เหล่ากอสมณะ...ผู้ได้โอกาส


"...สุดบูชาของลูก...
...หากลูกยังเวียนว่ายในวัฏสงสาร
อยู่เคียงข้างพ่อและแม่จวบจนสิ้นชีวี
ดุจจมสู่ก้นมหานทีพร้อมกัน
ชาวโลกย่อมสรรเสริญอยู่
แต่ลูกจากพ่อและแม่ไปในครานี้
ปรารถนาจะสั่งสมบารมี
ด้วยรู้ซึ้งแล้วว่า
พระมหากรุณาธิคุณของพระบรมศาสดานั้น...
...ก่อประโยชน์แก่ลูกและหมู่สัตว์เพียงใด...
ดูประหนึ่งลูกจะจากไปหาความสุขผู้เดียว
ชาวโลกจะติฉินนินทา ประการใด
ลูกก็ปรารถนาจะให้พ่อและแม่ได้รับรู้ว่า
ในการจากไปครั้งนี้...
มีจิตแน่แน่ว จะแสวงหานาวา
เพื่อจะกลับมารับผู้ที่ลูกรักดังดวงใจ ได้ไปอยู่ ณ ที่เดียวกัน
...ในวันที่ไม่มีมหานทีใดใด... ให้เราต้องเวียนว่ายอีก”
______________________

สายตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของสามเณรร่างเด็ก ทว่าแฝงดวงใจยิ่งใหญ่อยู่ภายใน สะพายบาตรด้วยกิริยาสงบสำรวมน่าเลื่อมใส เดินออกมาจากประตูอุโบสถด้านทิศใต้ ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีบรรพชา

สีเหลืองเรืองรองของผ้ากาสาวพัสตร์ ซึ่งเป็นประดุจธงชัยของพระอรหันต์ ช่วยขับผิวนวลใสของสมณะน้อยให้ดูสว่างไสวยิ่งขึ้น หยาดน้ำตาของผู้เป็นบิดามารดาผู้ให้กําเนิดเอ่อล้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้ทัศนาบุคคลอันเป็นที่รักตรงหน้า ด้วยความปีติตื้นตันใจเหลือที่จะกล่าว

...เฉกเช่นความรู้สึกของสามเณรดุจเดียวกัน...

ท่านทั้งสองก้มลงกราบสามเณรลูกชายด้วยความเคารพรักอย่างยิ่ง ภูมิใจว่า บัดนี้ ท่านได้ยกฐานะจากผู้นับถือพระรัตนตรัย ขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัยแล้ว เป็นพุทธบุตรผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ควรแก่การเคารพกราบไหว้ ท่านคือเนื้อนาบุญอันประเสริฐแก่หมู่ญาติ โดยเฉพาะบิดามารดาผู้อนุโมทนาบุญการบวช ย่อมได้อานิสงส์ใหญ่ ในฐานะญาติแห่งพระศาสนา ซึ่งมีค่ายิ่งกว่าตําแหน่งของพระเจ้าจักรพรรดิเสียอีก

ด้วยว่าพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้มีรัตนะ ๗ ประการ ยังเทียบค่าไม่ได้กับพระรัตนตรัย อันได้แก่ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ซึ่งเป็นรัตนะล้ำค่าในโลก ไม่มีรัตนะใดยิ่งกว่า

ดังนั้น การเป็นญาติแห่งพระศาสนา จึงเป็นทางมาแห่งมหากุศลอันไม่มีประมาณ

เช่นเรื่องราวในสมัยหลังพุทธปรินิพพาน เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช พระมหากษัตริย์ผู้มีศรัทธาอย่างยิ่งในพระพุทธศาสนา โปรดให้สร้างพระสถูปเจดีย์ทั่วชมพูทวีป ๘๔,๐๐๐ องค์ เท่ากับจํานวนพระธรรมขันธ์ หลังจากสร้างเสร็จแล้ว ได้กระทําการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เป็นเวลานานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน

