ชาวพุทธควรปฏิบัติตนอย่างไร จึงจะทําให้พระพุทธศาสนาเกิดความเจริญรุ่งเรืองทั้งในช่วงฤดูเข้าพรรษาและฤดูออกพรรษา?



ฤดูกาลเข้าพรรษาปีนี้ใกล้จะหมดไป จะออกพรรษาอีกไม่กี่วันนี้ ก็เป็นการเตือนกันว่า เราห่างจากเวลาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้านิพพานมากขึ้นอีก ๑ พรรษาแล้ว หรืออีกปีหนึ่งแล้วนั่นเอง

การที่ต้องบอกต้องเตือนก็เพราะว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้อยู่ภายใต้กฎของอนิจจัง ความไม่เที่ยงคือ ยิ่งนานไปเวลาผ่านไปเท่าไร ก็ห่างจากพุทธกาลมากเท่านั้น ยิ่งห่างจากพุทธกาลมาเท่าไร คำสอนอันแสนวิเศษของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งใช้ปราบกิเลสได้ ก็นับวันจะถูกลืมเลือนไป

ดังนั้น ก่อนจะออกพรรษา ก็เป็นเวลาที่เราจะได้มาทบทวนกันว่า ผ่านไปอีกปี ผ่านไปอีกพรรษา เราได้อะไรกันขึ้นมาบ้าง เพราะการเข้าพรรษานั้นเป็นประเพณีของชาวพุทธผู้ไม่ประมาท มิได้จำเพาะเจาะจงว่าเข้าพรรษาแต่เฉพาะพระภิกษุ

หลักการในพระพุทธศาสนานั้น ฤดูเข้าพรรษาแท้ที่จริงแล้วเป็นฤดูกาลที่ไม่ควรเอาแต่ทำมาหากินเท่านั้น แต่เป็นฤดูกาลแห่งการแก้ไขปรับปรุงตนเอง

สัตว์โลกทั้งหลายอยู่ได้ด้วยอาหาร ขาดอาหารก็อยู่ไม่ได้ แต่ถ้ามัวแต่ทำมาหากินมาเลี้ยงชีพอย่างเดียวโดยไม่แก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น มีความประพฤติอะไรที่ไม่เหมาะสมยังไม่ได้แก้ให้หมดไป ความประพฤติที่ไม่เหมาะไม่ควรเหล่านี้ ก็จะติดตัวข้ามภพข้ามชาติไปทำลายทำร้ายเราอีก

เพราะฉะนั้น ก็ต้องเร่งรัดหาวิธีที่จะแก้ไขตัวเอง แล้วก็ต้องหาทางเพิ่มพูนบุญกุศลและเพิ่มพูนนิสัยดี ๆ เพิ่มพูนคุณธรรม ศีลธรรมเข้ามาในตัวอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นต้องได้ทำภาวนาเพื่อกลั่นใจให้ผ่องใส

ฤดูเข้าพรรษาเป็นฤดูกาลที่เหมาะสมมากสำหรับการแก้ไขตนเองและเพิ่มพูนคุณธรรม คุณวิเศษให้แก่ตน เพราะว่าอุณหภูมิในฤดูนี้ก็แสนสบาย ไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไป เหมาะเหลือเกินที่จะให้เราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แล้วก็ได้ทำสมาธิ กลั่นกาย กลั่นใจให้ใส ให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา

ใครทำได้เท่าไรก็เกิดเป็นบุญขึ้นในตัวเองมากเท่านั้น บุญมีมากเท่าไร บุญก็กลั่นตัวเองให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นกลายเป็นบารมี สร้างบารมีมากเท่าไร บารมีก็กลั่นตัวยิ่งขึ้นไปอีก กลั่นมากเข้าๆ ก็กลายเป็นรัศมี ใครสร้างบุญ สร้างบารมีมาเข้า ๆ รัศมีก็เปล่งออกมานอกกาย

