ความเคารพ อดทน และมีวินัย ทำให้คุณยายเป็นผู้มีคุณธรรมสูงสุด


ทุกครั้งที่หลวงที่มีโอกาสได้กราบพระ จะกราบพระประธานที่โบสถ์ก็ดี หรือกราบพระประธานที่ไหนก็ตาม จะส่งใจนึกถึงพระคุณอันสูงสุดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ

กราบครั้งที่ ๑ ระลึกถึงความเป็นผู้มีปัญญาธิคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
กราบครั้งที่ ๒ ระลึกถึงความเป็นผู้มีบริสุทธิคุณ
กราบครั้งที่ ๓ ระลึกถึงความเป็นผู้มีกรุณาธิคุณ

หมายความว่ามนุษย์แต่ละท่าน ถ้าจะทําความดี บําเพ็ญบารมีให้สูงสุดแล้ว ที่สุดของการสร้างความดีบารมีนั้นก็คือ คุณธรรม ๓ ข้อนี้แหละ คือปัญญาธิคุณ กรุณาธิคุณ และบริสุทธิคุณ แต่ ๓ ข้อนี้ไม่ใช่มาอย่างง่ายๆ บุคคลท่านนั้นจําเป็นจะต้องมีการฝึกฝนตนเองเป็นขั้นเป็นตอน ซ้ำแล้วซ้ำเล่านับภพนับชาติไม่ถ้วน และความดีที่จะมารองรับคุณธรรม ๓ ประการนั้นก็คือ บุคคลใดก็ตาม ถ้าจะมีปัญญาธิคุณ จะต้องมีความเคารพเป็นอย่างยิ่ง ความเคารพนี่แหละจะเป็นที่มาของความรู้ เป็นที่มาของปัญญาทั้งทางโลก และทางธรรม

ความเป็นผู้มีวินัย รักษากฎระเบียบ กฎหมายอะไรต่างๆ หรือแม้กระทั่งศีล ศีลาจารวัตรต่างๆ ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือ ๒๒๗ นั้น ถ้าทําอย่างที่สุดแล้วก็จะเป็นที่มาของความเป็นผู้บริสุทธิ์ และอีกเช่นกันจะต้องมีความอดทนเป็นอย่างยิ่ง จึงจะได้มาซึ่งความเป็นผู้มีกรุณาธิคุณ

๓ สิ่งนี้พวกเรา ถ้ามีโอกาสได้ท่อง มีโอกาสได้อ่าน หลวงพี่มั่นใจว่าพวกเราอาจจะไม่ซึ้ง แต่เพราะมีคุณยาย มีหลวงพ่อ มีหมู่คณะ ทําให้ภาพการสร้างบารมี ซึ่งอยู่ในพระไตรปิฎก มีเกือบทุกพระสูตรทีเดียว เห็นได้ว่าไม่ยากเกินไป มีต้นแบบอยู่ใกล้ๆ ตัว และโชคดียิ่งกว่านั้น เรามีครูร่วมสมัย ไม่ใช่ครูในหนังสือ แต่เป็นครูที่เราได้กราบไหว้จริงๆ ได้ทําบุญกับท่าน พวกเราเป็นผู้มีโชคดีที่ได้เจอครูดีๆ

คุณยายของเรา ท่านสั่งสมคุณธรรม ๓ ข้อนี้มาตลอดชีวิต ท่านสั่งสมมาข้ามภาพข้ามชาติ ตลอดชีวิตของคุณยายนี่ ถ้าจะสรุปแบ่งเป็น ๓ ช่วง ชีวิตของคุณยาย ช่วงแรก ช่วงกลาง และช่วงปลาย