ตลอดระยะเวลาการเฉลิมฉลองทั่วทั้งเมืองตกแต่งประดับประดาอย่างวิจิตรงดงาม ด้วยดอกไม้ของหอมนานาชนิด และตามประทีปโคมไฟให้สว่างไสวทั้งกลางวัน กลางคืน ไม่เคยว่างเว้นจากเสียงความรื่นเริงแห่งมหรสพ ผู้คนตั้งใจบำเพ็ญทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชามิได้ขาด

พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงมีมหาปีติอย่างยิ่ง กล่าวถามพระอรหันตเถระรูปหนึ่งว่า ท่านบำเพ็ญบุญมากถึงเพียงนี้ ได้ชื่อว่า เป็นญาติในพระศาสนาแล้วหรือยัง พระเถระกล่าวว่า “ขอเจริญพร มหาบพิตร การสร้างมหากุศลในครั้งนี้ จัดว่าเป็นทานบดีเท่านั้น ยังไม่ถือเป็นญาติแห่งพระศาสนา”

พระเจ้าอโศกมหาราช ได้ฟังดังนั้น ทรงตกพระทัย และตรัสถามว่าต้องทําบุญเท่าไหร่ ด้วยอะไร จึงจะถือได้ว่าเป็นญาติแห่งพระศาสนา พระเถระตอบว่า ต้องเป็นผู้อนุญาตให้กุลบุตรกุลธิดาได้บวช จึงนับเป็นญาติแห่งพระศาสนาอย่างแท้จริง เมื่อฟังดังนั้นพระเจ้าอโศกมหาราชจึงมีพระราชานุญาตให้พระโอรส และพระธิดา อุปสมบทในพระพุทธศาสนา ซึ่งต่อมาได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ทั้งสองรูป เป็นกำลังสําคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคหลังพุทธปรินิพพาน

แม้เหตุการณ์แห่งความปีติ ของการได้บำเพ็ญมหากุศลอันยิ่งใหญ่ในอดีต จะล่วงเลยมานานนับพันปี แต่ความรู้สึกของพระเจ้าจักรพรรดิผู้เกรียงไกรในบัดนั้น ไม่แตกต่างจากความรู้สึกของบิดามารดา ผู้อนุญาตให้สามเณรได้บวชในบัดนี้ ด้วยว่า ท่านทั้งสองเป็นผู้เข้าถึงความโชคดีที่ได้มาโดยยาก คำพูดสักล้านคำ คงไม่อาจแทนความรู้สึกภาคภูมิใจได้หมดสิ้น เมื่อได้เห็นสามเณรลูกชายเป็นผู้ “ได้โอกาส” แห่งความสุขที่แท้จริง คือ อริยทรัพย์อันประเสริฐ ซึ่งคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนยากจะกระทําให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ได้โดยง่าย

บนหนทางชีวิต
บนหนทางชีวิต ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเดินและการตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตบนเส้นทางธรรมตั้งแต่วัยเยาว์นั้น นับเป็นสิ่งที่กระทําได้โดยยาก ต้องเป็นบุคคลผู้มีดวงปัญญาสว่างไสว อันเกิดจากการสั่งสมบุญบารมีมานับภพนับชาติไม่ถ้วน จึงมองเห็นคุณประโยชน์ จากการฝึกฝนอบรมตนตามพระธรรมวินัย ในขณะที่ร่างกายยังแข็งแรง สติปัญญายังแจ่มใส ย่อมไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงไปด้วยความไม่ประมาทในชีวิต

ชีวิตของสามเณรในยามนี้ จึงเป็นเวลาที่มีคุณค่ายิ่ง ด้วยรู้ซึ้งแล้วว่า เวลาในชีวิตแสนสั้น เหมือนรอยไม้ที่ขีดลงไปในน้ำ ไม่นานย่อมจางหาย จะมัวเพลินในความเป็นหนุ่มเป็นสาว เพลินในความไม่มีโรค เพลินในความมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร

... ในเมื่อ ชรา และมรณภัย คืนคลานเข้ามาเบียดเบียนทุกขณะ ...