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้น ต้องสร้างบุญมามาก บุญกลั่นเป็นบารมียิ่งขึ้น บารมีที่สร้างมาก ๆ ก็กลั่นยิ่งขึ้นกลายเป็นรัศมี เมื่อพระองค์สร้างบุญ บารมี รัศมี ทับทวีแล้ว ทับทวีอีกยิ่ง ๆ ขึ้นไป รัศมีที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไปก็กลั่นไปอีกเป็นกำลังเป็นฤทธิ์ของพระองค์ ส่งเป็นทอดขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นพระองค์จึงได้มีกำลังเป็นพิเศษกว่าผู้อื่น

การสร้างบุญบารมีไปตามลำดับ ๆ อย่างนั้น สิ่งที่สำคัญก็คือต้องทำให้ครบทั้ง ๒ ส่วน

มนุษย์มี ๒ ส่วน คือ ส่วนหยาบกับส่วนละเอียด

มนุษย์ยังต้องกินข้าว ไม่อย่างนั้นกายเนื้ออยู่ไม่ได้ มนุษย์ยังต้องกิน ต้องใช้เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เพราะว่ายังหนาวยังร้อนอยู่ ต้องมีบ้านช่องห้องหอ เมื่อถึงคราวเจ็บไข้จำเป็นต้องใช้หยูกยา สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหยาบที่ต้องมีอยู่

ในเมื่อส่วนหยาบมีอยู่ และปัจจัย ๔ ตลอดจนอุปกรณ์เครื่องใช้ที่เนื่องด้วยปัจจัย ๔ เหล่านี้ช่วยให้เราอยู่เย็นเป็นสุขได้ ช่วยให้เราไม่ป่วยไม่ไข้ ช่วยให้มีเรี่ยวแรงมีพละกำลังที่จะให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา กลั่นกาย กลั่นใจให้ได้บุญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

แต่ส่วนหยาบคือกายของมนุษย์ทุกคนนั้น ประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ กลายเป็นเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายที่มีอายุจำกัด เพราะธาตุ ๔ นั้นไม่บริสุทธิ์ อายุของมันเลยสั้น เซลล์ในตัวจึงมีการตายอยู่ตลอดเวลา

เซลล์ที่ตายแล้วร่างกายจะขับออกมาในรูปขี้เหงื่อขี้ไคล เพราะฉะนั้นตัวมนุษย์ผลิตความสกปรกออกมาตลอดเวลา

ปัจจัย ๔ ที่นำมาใช้เมื่อสัมผัสถูกต้องกายเข้า สิ่งเหล่านั้นก็สกปรกตามไปด้วย ตัวของเรานับได้ว่าเป็นแหล่งผลิตความสกปรก เป็นแหล่งผลิตขยะที่ใหญ่ที่สุดของโลกเลย

เมื่อกายสกปรกเป็นนิจ ถ้ารักษาดูแลไม่ดี ก็แก่เร็ว ป่วยเร็ว แล้วก็จะตายทั้งตัว รวดเร็วกว่าปกติ

เมื่อความจริงเป็นอย่างนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงสอนพระภิกษุให้รู้จักรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี ดูแลสุขภาพให้เป็น โดยดูแลผ่านการพิจารณาการใช้ปัจจัย ๔ ให้ดี และใช้ให้เป็น

ในเรื่องปัจจัย ๔ เสื้อผ้าพระองค์ทรงให้มาชุดเดียว ดีไซน์เดียว เป็นผ้ากาสาวพัสตร์ใช้กันร้อนกันหนาว ไม่ได้มีใช้มากมายอย่างคฤหัสถ์ ที่อยู่อาศัยถ้าศรัทธาสาธุชนไม่มาสร้างให้ คงอยู่โคนไม้หรือกระต๊อบเล็ก ๆ แล้วครัวอาหารก็ย่อเหลือบาตรใบเดียว แล้วก็ออกบิณฑบาต เลิกแล้วซึ่งภาระเรื่องการหุงต้ม เพื่อว่าภิกษุทั้งหลายจะได้มีเวลามากขึ้น มีเรี่ยวแรงในการฝึกตัวเองมากขึ้น