ช่วงแรกคือช่วงวัยเด็ก คุณยายของเราสร้างความดีต่างๆ ขยันขันแข็ง จนได้รับฉายาหรือสมญานามในสมัยนั้น "แข้งเหล็ก" หมายความว่าในบรรดาเพื่อนๆ นั้นเป็นลูกชาวนา นาแปลงไหนก็ตามที่ว่าขยันแล้ว ลองมาเจอคุณยาย สู้ไม่ได้ นาของคุณยาย วัชพืชไม่มีเลย ผลผลิตทุกอย่างสูงหมด นี่คือความขยันของคุณยาย จึงได้สมญานาม ในยุคแรกว่าแข้งเหล็ก ถ้าไม่มีความอดทน ไม่มีความเคารพ และไม่มีวินัยล่ะก็ เด็กอายุ ๑๒ ขวบ คงไม่ได้ฉายาอย่างนี้หรอก

ต่อมามีเรื่องสะเทือนใจคุณยาย คือ เรื่องที่คุณพ่อเมาสุราแล้วทะเลาะกับคุณแม่ในยุคนั้น จนมีปากเสียงกัน เพราะฤทธิ์สุรา ทําให้ท่านขาดสติ เผลอกล่าวแช่งคุณยายให้หูหนวก ๕๐๐ ชาติ คําพูดประโยคนี้ได้ฝังใจคุณยายในวัย ๑๒ ขวบ แล้วคุณยายก็มีความตั้งใจว่า สักวันหนึ่งก่อนที่คุณพ่อจะจากไป จะขอขมาให้ได้ ความที่อยากจะขอขมาคุณพ่อฝังอยู่ในใจคุณยายมาตลอด อันนี้เป็นเครื่องวัดได้อย่างหนึ่ง ว่าคุณยายของเรานั้นเป็นผู้มีความเคารพ เคารพต่อคุณพ่อคุณแม่จริงๆ เคารพแล้วก็เชื่อในคําให้พร หรือคำแช่งของคุณพ่อคุณแม่

จนในที่สุดพออายุ ๑๘ ปี คุณยายได้ยินข่าวหลวงปู่วัดปากน้ำสอนวิชชา ให้คนเข้าถึงพระธรรมกายได้ แล้วไปนรกสวรรค์ได้ ความปรารถนาเดิมก็พุ่งขึ้นมา ดีใจที่สุด จะได้ไปขอขมาแล้ว แต่ว่ายังไปไม่ได้ เพราะว่าฐานะที่บ้านยังไม่ลงตัว ก็ใช้ความอดทนนั่นแหละ พยายามทำงานต่างๆ ทําไร่ทํานา และในที่สุดคุณยายก็สามารถปลดหนี้ปลดสิ้นอะไรต่างๆ ได้ มีฐานะที่มั่งคั่งขึ้นมาทีเดียวในยุคนั้น

อายุคุณยายล่วงมาถึงใกล้ๆ เบญจเพส คุณยายได้ติดสินใจออกจากบ้าน มีเป้าหมายว่าจะไปหาหลวงปู่วัดปากน้ำฯ ให้ได้ ก็ใช้ปัญญา รู้ว่ามีคุณนายเลี๊ยบที่เป็นเศรษฐีใหญ่พาหุรัด อุปัฏฐากหลวงปู่วัดปากน้ำฯ ก็ยอมตนเป็นคนใช้เขา นี่แหละคือคุณยายจะต้องใช้ความอดทนทีเดียว จากคนที่อยู่สบายเป็นปกติ ชีวิตราบรื่นตลอด ลดตัวเป็นคนใช้เพื่อจะได้เป็นสะพานไปถึงหลวงปู่วัดปากน้ำฯ จุดนี้ก็ไม่ใช่ธรรมดา คุณยายทําได้สําเร็จ

