รักษ์ศาสน์ วาดศิลป์ แผ่นดินสยาม


บรรพชนชาวสยามน้อมรับเอาพระพุทธศาสนามานับถือและรักษาไว้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนผ่านมากี่ยุคสมัย ผ่านมากี่แผ่นดิน อาณาประชาราษฎร์ล้วนอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเป็นสุขภายใต้พระบรมโพธิสมภารแห่งพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็น ธรรมราชาองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ปกครองแผ่นดินโดยธรรมตามหลักพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

แม้พระมหากษัตริย์จะได้รับการยกย่องประดุจสมมุติเทพ แต่พระองค์ทรงเคารพบูชาพระรัตนตรัยเหนือสิ่งใด ดังจะเห็นได้จากจารึกวัดป่ามะม่วง จารึกด้วยอักษรขอมสุโขทัย ภาษาเขมร เมื่อ  พ.ศ. ๑๙๐๔ ด้านที่ ๒ บรรทัดที่ ๔๔-๔๗ ว่า

“ พระบาทกัมรเดงอัญศรีสุริยพงศ์รามมหาธรรมราชาธิราช
 เสด็จยืนขึ้นยกอัญชลีนมัสการพระพุทธรูปทอง
 และพระไตรปิฎกที่เก็บไว้บนพระราชมณเฑียร ”   

จารึกวัดป่ามะม่วง  บนหินแปร
กว้าง  ๓๐  ซม. สูง ๒๐๐ ซม. หนา ๒๙ ซม.

จารึกดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คัมภีร์พระไตรปิฎกถูกจารขึ้นในแผ่นดินสยามตั้งแต่หลายร้อยปีมาแล้วเป็นอย่างน้อย และได้รับการดูแลรักษาอย่างดีภายในพระราชมณเฑียร ซึ่งแม้แต่กษัตริย์ก็ทรงให้ความเคารพพระธรรมคำสอนนั้น

แม้เราจะทราบว่ามีการจารคัมภีร์พระไตรปิฎก และการสร้างอาคารเพื่อเก็บรักษาพระไตรปิฎกในแผ่นดินสยามมานานแล้ว แต่ยังไม่มีหลักฐานใดระบุชี้ชัดว่าชาวสยามเริ่มรู้จักใช้ตู้พระธรรมตั้งแต่เมื่อใด เราสามารถสันนิษฐานได้เพียงว่า เมื่อมีการสร้างหอไตรขึ้น ก็น่าจะมีการสร้างสิ่งที่บรรจุคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานอย่างเหมาะสม และมีการตกแต่งที่ประณีตงดงาม ให้สมกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระคัมภีร์อันเป็นตัวแทนของพระบรมศาสดา

เชื่อกันว่าตู้พระไตรปิฎก หรือตู้พระธรรม หรือเป็นที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่าตู้ลายรดน้ำ แต่เดิมเป็นหีบที่ใช้เก็บเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มของคหบดีหรือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ตกแต่งด้วยลายรดน้ำ เมื่อเจ้าของหีบเสียชีวิตไป ลูกหลานจึงนำมาถวายวัดให้เป็นบุญกุศล  พระภิกษุจึงนำมาใช้เพื่อเก็บรักษาคัมภีร์
หีบพระธรรมลายรดน้ำ  ศิลปะอยุธยา
พุทธศตวรรษที่ ๒๓  ไม้ลงรักปิดทอง

ตู้ที่ทำขึ้นใช้สำหรับบรรจุพระไตรปิฎกจริง ๆ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ส่วนบนสอบเข้าทำให้ดูแคบกว่าตอนล่าง ตกแต่งด้วยลายรดน้ำหรือลงรักปิดทอง ภาพลายรดน้ำทั่วไปเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ภาพเทวดาทวารบาล ภาพธรรมชาติ เป็นต้น แม้ความนิยมของลวดลายจะแตกต่างไปตามยุคสมัย  แต่ผลงานที่ช่างศิลป์สรรค์สร้างขึ้นล้วนสะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะฝากผลงานชั้นเลิศของตนไว้เคียงคู่และปกปักรักษาคำสอนของพระบรมครู อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองในแต่ละยุคสมัยอีกด้วย
ตู้พระธรรม  ศิลปะอยุธยา  ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๓
ไม้ลงรักปิดทองประดับกระจก

