สยบ..ไสยเวท
และที่น่าทึ่งมากไปกว่านั้น ก็คือ
ไม่ว่าหลวงปู่จะศึกษาวิชาใด.. ท่านก็สามารถไปถึงที่สุดของวิชานั้นได้ ไม่ว่าครูที่สอนท่านทำได้แบบไหน ท่านก็ทำได้แบบนั้น แต่สุดท้ายเมื่อท่านค้นพบวิชชาธรรมกาย ซึ่งเป็นวิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ท่านก็เลิกวิชาเหล่านี้ทั้งหมด เพราะท่านบอกว่า วิชาพวกนี้..สู้วิชชาของพระพุทธเจ้าไม่ได้เลย เนื่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
วิชาพวกนี้..เป็นแค่เดรัจฉานวิชา คือ เรียนแล้วยังติดข้องอยู่ในอบาย...
ซึ่งเรื่องราวที่เกี่ยวกับการแสดงฤทธิ์ทางด้านไสยเวทของหลวงปู่ หลวงพ่อวัดลำพญาเล่าไว้ว่า ในสมัยที่หลวงพ่อวัดลำพญาเป็นเด็กวัด อายุ 12 ขวบนั้น ท่านมีหน้าที่ช่วยหลวงปู่รับแขก คือ วันหนึ่งมีพระธุดงค์ 3 รูป ห่มจีวรสีกรักออกมาจากป่า มาขอเรียนวิชาไสยเวทจากหลวงปู่ และขอร้องให้หลวงปู่แสดงวิชาให้ดู
หลวงปู่ท่านก็เลยปั้นตุ๊กตาดินเหนียว 2 ตัว วางไว้ห่าง ๆ กัน ซึ่งปกติแล้ว เวลาปั้นเสร็จ จอมขมังเวททั่ว ๆ ไป จะต้องท่องคาถาหรือเสกก่อน ตุ๊กตานี้ถึงจะขยับได้
แต่สำหรับหลวงปู่..พอท่านปั้นเสร็จ ท่านก็แค่มองดูเฉย ๆ โดยไม่ต้องเสก ไม่ต้องเป่า
แต่จู่ ๆ ตุ๊กตาดินเหนียวนั้น..ก็วิ่งพุ่งเข้าชนกันทันที จากนั้นหลวงปู่ก็สาธิตวิธีทำวัวธนู โดยเอาตอกจากโรงครัวมาจักสานเป็นวัวธนู ซึ่งพอทำเสร็จแล้ว วัวธนูนั้นก็ขยับทำท่าจะบินได้ทันที ซึ่งหลวงปู่บอกว่า ถ้าเป่าพรวดเดียวก็บินไปทันที
จากนั้นหลวงปู่ก็สาธิตวิธีทำนะหน้าทอง ซึ่งหลักการของวิชานี้ ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้.. ให้แผ่นทองคำเปลว..มันเข้าไปอยู่ในร่างกายมนุษย์
ซึ่งส่วนมากเขาจะเสกให้ไปอยู่ที่กระหม่อมและตามส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า
ซึ่งพอเสกเข้าไปแล้ว แผ่นทองนี้จะอยู่ในร่างกายไปจนกระทั่งตาย เพราะเชื่อกันว่าเป็นการทำให้มีเมตตามหานิยม
ซึ่งกรรมวิธีการทำ..ก็จะเอาทองคำเปลวแปะลงบนหน้าที่ทาน้ำมันเอาไว้
แล้วก็เสกคาถาคลึงจนทองเปลวเข้าไปแปะอยู่ในกะโหลก แต่ถ้าผู้ที่มีอาคมแก่หน่อย
เวลาแปะทองแล้ว..ก็ไม่ต้องคลึง คือ เสกคาถาแล้วก็แค่มอง ๆ แล้วทองก็วืดเข้าไปในกะโหลกเอง แต่ถ้าเป็นพวกที่มีอาคมแก่ในระดับขั้นเทพ ก็แค่เอาแผ่นทองคำเปลวที่ยังไม่ลอกกระดาษหุ้มออก
วางไว้ที่มือเท่าจำนวนแผ่นที่ต้องการ แล้วก็เสกคาถาเป่าพ่วงเดียว..ทองก็จะเข้าไปในร่างกายทันที
หรือถ้าเป็นพวกที่อาคมแก่แบบสุด ๆ ในระดับขั้นเทพเรียกทวด พวกนี้ก็จะสามารถเป่าให้เข้าไปติดที่กระหม่อมของทารกที่อยู่ในครรภ์มารดาได้เลย และพอเด็กคลอดออกมาก็จะมีทองติดกะโหลกมาตั้งแต่เกิด และจะติดไปจนตาย อีกทั้งเวลาเอาศพไปเผา
กะโหลกก็จะไม่ไหม้ แต่กลับเป็นสีทองผ่องอำพันอย่างน่าอัศจรรย์