ในที่สุดแล้วก็สามารถได้พบคุณยายทองสุก และสามารถเข้าถึงพระธรรมกาย ไปช่วยคุณพ่อได้ ความตั้งใจที่อยู่ในใจ ๑๐ กว่าปีก็บรรลุผล คือได้ไปขอขมาคุณพ่อ ไปช่วยคุณพ่อได้ การทําอย่างนี้ได้ ถ้าไม่ใช่มีคุณธรรมความเคารพ ทำไม่ได้ ความเคารพนี่ฝังแน่นอยู่ในวิสัยของยายจริงๆ ทําให้คุณยายสามารถทําสิ่งที่ตั้งใจ ซึ่งแม้ยาวนาน ก็ทําได้สําเร็จ ไปขอขมาแล้วก็ช่วยคุณพ่อได้ น้อยคนนักที่จะทําอย่างนี้ได้

ในที่สุดแล้วยายก็ได้ทําวิชชา ได้เรียนรู้วิชชาที่หลวงปู่วัดปากน้ำฯ ได้ค้นพบขึ้นมา และวิชชานี้แหละได้ช่วยปลดทุกข์มนุษย์ และทุกข์ที่สุดในยุคนั้นก็คือสงครามโลกครั้งที่ ๒ คุณยายได้ช่วยเต็มที่ คุณยายของเราท่านมีความอดทนและมีวินัยอย่างยิ่ง ระเบียบต่างๆ ของวัดปากน้ำฯ ของหลวงปู่วัดปากน้ำฯ คุณยายสอบผ่านหมดทุกอย่างเลย

สังเกตว่าคุณยายจะไปไหนก็ตาม ท่านชนะใจคนทั้งหมดเลย ยุคเด็กก็คือชนะใจเพื่อนๆ ยุคกลางก็ชนะใจครูบาอาจารย์ หลวงปู่วัดปากน้ำฯ ให้สมญานามหนึ่งไม่มีสอง พอมายุคปลายของท่าน ก็ชนะใจลูกศิษย์คือ ก่อนที่หลวงปู่วัดปากน้ำฯ จะมรณภาพ ท่านได้ฝากให้ช่วยกันขยายงานวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก หลวงปู่วัดปากน้ำ สั่งครั้งเดียว ๕ ปี ก่อนมรณภาพ สั่งแค่ครั้งเดียว ไม่มีซ้ำสอง ไม่ต้องเขี่ยกันบ่อยๆ ไม่ต้องเตือนกันบ่อยๆ คุณยายทรงจํา เคารพในคําสั่ง และเอาคำสั่งนี้แหละมาปฏิบัติ ไม่ไปไหนอยู่วัดปากน้ำฯ อยู่สอนธรรมะจนพบหมู่คณะ ก็คือหมู่คณะของหลวงพ่อธัมมชโยและพวกเราในยุคต้นๆ เพราะความอดทนนั่นแหละทําให้คุณยายสามารถทําคําสั่งของหลวงปู่วัดปากน้ำฯ ได้สําเร็จ และคําสั่งที่บอกว่าช่วยกันขยายวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก ประโยคเดียวสั้นๆ แต่ทําทั้งชีวิต ไม่ใช่แค่แป๊บเดียว แล้วก็จบ แล้วก็กลับบ้านนอน ไม่ใช่ ต้องทําทั้งชีวิตทีเดียว ทําอย่างไรให้วิชชาธรรมกายขยายไปทั่วโลกได้ ต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ หลวงปู่วัดปากน้ำฯ ก็สิ้นบุญไปแล้ว คุณยายก็ไม่รู้หนังสือ ก. ข. ก็อ่านไม่ออก

แต่คุณยายมีสิ่งๆ หนึ่งเป็นตัวผลักดันให้คุณยายสามารถบรรลุเป้าหมายได้ สิ่งๆ นั้นก็คือ “จริงตัวเดียว” คำว่าจริงตัวเดียวนี่แหละ ทําให้คุณยายสามารถแปลงคําสั่งของครูบาอาจารย์ให้เป็นรูปธรรมและถึงเป้าหมายได้ คุณยายเคยบอกไว้ว่า “คนเรานี่ จะทําอะไรก็ตาม ขอให้ทําให้จริง ดูอย่างยาย ความรู้ก็ไม่มี ปริญญาก็ไม่ได้ ยายมีแต่จริงอย่างเดียว ยายยังสร้างวัดได้ นี่เป็นคําพูดของคุณยาย แล้วยายก็พิจารณาดูว่าเที่เขาทํากันไม่ได้ ไม่สําเร็จ เพราะเขาทำไม่จริง"