ฝึกตัวเองด้วยการดูแลสุขภาพให้ดีเป็นพิเศษ ฝึกให้ใช้พละกำลังที่เกิดจากข้าวปลาอาหารจากญาติโยมให้เปลี่ยนมาเป็นบุญให้ได้มากเป็นพิเศษ เปลี่ยนมาเป็นสติเป็นปัญญาให้ได้มากเป็นพิเศษ จะได้สู้กับกิเลสได้ แล้วก็มีความสามารถที่จะมาแนะนำญาติโยมให้สู้กับกิเลสตามมาได้อีกด้วย พระกับโยมก็พึ่งพาอาศัยกันอย่างนี้

ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องการให้มีอายุขัยที่ยืนยาว เวลานั่งสมาธิก็มีกำลังกายที่กระปรี้กระเปร่า ไม่ง่วงเหงาหาวนอน ไม่อึดอัด แล้วก็ไม่ฟุ้งซ่านอีกด้วย ซึ่งการจะทำอย่างนี้ได้ เรื่องสำคัญคืออาหารที่นอกจากต้องถูกหลักอนามัยทั่วไปแล้ว อีก ๔-๕ คำจะอิ่มให้หยุด ถ้าไม่หยุดจะเป็นที่มาของโรคภัยไข้เจ็บและความง่วงเหงาหาวนอนต่าง ๆ

และที่ยิ่งไปกว่านั้น ข้าวแต่ละคำที่เคี้ยว เวลาเคี้ยวเอาใจนิ่ง ๆ วางไว้ที่กลางท้อง พอใจนิ่ง ๆ วางไว้กลางท้อง เดี๋ยวข้าวแต่ละคำที่กลืนลงท้องจะค่อย ๆ กลายเป็นดวงปฐมมรรคผุดขึ้นมา หรือข้าวแต่ละคำที่กลืนลงไป กลายเป็นองค์พระผุดเป็นสายขึ้นมา

สิ่งนี้สาธุชนก็ฝึกได้ ไม่เฉพาะแต่ภิกษุเท่านั้น พอเราฝึก ถ้าเราแบ่งเวลามาทำสมาธิมากเข้า แล้วก็สังเกตพิจารณาตัวเองให้มาเข้า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น

ฝึกควบคู่ทั้งหยาบและละเอียด  หยาบคือ กายเนื้อของเราเคี้ยวข้าวปลาอาหารที่เรากลืนกิน   ละเอียดคือใจที่อยู่นิ่ง ๆ ที่ศูนย์กลางกาย ในที่สุดแล้ว ข้าวปลาอาหารจะกลายเป็นดวงปฐมมรรคผุดขึ้นมา

ข้าวปลาอาหารแต่ละคำกลายเป็นองค์พระผุดขึ้นมาได้ เมื่อใจกำหนดนิ่ง ๆ ที่ศูนย์กลางกาย

ดังนั้น ไม่ว่าเราใช้ปัจจัย ๔ ใดก็ตาม เราก็ใช้ด้วยความระมัดระวังพร้อมกับกำหนดใจนิ่ง ๆ  ไว้ที่ศูนย์กลางกาย สุขภาพก็จะดีตามมา ปัจจัย ๔ ที่เอามาใช้นั้นก็หล่อหลอมละลายกับบุญที่อยู่ในตัว

เมื่อฝึกใจไปต่อเนื่อง  จากความรู้สึกว่า  เราอยู่ในองค์พระ  องค์พระอยู่ในตัวเรา  แต่พอพิจารณาด้วยใจนิ่ง ๆ มากเข้า ๆ เดี๋ยวเราก็เป็นพระ พระก็เป็นเรา เป็นอย่างนั้นได้จริง ๆ

ด้วยเหตุนี้ เพื่อให้เข้าถึงจุดนี้ คือใจเรากับองค์พระเป็นหนึ่งเดียวกัน นอกจากดูแลตัวเองให้ดีแล้ว ปัจจัย ๔ ก็ต้องดูแลให้ดี คือ ดูแลเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มให้ดี ดูแลบ้านช่องให้ดี ดูแลข้าวปลาอาหารให้ดี หยูกยาต่าง ๆ ใช้เท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งดูแลเรื่องรักษาความสะอาดกับความเป็นระเบียบให้ดี จะช่วยให้เรามีและใช้สิ่งเหล่านี้เท่าที่จำเป็น จะไม่ต้องใช้สิ่งของพวกนี้มากเกินเหตุ จะไม่ต้องมีภาระในการทำความสะอาดมากเกินเหตุ

