพานแล้วไม่ลุกจากที่ยอมตาย ซึ่งถ้าเราคิดกันให้ดีถือว่าเป็นการเสียสละชีวิต ที่มีเป้าหมายอันสูงมากๆ ทีเดียว เป็นการเสี่ยงมากเลย เพราะนั่งตายแล้วไม่รู้จะเจอหรือเปล่า แต่ท่านก็กล้าที่จะสละชีวิต แล้วด้วยอานุภาพบุญญาธิการที่ท่านได้สั่งสมมาก็ได้บรรลุหนทางนั้น จากนั้นคนก็ได้เริ่มรู้จักทางมรรคผลนิพพาน รู้จักพระรัตนตรัยในตัว ทำให้การดำเนินชีวิตของมนุษย์รุ่นต่อๆ มาทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต เดินได้ถูกต้องตรงแนวมรรคผลนิพพาน อย่างน้อยก็ปิดประตูอบายภูมิ เปิดประตูสวรรค์หรือน้อยไปกว่านั้นก็คือได้พบสุขในปัจจุบัน พบที่พึ่งภายใน

เมื่อท่านบรรลุแล้วท่านก็ไม่ได้หวงแหนวิชชา นําไปเผยแผ่ต่อ เริ่มต้นที่วัดบางปลา จังหวัดนครปฐมที่เราจะอัญเชิญรูปหล่อทองคําของท่านไปประดิษฐาน แล้วท่านก็ย้ายมาเป็นสมภาร เป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เริ่มศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกายด้วยตัวเองด้วย เผยแผ่ด้วย ท่านใช้คําว่า ทั้งเรียน ทั้งสอน คือ ตัวท่านทั้งเรียนไปด้วย แล้วก็สอนไปด้วย เป็นทั้งครู เป็นทั้งนักเรียนไปในตัวเสร็จ

จนกระทั่งคําว่า “พระธรรมกาย” ได้ขยายไปในวงกว้าง มีผู้มีบุญทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตมาศึกษาธรรมปฏิบัติได้บรรลุธรรมกายทั้งภายในและต่างประเทศเป็นพยานแห่งการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันจำนวนมาก ไม่ไช่จํานวนเรือนหมื่น แต่เป็นเรือนหลายๆ แสน อาจจะเป็นล้านด้วยซ้ำไป

พระเดชพระคุณหลวงปู่ วัดปากน้ำ ท่านเกิดมาเพื่อบําบัดทุกข์บำรุงสุข มาวางเข็มทิศชีวิตให้กับมวลมนุษยชาติให้ดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง นี่ถ้าเราไม่ได้พบคําสอนของท่าน ความมั่นใจในทางพระพุทธศาสนาจะลดน้อยถอยลงไปกันเรื่อยๆ เพราะเราจะไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์มีจริง เรื่องกฎแห่งกรรมมีจริง ทำดีได้ดี ทําชั่วได้ชั่ว บุญที่ทําแล้วมีผลไหม ซึ่งความเชื่อเหล่านี้เป็นพื้นฐานของสัมมาทิฐิ

ถ้าไม่มีความเชื่ออย่างนี้หิริโอตตัปปะมันก็ไม่เกิดขึ้น คนเราลองไม่ละอายต่อบาป และไม่เกรงกลัวต่อบาป ก็สามารถทําบาปได้ทุกชนิด ถ้าทําบาปได้ความเดือดร้อนก็จะเกิดขึ้นในสังคม แล้วก็จะขยายไปทั่วโลก แต่ว่าเมื่อคนมีหิริโอตตัปปะเพราะว่าเข้าใจแจ่มแจ้งว่า ความเป็นจริงของชีวิตนั้นไม่ใช่เพียงแค่ลูกนัยน์ตาเรามองเห็นเท่านั้น แต่ยังมีชีวิตหลังความตายอีก พิสูจน์ได้แล้วก็มีผู้ไปพิสูจน์ และใครๆ ก็พิสูจน์ ได้ด้วย ถ้าพร้อมที่จะพิสูจน์ แต่ก็ต้องทําตามหลักวิชชาและต้องมีความเพียร

คําพูดที่ท่านยืนยันอย่างนี้ ยิ่งทําให้เราเกิดความมั่นใจที่จะกล้าอุทิศตน อุทิศเวลา ทุ่มเทชีวิตจิตใจและทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อที่จะไปศึกษาฝึกฝนเพื่อพิสูจน์ในสิ่งเหล่านี้ และเมื่อเข้าถึงแล้วความสงสัยในระดับต่างๆ ก็ค่อยๆ หดหายไป คือยังไม่หมดความสงสัย แต่ความสงสัยในแต่ละระดับจะค่อยๆ หายไป เช่น คนเราหลับตาแล้วไม่มืดมีจริงหรือ บางคนทําได้ แต่เรายังสงสัยว่าเขาได้จริงหรือเปล่า พอเราทําได้เออจริงนะหลับตาแล้วไม่มืด ความสว่างนั้นเรืองรองกว่าแสงอาทิตย์ แสงจันทร์ แสงดาว หรือแสงที่มนุษย์ประดิษฐ์ ความสงสัยในระดับนี้ก็หายไป