พอยายมีคําว่าจริงก็ทําได้ การสอนธรรมะก็สอนได้ การขยายวิชชาธรรมกายไปทั่วโลกนั้น ก็ได้แต่คุยายทําครบวงจร คุณยายของเราเก่ง แม้ไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ได้เรียนหลักการบริหารอะไรทั้งสิ้น แต่คุณ ยายทําไมมองออก ว่าจะทํางานใหญ่ต้องทํางานเป็นทีม ทําเดี่ยวไม่ได้ และคุณยายมีความตั้งใจว่าสักวันหนึ่ง คุณยายจะต้องสร้างวัดให้ได้ พอยายมีโอกาส ยายก็สร้างวัด เพราะเห็นว่าการสร้างวัดจะเป็นที่มาของการรวบรวมหมู่คณะที่จะสร้างบารมีกันเป็นทีมได้

คุณยานทํางานอย่างมีแผนงาน ทั้งศาสตร์และศิลป์ การจะสร้างวัด จะสร้างวัตถุ ต้องสร้างคนก่อน คุณยายมาสร้างทีมงานก่อน จะสร้างทีมงานได้คุณยายก็มองว่าต้องมีต้นแบบก่อน ต้นแบบของคุณยายในยุคนั้นก็คือ ๒ ท่าน ฝ่ายชายก็คือ หลวงพ่อธัมมชโยเป็นต้นแบบ ให้ทีมงานในยุคนั้นดูเป็นต้นแบบ ฝ่ายหญิงก็ป้าเข่ง (เข่งแข จิระชุติโรจน์) เป็นต้นแบบของฝ่ายหญิง เมื่อได้ต้นแบบซ้ายขวา ชายหญิงแล้ว ก็ขยายทีมงานออกไปอย่างเป็นขั้นตอน และมีศิลปะ แล้วประคับประคองให้หมู่คณะได้สร้างบารมีอย่างเต็มที่

คุณยายเริ่มต้นสร้างวัดด้วยทุนเพียง ๓,๒๐๐ บาท ในวันมาฆบูชา ปีพ.ศ. ๒๕๑๓ ด้วยมโนปณิธานที่จะสร้างวัดให้เป็นวัด สร้างพระให้เป็นพระ สร้างคนให้เป็นคนดี ด้วยหลักปฏิรูปเทส ๔ สัปปายะ ๔ วัดของคุณยาย จึงเติบโต ก้าวหน้า เจริญรุ่งเรืองทุกด้าน ทั้งวัตถุ บุคคล จิตใจ

คุณยายและหลวงพ่อขยายวิชชาแบบรุกในรับ คือทําวัดให้ดี ทำพระให้ดี ทําคนให้เป็นคนดี มีศีลธรรม นี่คือยุทธศาสตร์การเผยแผ่ธรรมไปทั่วโลกอันชาญฉลาดของคุณยายที่เข้าเป้าแบบประหยัดสุดประโยชน์สูง

เรื่อง : พระสังสิทธิ์ สิทธิวัทฒโน
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๙ ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖


พระสังสิทธิ์ สิทธิวัทฒโน
***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/1-GH37LtVWV9JrKJ74Brr0UuJgVWg1W_d/view

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/09YNB_4607/09YNB_4607.html

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๙ ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่





ความเคารพ อดทน และมีวินัย ทำให้คุณยายเป็นผู้มีคุณธรรมสูงสุด ความเคารพ อดทน และมีวินัย ทำให้คุณยายเป็นผู้มีคุณธรรมสูงสุด Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 01:19 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.