แต่สำหรับการทำนะหน้าทองของหลวงปู่นั้น ไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์ขั้นเทพ..เรียกทวดแล้วทวดอีกขนาดไหน ก็สู้หลวงปู่ไม่ได้เลย... เพราะการทำนะหน้าทองของหลวงปู่ ท่านเริ่มจากการไม่มีทองคำเปลวเลยสักแผ่น เพราะท่านให้หลวงพ่อวัดลำพญา (ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นเด็กวัด) วิ่งไปเอาผ้าอาบน้ำฝนที่ตากไว้ที่ราวมาให้ จากนั้นท่านก็เอาผ้าอาบน้ำฝนลูบปรื้ดขึ้นไปบนหน้าของท่าน และพอเอาผ้าออก ปรากฏว่าหน้าของท่านกลายเป็นทองสุกปลั่งไปทั้งใบหน้า และพอท่านเอาผ้าลูบลง
หน้าทองนั้นก็หายไป ซึ่งพอพระธุดงค์ทั้ง 3 รูป เห็นหลวงปู่สามารถทำนะน้าทองได้..โดยไม่ต้องมีแผ่นทองคำเปลวเป็นสารตั้งต้นเหมือนปรมาจารย์ท่านอื่น ๆ
ก็เลยเกิดอาการตะลึงกันขนาดหนัก รีบก้มลงกราบหลวงปู่กันยกใหญ่เพื่อขอเรียนวิชา
แต่หลวงปู่ท่านไม่สอน เพราะท่านบอกว่า.. “อย่าเลย...เรียนแล้วมันไปเพิ่มกิเลส ไม่ใช่วิชชาของพระพุทธเจ้า
เรียนแล้วก็ไปนิพพานไม่ได้... แต่ “สัมมา อะระหัง” นี่สิ.. เป็นทางมรรคผล เพราะไปนิพพานได้”
แม้หลวงปู่ท่านจะพูดอย่างนั้น
แต่หลวงพ่อวัดลำพญา (ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นเด็กวัดอายุ 12 ขวบ) พอได้เห็นหลวงปู่สามารถแสดงวิชาไสยเวทได้เก่งแบบสุด ๆ ขนาดนั้น ท่านก็อยากจะที่เรียนอยู่ดี จึงพยายามเอาอกเอาใจประจบประแจงบีบนวดหลวงปู่ เพื่อขอให้หลวงปู่ช่วยสอนให้ แต่หลวงปู่ท่านก็ไม่ใจอ่อน จึงบอกว่า “เออ..!!วิชานี้มันมีกิเลส ข้าจะให้เอ็งเป็นสมภาร !!”
ซึ่งตรงนี้หลวงพ่อวัดลำพญาท่านได้เล่าว่า “ตอนนั้นนะ... ความคิดที่จะบวชน่ะ ยังไม่มีเลย เพราะคิดแต่อยากจะมีเมีย
ซึ่งพอเห็นหลวงปู่ท่านแสดงนะหน้าทอง ก็เลยอยากจะเรียนกับท่าน เพราะคิดว่า..เราจะได้เป็นขุนแผนก็คราวนี้แหละ...”
แต่ท้ายที่สุด..ญาณทัสสนะของหลวงปู่ก็แม่นเหนือความคาดหมายจริง ๆ เพราะต่อมาหลวงพ่อวัดลำพญาก็ได้มาบวชและได้เป็นสมภารจริง ๆ ตรงตามที่หลวงปู่บอกไว้ทุกประการ
หรืออีกคราวหนึ่ง ที่หลวงปู่ท่านสยบพวกไสยเวท ซึ่งเรื่องนี้ ลุงสมจิตร ฉ่ำรัศมี (ซึ่งในอดีตเคยบวชเป็นเณรอยู่กับหลวงปู่) ท่านได้เล่าว่า มีคนพาคนทรงคนหนึ่งมาขอให้หลวงปู่ช่วยชีวิต เนื่องจากคู่อริของคนทรงคนนี้
ไปจ้างพวกมีอาคมแก่ ๆ ทำคุณไสยไล่ฆ่ามา ซึ่งขณะที่คนทรงกำลังอยู่กับหลวงปู่นั้น
จู่ ๆ ก็มีหุ่นขี้ผึ้งลอยพุ่งมาจากหน้าต่าง ดิ่งตรงเข้ามาหาคนทรงทันที ทำให้คนทรงตกใจร้องดังลั่น และเมื่อหลวงปู่เห็นดังนั้น ท่านจึงเอาแก้วน้ำมาครอบหุ่นขี้ผึ้งไว้ และด้วยอานุภาพของหลวงปู่ หุ่นขี้ผึ้งก็เสื่อมฤทธิ์หายแว๊บ....กลายเป็นอากาศธาตุไปในทันที...
Cr. ร. ลิ่วเฉลิมวงศ์ สำนักสื่อธรรมะ
ตายแล้ว..ไปอยู่ที่ไหน |
พยากรณ์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำองค์ปัจจุบัน |
คลิกอ่านบทความแต่ละตอนของอานุภาพหลวงปู่ยุคต้นวิชชา
สยบ..ไสยเวท
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
03:15
Rating:
วิชชาธรรมกายสุดยอดกว่า
ตอบลบ