สมุดไทย ใบลาน...งานศาสน์งามศิลป์

สมุดไทยบันทึกพระอภิธรรม  ๗  คัมภีร์

     ปลายพู่กันนฤมิตวิจิตรศิลป์              มรดกแผ่นดินถิ่นสยาม
สืบแนวทางสุนทรีย์ความดีงาม             ประกาศนามให้โลกลือเราคือไทย
ทุกจังหวะปากไก่คือสายหมึก               จากศรัทธาจารึกอักษรสมัย
ทุกสีสันเน้นวาดพิลาสพิไล                     คือแรงใจสร้างสรรค์จากบรรพชน
                                                                                         บุญเตือน  ศรีวรพจน์

เมื่อครั้งที่อุตสาหกรรมผลิตกระดาษยังไม่เจริญแพร่หลาย ผู้คนสมัยโบราณได้ใช้การเขียนบันทึกลงบนวัสดุต่าง ๆ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นจารึกบนแผ่นศิลา เปลือกไม้หรือภาชนะดินเผา แม้วัสดุดังกล่าวจะคงทนถาวร แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องน้ำหนักของวัสดุ ขนาดเนื้อที่ และความยากในการจารจารึก แต่ด้วยภูมิปัญญาของบรรพชนไทยจึงได้นำเอาส่วนประกอบของต้นไม้มาทำเป็นกระดาษเพื่อบันทึกเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งมีข้อดีคือน้ำหนักเบา บันทึกเรื่องราวได้มาก และเคลื่อนย้ายสะดวก


ดังปรากฏหลักฐานในหนังสือราชอาณาจักรสยามของราชทูตฝรั่งเศสนามว่า มองซิเออร์เดอ ลา ลูแบร์ ที่เข้ามายังราชสำนักกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ความตอนหนึ่งว่า “...ชาวสยามทำกระดาษจากผ้าฝ้ายเก่า ๆ และยังทำจากเปลือกต้นไม้ชนิดหนึ่งชื่อต้นข่อยอีกด้วย...

สมุดข่อยเรียกอีกอย่างว่าสมุดไทย เป็นหนังสือโบราณที่เกิดจากการสร้างสรรค์ด้วยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย โดยการนำเปลือกของต้นข่อยมาทำเป็นแผ่นกระดาษ มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ต่อเป็นแผ่นยาว แล้วพับทบกลับไปกลับมาเป็นเล่มสมุด รูปทรงเป็นปึกหนา มีความยาวและจำนวนหน้าตามต้องการ เวลาเปิดต้องเปิดจากด้านล่างขึ้นไปด้านบน ซึ่งต่างจากสมุดในปัจจุบันซึ่งเปิดจากขวามาซ้าย มี ๒ สี คือ สีขาว และสีดำ เรียกว่า สมุดขาว และ สมุดดำ

ตัวอย่างสมุดไทยเขียนอักษรด้วยหมึกสีต่าง ๆ จากธรรมชาติ
อาทิเช่น  สีขาวจากดินสอพอง  สีดำจากเขม่าไฟ  สีแดงจากชาด
สีเหลืองจากรง (ยางไม้)  และหรดาล (หินแร่)
หรือสีทอง จากทองคำเปลว เป็นต้น

แต่เดิมสมุดไทยมีไว้สำหรับบันทึกหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา  ต่อมาจึงใช้บันทึกข้อมูลความรู้เกี่ยวกับวิทยาการด้านต่าง ๆ ซึ่งบรรพบุรุษไทยสร้างสรรค์ไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ นอกจากบันทึกเรื่องราวเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว บางเล่มโดยเฉพาะสมุดข่อยที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ยังมีภาพจิตรกรรมประกอบเรื่องราวอยู่ด้วย ซึ่งล้วนเป็นภาพงดงามตามคตินิยมของวิจิตรศิลป์ไทยที่จิตรกรในแต่ละยุคสมัยได้บรรจงฝากไว้เพื่อรักษาและเผยแผ่พระศาสนาด้วยความเคารพบูชา ผลงานที่ออกมาจึงเป็นศิลปะที่งดงามวิจิตรบรรจง เปี่ยมด้วยคุณค่าทางด้านสุนทรียศาสตร์ ในขณะเดียวกันก็สะท้อนคตินิยมในแต่ละยุคสมัยอีกด้วย