หรือพอเราได้ฟังว่า ในกลางท้องมีดวงธรรมใสๆ กลมเหมือนดวงแก้ว ลอยเด่นอยู่ตรงกลาง ฟังแล้วก็ยังสงสัย เพราะในท้องมีแต่ตับไตไส้พุง ลูกแก้วอะไรจะไปอยู่ตรงนั้น แล้วความสงสัยหมดไปเมื่อเราเข้าถึง มองผ่านแสงสว่างไปก็เข้าถึงดวงธรรม เออมีจริงๆ ความสงสัยในระดับที่สองก็หมดไป

แต่พอมีคนมาติว่า ในกลางดวงธรรม มีดวงธรรมถัดๆ ไปอีกหลายดวง แล้วดวงสุดท้ายจะเชื่อมให้เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดภายใน หน้าตาเหมือนตัวเรา เรายังเข้าไม่ถึงก็สงสัย แต่พอเราเข้าถึง เออมีจริงๆ นี่แหละ ความสงสัยก็ค่อยๆ หดหายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีองค์พระอยู่ในตัวกลางตับไตไส้พุงได้ไง แล้วยิ่งได้ฟังของใหญ่อยู่ในของเล็ก เออมันจะจริงหรือ ฟุ้งซ่านหรือเปล่า ของใหญ่ในของเล็ก พระองค์โตอยู่ในกลางพระองค์เล็ก ฟังแล้วก็ยังสงสัย แต่พอเข้าถึงเออจริงอยู่ได้เพราะเขาละเอียดกว่า เหมือนภูเขาอยู่ในฟิล์มถ่ายรูป หรืออยู่ในกระจกนั่นแหละ ภูเขาก็ไม่ได้เล็กลง กระจกก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้น แต่มันอยู่ได้ ความสงสัยก็ค่อยๆ หายสงสัย

หรือการเห็นได้ทุกทิศทุกทางรอบตัว ในเวลาเดียวมันมีได้อย่างไร ก็ยังสงสัย แต่พอศึกษาวิชชาธรรมกายมากเข้า ไปถึงจริงๆ เออ ไม่ต้องก้ม ไม่ต้องเงย ไม่ต้องเหลียว ไม่ต้องกลับหลังหันอะไร

เมื่อเราศึกษาวิชชาธรรมกาย นรกมีจริงไหม สวรรค์มีจริงไหม ก็อยู่ในกํามือ เราอ่านในพระไตรปิฎกว่า มีการระลึกชาติหนหลังได้ อย่าว่าแต่หนหลังเลย เมื่อวานนี้กินก๋วยเตี๋ยวอร่อยยังไงยังลืมเลย นี่ว่าย้อนหลังรีวายเทปชีวิตจะจริงหรือ ไม่ค่อยมั่นใจ แต่ว่าพอไปถึง ณ จุดตรงนั้นเรื่องยากก็เป็นเรื่องง่าย เรื่องเหลือเชื่อก็ต้องเชื่อเพราะมันเป็นความจริง จะเห็นเป็นเรื่องเป็นราว รู้เรื่องรู้ราวต่างๆ สนุกสนานทีเดียว ก็จะทําให้เราเชื่อมั่นในการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกว่า พระองค์เคยเกิดชาตินั้นเป็นนกบ้าง เคยเกิดเป็นคนชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นต่ำ เป็นตั้งแต่ยาจกถึงพระราชา แม้ตกนรกก็เคยมาแล้ว เราก็เชื่อมั่น ความสงสัยก็ค่อยๆ หายไป

เมื่อความสงสัยหายไป ความสุข ความปลื้มปีติ ความเบิกบานใจก็เกิดขึ้น การทำความเห็นให้ตรงต่อหนทางพระนิพพานก็เกิดความมั่นใจ การประพฤติตัวของเราก็ดีขึ้น หิริโอตตัปปะเกิดแล้ว ธรรมที่คุ้มครองให้โลกอยู่เย็นเป็นสุขเกิด นี่แหละคือพระคุณส่วนน้อยของพระเดชพระคุณหลวงปู่ที่มีต่อพวกเราและชาวโลก ทําให้เราจําเป็นต้องหล่อรูปเหมือนของท่านด้วยทองคํา เพื่อเป็นทางมาแห่งบุญแก่ตัวเรา และแก่ผู้ที่จะติดตามมาศึกษาพระพุทธศาสนาในภายหลัง

เรื่อง : พระธรรมเทศนาหลวงพ่อธัมมชโย
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๘ ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖

***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/1EtUZWpKVqgo1SJnen3GzV7mfQqehpHia/view

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/08YNB_4606/08YNB_4606.html

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๘ ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่
หล่อรูปเหมือนทองคำ บูชาธรรม...มหาปูชนียาจารย์ หล่อรูปเหมือนทองคำ บูชาธรรม...มหาปูชนียาจารย์ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 22:32 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.