อาทิเช่นความงดงามประณีตและความมีชีวิตชีวาอย่างหาที่ติไม่ได้ของงานศิลป์ลายรดน้ำสมัยอยุธยา กระหนกเปลวที่มีพลังและเป็นกลุ่มก้อนแสดงให้ประจักษ์ถึงความภาคภูมิใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ ความสงบผาสุกของราษฎร โดยเฉพาะลวดลายรดน้ำช่วงอยุธยาตอนปลายที่มีความสลับซับซ้อน อ่อนช้อย สะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองและสังคมที่หรูหราในช่วงปลายอาณาจักร
สมัยอยุธยาตอนกลางจนถึงอยุธยาตอนปลาย  มักเขียนภาพเทวดาทวารบาลขนาดใหญ่บนบานประตูตู้พระไตรปิฎก
คือ รูปเทวดายืนบนแท่น มีพระรัศมีรอบพระเศียร มียักษ์แบกแท่นสูงเต็มสองบานประตูตู้  สันนิษฐานว่า
มีจุดประสงค์เพื่อให้เทวดารักษาคุ้มครองคัมภีร์พระไตรปิฎกให้อยู่รอดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง
สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีการเจริญสัมพันธไมตรีการค้ากับชาวต่างประเทศ  จึงมีการเขียนภาพกษัตริย์
ชาวต่างชาติขึ้นบนบานประตูตู้พระไตรปิฎก  ฝั่งขวาเป็นภาพพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔  กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส
ส่วนบานประตูฝั่งซ้ายเป็นรูปกษัตริย์เปอร์เซีย  แสดงว่ารัชสมัยนี้มีความโดดเด่นด้านการค้าและ
การทูตกับต่างประเทศเป็นอย่างดี

ซึ่งต่างจากลวดลายหลังสงครามสมัยกรุงธนบุรีเชื่อมต่อถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ช่วงรัชกาลที่ ๑-๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นช่วงที่บ้านเมืองผ่านความคุกรุ่นของสงคราม สถาปัตยกรรมอันงดงามและคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาถูกเผาทำลายไปมาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสละพระราชทรัพย์จ้างช่างจารจารึกพระไตรปิฎกลงในใบลาน สร้างตู้ใส่ไว้ในหอมณเฑียรธรรม และสร้างพระไตรปิฎกถวายพระสงฆ์ไว้ในพระอารามหลวงทุกแห่ง ส่วนศิลปะลายรดน้ำบนตู้พระไตรปิฎกในช่วงนี้ยังคงความงามเพราะสืบต่อจากสมัยอยุธยาอันรุ่งเรือง แต่ความสูญเสียจากสงครามบั่นทอนขวัญและกำลังใจของช่างศิลป์ทำให้งานที่ออกมาแม้จะไม่ด้อยค่าความงาม แต่ไม่มีพลังและไม่เป็นกลุ่มก้อนเหมือนก่อน

ซ้าย  คัมภีร์มหาวคฺคนิสฺสย
ขวา  คัมภีร์นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยวณฺณนา
สมนฺตปาสาทิกา  วินยฏฺฐกถา  ฉบับทองชุบ

สถาปัตยกรรม จิตรกรรม ประติมากรรมทั้งหลายที่ยังปรากฏให้เราเห็นในทุกวันนี้นั้น  ผ่านกาลเวลามาหลายยุคสมัย และล้วนแล้วแต่เป็นศิลปะที่สะท้อนถึงสภาพความรุ่งเรืองของสังคม การดำเนินชีวิต และจิตใจของคนในชาติที่ช่างศิลป์ในยุคสมัยนั้น ๆ สื่อออกมาให้คนรุ่นหลังทราบ ภายใต้ความงามของศิลปะทุกแขนงจึงมีเรื่องราวแทรกอยู่ ให้มองเห็นสังคมที่สงบสุขไพร่ฟ้าหน้าใส หรือให้รู้สึกถึงช่วงเวลาทุกข์ยากที่มีสงคราม มีการรบพุ่งฆ่าฟันกัน พระพุทธศาสนาในสยามเองก็เดินทางผ่านทั้งแสงเพลิงแห่งสงคราม ทั้งรุ่งเรืองในยามที่แผ่นดินสงบ แต่ไม่ว่าจะผ่านช่วงเวลาใด ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของผู้คนยังมั่นคง และแสดงออกมาในรูปแบบศิลปะแขนงต่าง ๆ ทั้งสถาปัตยกรรมโบสถ์ วิหาร ที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งลายภาพจิตรกรรมที่บรรจงวาดไว้  ทั้งความงดงามของลายรดน้ำบนตู้พระไตรปิฎกที่งามสมศรัทธาแห่งช่างศิลป์แผ่นดินสยามวาดไว้ให้เป็นที่ประจักษ์ว่า จะปกปักรักษาคัมภีร์ที่จารจารึกพระธรรมคำสอนอันล้ำค่าให้ปลอดภัย ขณะเดียวกันก็บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของประวัติศาสตร์แผ่นดินสยามให้คนรุ่นหลังภาคภูมิใจในความเป็นชาติ  และให้ยืนหยัดรักษาพระศาสนาให้คู่แผ่นดินไทย แผ่นดินธรรมตลอดไป..

Cr. Tipitaka (DTP)
รักษ์ศาสน์ วาดศิลป์ แผ่นดินสยาม รักษ์ศาสน์ วาดศิลป์ แผ่นดินสยาม Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 19:39 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.