สมุดภาพ ๒ เล่ม ของวัดปากคลอง จ.เพชรบูรณ์ เรื่องพระมาลัย ๑ เป็นสมุดไทยขาว เขียนด้วยหมึกสีดำ ตัวอักษรขอม เป็นภาพชายตัดฟืนกำลังเก็บดอกบัวเพื่อถวายแก่พระมาลัย

สมุดภาพเล่มที่ ๑ รูปแบบงานจิตรกรรมและตัวอักษรเป็นสกุลช่างที่สืบทอดมาจากสมัยอยุธยาโดยตรง จิตรกรวางองค์ประกอบของภาพได้อย่างลงตัว และใช้สีกลมกลืนได้อย่างงดงามไม่ว่าจะเป็นสีน้ำตาลของพื้นดิน สีกรักผ้าทรงของพระมาลัย และสีแดงของดอกไม้

สมุดภาพเล่มที่ ๒  รูปแบบงานจิตรกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น  สีและการวางองค์ประกอบคล้ายคลึงกับเล่มที่ ๑
สันนิษฐานว่า ใช้เป็นต้นแบบในการวาด แต่มีการเพิ่มรายละเอียดบางอย่างเข้าไป เช่น สีครามของท้องฟ้า
มีดในมือซ้ายของผู้ชายและมัดฟืนใกล้หนองน้ำ  แสดงให้เห็นถึงการถ่ายทอดแบบแผนหรือ ขนบของศิลปกรรมไทย
จากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งได้เป็นอย่างดี


นอกจากเปลือกของต้นข่อยแล้ว คนไทยโบราณยังนำใบของต้นลานมาทำหนังสือ แต่ต่างกันตรงที่ใบลานนิยมใช้บันทึกเรื่องราวทางพุทธศาสนามากกว่าเรื่องอื่น จึงเรียกกันทั่วไปว่า คัมภีร์ใบลานที่พระภิกษุมักใช้เวลาเทศน์สอนพุทธศาสนิกชน  ทั้งนี้เพราะใบจากต้นลานมีคุณสมบัติที่เบาและบาง สามารถเก็บรักษาหรือเคลื่อนย้ายได้สะดวกที่สำคัญคือคงทนถาวรมาก

แม้ว่าคัมภีร์ใบลานจะไม่มีภาพสีประกอบแบบสมุดไทย  ทว่าความวิจิตรงดงามก็สามารถเห็นได้จากการตกแต่งขอบคัมภีร์ ใบปกหน้า ปกหลัง และไม้ประกับรวมถึงผ้าเนื้อดีที่ใช้ห่อใบลาน  แม้แต่ฉลากก็นิยมประดิษฐ์ให้งดงามด้วยวัตถุชนิดต่าง ๆ เช่น งาหรือไม้ จำหลักด้วยศิลปะนูนต่ำเป็นลวดลายต่าง ๆ เป็นต้น


สมุดไทยและคัมภีร์ใบลานเป็นสมบัติล้ำค่า เป็นเอกสารโบราณของชาติที่นับวันจะหาดูได้ยากยิ่ง เส้นสายและลายสีที่ปรากฏล้วนเกิดจากการบรรจงสรรค์สร้างของจิตรกรเอกและยอดนักปราชญ์แห่งยุค สมุดไทยและใบลานจึงบรรจุทั้งถ้อยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอดผสานกับภาพวิจิตรงดงามที่บ่งบอกถึงจิตใจที่เปี่ยมศรัทธาและอ่อนโยนยิ่งของชาวพุทธ จนเป็นศิลปะในงานพระพุทธศาสนาที่งดงามชิ้นหนึ่งของโลก ทั้งล้ำค่าในงานพระศาสน์และทรงคุณค่าด้วยความงามแห่งศิลป์ พุทธศาสนิกชนเช่นเราจึงมิควรแค่ภูมิใจในศรัทธาและภูมิปัญญาของบรรพชนเท่านั้น  แต่ควรแสดงพลังศรัทธาช่วยกันสืบทอดงานศาสน์และสืบสานงานศิลป์นี้ให้ดำรงอยู่คู่ชาติและพุทธศาสนาตลอดไป..

อ้างอิง
บุญเตือน  ศรีวรพจน์, ประสิทธิ์  แสงทับ. สมุดข่อย. กรุงเทพ : องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๔๒.


Cr. Tipitaka (DTP)
สมุดไทย ใบลาน...งานศาสน์งามศิลป์ สมุดไทย ใบลาน...งานศาสน์งามศิลป์ Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 01:41 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.