เมื่อสะอาดและมีของไม่มากชิ้นและทำให้ไม่เสียเวลามาก ความรู้สึกหนึ่งจะเกิดขึ้นว่า ตัวเรามีความสะอาดทั้งข้างนอกข้างใน ในระดับหนึ่งขึ้นแล้ว แล้วใจจรดนิ่ง ๆ เข้า ใจจะหยุดนิ่งได้ง่าย แล้วความรู้สึกว่าตัวเราเป็นพระ พระเป็นเราจะเกิดง่ายขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ

นั่นเป็นเครื่องแสดงว่า ใจเราละเอียดยิ่งขึ้น เริ่มไปสัมผัสกับพระธรรมกายในตัวได้ แม้ยังไม่เห็นพระธรรมกาย แต่ความรู้สึกว่า เราเริ่มเป็นพระมันเกิดอย่างนั้นจริง ๆ       

ใครที่เริ่มมีอาการเหล่านี้แล้ว ก็ขอให้ทำต่อไป แล้วก็อย่าสงสัย ทำให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จากนั้นแล้วพระธรรมกายจะผุดขึ้นมา ปรากฏขึ้นมาชัดขึ้น ๆ

ขอให้ผู้ที่ไม่ประมาท รักการฝึกตนเอง มองภาพลำดับการฝึกตัวฝึกใจเหล่านี้ให้ดี แล้วก็ฝึกกันไป ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือเมื่อมาวัด ฝึกทุกย่างก้าวที่เราก้าวไปบนโลกนี้

เราก้าวไปถึงไหนจะไม่ไปทำความสกปรกให้กับที่นั้น ๆ

เราใช้ของอะไร จะไม่ทำให้สิ่งของเหล่านั้นสกปรกเปรอะเปื้อน

เราอยู่บริเวณไหน บริเวณนั้นก็ให้สะอาดสะอ้าน

บรรยากาศที่สะอาดสะอ้านตลอดนี่แหละ ความรู้สึกว่าตัวเรามีองค์พระ องค์พระอยู่ในตัวเราจะเริ่มเกิด แล้วจากนั้นเราเป็นพระ พระเป็นเราจะเกิดง่ายยิ่งขึ้น แล้วเมื่อถึงตอนนั้นพระธรรมกายจะเป็นเราขึ้นมาจริง ๆ และเรากับพระธรรมกายก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขึ้นมาจริง

ก่อนออกพรรษาครั้งนี้ ด้วยบุญที่ตั้งใจเข้ากะประพฤติปฏิบัติธรรมกันอย่างยิ่งยวดมาตลอดพรรษานี้ ดำเนินชีวิตแบบชาวพุทธผู้ไม่ประมาท ก็ขอให้ทุกท่านจงเข้าถึงพระธรรมกายโดยง่าย แตกฉานวิชชาธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้โดยง่าย ไปทุกภพ ทุกชาติ มีบุญ บารมี รัศมี กำลัง ฤทธิ์ ที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตามติดมหาปูชนียาจารย์ท่านไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมโดยไม่พลัดไม่พราก ไม่ตกไม่หล่น ได้เป็นอัศจรรย์ทุกท่านทุกคน เทอญ   


Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ  ฉบับที่ ๑๕๖  เดือนตุลาคม  พ.ศ. ๒๕๕๘

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนวิธี
ในพระไตรปิฎกมีหลักฐานบันทึกไว้
  





คลิกอ่านหลวงพ่อตอบปัญหาของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
ชาวพุทธควรปฏิบัติตนอย่างไร จึงจะทําให้พระพุทธศาสนาเกิดความเจริญรุ่งเรืองทั้งในช่วงฤดูเข้าพรรษาและฤดูออกพรรษา? ชาวพุทธควรปฏิบัติตนอย่างไร จึงจะทําให้พระพุทธศาสนาเกิดความเจริญรุ่งเรืองทั้งในช่วงฤดูเข้าพรรษาและฤดูออกพรรษา? Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 00:21 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.