หากรอให้เข้าสู่ปัจฉิมวัย ร่างกายร่วงโรย สติปัญญาถดถอย ไฉนเลยจะพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่ได้

บัณฑิตนักปราชญ์ทั้งหลายในกาลก่อน จึงเป็นผู้หมั่นพิจารณาเป้าหมายการเกิดมาอยู่เนืองนิจ ว่าทุกชีวิตล้วนเกิดมาเพื่อแสวงหาความบริสุทธิ์หลุดพ้น ไถ่ถอนตนให้พ้นจากอํานาจกิเลส ใช่เกิดมาเพื่อแสวงหา ลาภ ยศ และสรรเสริญสุข แต่ประการใดไม่ ...สามเณรจึงตัดสินใจเลือกหนทางสายนี้ หนทางสายกลางที่มีคุณค่ายิ่งต่อมวลมนุษยชาติ เดินตามรอยบาทพระศาสดา ผู้ย่ำธรรมเภรีไปทั่วทุกแห่งหน

ชาวโลกทั่วไป หากมองผิวเผินอาจเข้าใจผิดคิดว่า ชีวิตของสามเณร เป็นชีวิตที่ด้อยโอกาส เห็นจะเป็นจริงดังอ้าง คือ ด้อยโอกาสจากอกุศลกรรม ด้อยโอกาสจากอบายภูมิ อันจะนําพาชีวิตให้ตกต่ำ แต่ความจริงยิ่งไปกว่านั้น คือ ชีวิตของสามเณรเป็นชีวิตที่ “ได้โอกาส” อันทรงคุณค่ายิ่ง ได้โอกาสในการทําความดีอันวิเศษ คือ ...ได้โอกาสใกล้ชิดพระรัตนตรัย ที่หล่อหลอมกาย วาจา ใจ ให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ ทําให้ได้เข้าถึงฐานะอันประเสริฐ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของทุกชีวิต ทุกอย่างล้วนรวมอยู่ในคําว่า สามเณร ผู้เป็นเหล่ากอของสมณะ

เป็นผู้ที่มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ต้องกราบไหว้บูชา ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าอนาคามี เป็นคฤหัสถ์ไซร้ อนาคามีผู้คฤหัสถ์นั้น พึงกระทํากิจทั้งหลาย มีการอภิวาทเป็นต้น แก่สามเณร แม้ผู้บวชในวันนั้น”

บ่งบอกถึงฐานะอันยิ่งของเหล่ากอสมณะ แม้แต่ผู้ครองเรือนบรรลุธรรมขั้นสูง ถึงระดับอนาคามี ยังต้องกราบไหว้สามเณร แม้บวชได้เพียงวันเดียว จึงควรที่สาธุชนทั้งหลาย จะเชิดชูบูชาด้วยความเคารพ ไม่ดูแคลนว่า

ท่านยังอ่อนด้อย ดังพุทธภาษิตที่ว่า ไม่ดูหมิ่นงูพิษว่าตัวเล็ก ไม่ดูหมิ่นยุวกษัตริย์ว่ายังเยาว์ ไม่ดูหมิ่นสมณะน้อยว่ายังด้อยภูมิธรรม

เพราะอนาคตของบวรพุทธศาสนา ฝากฝังไว้ในมือของสามเณร ผู้แบกรับภาระของศาสน์ไว้ด้วยใจมั่น มโนปณิธานกล้าแกร่งได้หยั่งรากลึกต้นกล้าแห่งธรรมบนผืนดิน รอวันเจริญรุ่งเรืองสว่างไสว ให้ร่มเงาเฉกเช่นไม้ใหญ่...สืบต่อไป

เรื่อง : อุบลเขียว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๙ ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF

https://drive.google.com/file/d/1-GH37LtVWV9JrKJ74Brr0UuJgVWg1W_d/view

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/09YNB_4607/09YNB_4607.html

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๙ ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่



เหล่ากอสมณะ...ผู้ได้โอกาส เหล่ากอสมณะ...ผู้ได้โอกาส Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 03:03 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.