รวย ! กะทันหันทันใช้
ทั้งสองเริ่มอาชีพจากการนําของเก่าที่เขาทิ้งแล้วไปขาย เพียงเพื่อให้ครอบครัวอยู่ในยุค IMF ... แต่ด้วยสัญชาตญาณของลูกนกอินทรีย์ ที่ไม่ใช่ลูกไก่ จากการค้าของเก่า... เติบโตเป็นบริษัทขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มั่นคงภายในปีเดียว...เศรษฐีใหม่มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะเขาและเธอ “ทําบุญอย่างถูกหลักวิชชา”
...ลมเย็นๆ ที่อบอวลไปด้วยพลังมวลแห่งความบริสุทธิ์ ภายในสภาธรรมกายสากล ช่วยทําให้บรรยากาศในการสนทนากับ "ครอบครัว เค้ามาก" ดำเนินไปอย่างสบายๆ และเป็นกันเองโดยมีเสียง อ้อแอ้ ของน้องโป้ง และปัญหาเล็กๆ ของพี่แป้งวัยสี่ขวบ เรียกร้องให้ผู้ใหญ่หันมาเอาใจใส่หนูบ้าง สลับฉากการสนทนาเป็นระยะๆ
เส้นผมบังภูเขา
คุณมาณพและคุณกรรณิกา เริ่มต้นชีวิตคู่ในยุคฟองสบู่แตก หลายๆ คนในเมืองหลวงที่ฝากชีวิตไว้กับออฟฟิศ ต้องถูกลอยแพ ถูกเชิญให้พักงาน เพราะนโยบายของบริษัทต้องลดต้นทุน ซึ่งทั้งสองคนหนีไม่พ้นชะตากรรมนี้ด้วยคือ ตกงาน.?. เป็นเพียงอดีตพนักงานธนาคารและเงินทุนหลักทรัพย์ เมื่อชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป คุณมาณพ ยังหาจุดเริ่มต้นอาชีพใหม่ไม่พบ..ไม่กี่เดือนต่อมา คุณกรรณิกาก็ถูกออกจากงานอีก ทั้งสองจึงต้องเร่งหาลู่ทางประกอบอาชีพใหม่ พอดีคุณกรรณิกา เรียนจบทางด้านคอมพิวเตอร์ และรู้ว่าตลับหมึกเก่าที่ใช้งานน้ำหมึกหมดนั้น ยังสามารถนํามาทําความสะอาดแล้วขายได้อีก
“คุณมาณพเข้าวัดก่อนดิฉัน ช่วงที่ตกงานถึงชีวิตจะเจอวิกฤตอย่างไร เราก็ไปวัดเป็นปกติ บางอาทิตย์ก็ไม่มีเงินทําบุญแต่เราก็ไป เพราะเชื่อมั่นว่า ถ้าเรามีบุญเยอะขึ้น ชีวิตก็จะดีขึ้น” คุณกรรณิกา เริ่มเล่าประสบการณ์ด้วยน้ำเสียงและประกายตาที่เชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
“เริ่มใหม่ๆ เราสองคนก็ตระเวนไปตามบริษัทใหญ่ๆ ที่ใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อหาตลับหมึกเก่า บางแห่งก็ให้มาฟรี บางแห่งก็ซื้อได้ในราคาถูก ลองทําดูสักระยะรายได้พออยู่ได้เพราะลงทุนน้อย บางวันเราได้ของมามากแทบจะไม่ได้นอนกันเลย เพราะต้องรีบทำจะได้รีบขายให้มีเงินเข้ามา พอเริ่มมีกําไร เราก็ได้ทําบุญบ่อยขึ้น ได้ทําทุกบุญแต่ทําแบบวิตกกังวล คิดนาน... ทำนิดๆ หน่อยๆ แบบเผื่อเหนียวเพราะกลัวตกบุญ.. ไม่กล้าทําแบบสุดใจอย่างที่ใจอยากทํา ๑-๒ ปีแรกเราสร้างบารมีกันแบบนี้ การค้าของเราก็อยู่ในลักษณะติดๆ ขัดๆ กว่าจะได้เงินมาและแบ่งไปทําบุญได้นั้นช้ามาก.. ใช่ไหมคะพี่” คุณกรรณิกาหันไปขอแรงสนับสนุนจากคู่บุญ ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ใช่ครับ คือการค้ามันอืดๆ จนกระทั่งเราได้ทําบุญกฐินปี '๔๔ และกฐินปี '๔๕"
“ใช่แล้วค่ะกฐิน... บุญกฐินนี่แหละที่ทําให้ชีวิตของเราดีขึ้นอย่างรวดเร็ว” คุณกรรณิกาอาศัยความไว (ในการเจรจา) ที่เหนือชั้นกว่า ชิงเล่าต่อ
“ในปี '๔๕ เป็นการทอดกฐินเพื่อสร้างมหาวิหารหลวงปู่วัดปากน้ำ ซึ่งเป็นกฐินครั้งสุดท้ายก่อนสลายร่างคุณยายอาจารย์ เราสองคนอยากทำจังเลย ประธานกฐิน อยากทําบุญใหญ่กับหลวงปู่และคุณยายสักครั้ง ตอนนั้นตังค์เรามีไม่มาก มีเงินแสนก้อนแรกของครอบครัว ก็คิดกันอยู่นานเหมือนกัน กลัวหมด กลัวจะหาไม่ได้อีก ก็พอดีมีน้องซึ่งทําหน้าที่กัลยาณมิตรมาบอกให้ตัดใจทําไปเลย คุณมาณพก็ตัดใจรับ ไหนๆ ก็ตัดใจแล้ว ก็ถวายภายในอาทิตย์นั้นเลย หนึ่งแสนบาททันที หลังจากนั้นเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นภายในสองอาทิตย์ เรามีรายได้เข้ามาได้ถวายอีกสองแสน ไม่น่าเชื่อเราจะมีเงินแสนถวายอีกอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวแสนๆ รู้สึกสนุก มีรสมีชาติในการสร้างบารมีมาก จนถึงโค้งสุดท้ายก่อนวันทอดกฐิน ขาดอีกแค่แสนเดียวก็จะเต็มกอง
พรุ่งนี้จะถวายแล้ว...ในวันนั้นเราก็ใจจดใจจ่อต้องมีปัจจัยเข้ามาถวายให้ได้ สําเร็จค่ะ..ลูกค้าคนใหม่ไม่รู้มาจากไหน เขาต้องการสินค้าของเราเพื่อนําส่งอเมริกา และพอใจสินค้าของเรามาก ถูกใจไปหมดให้ราคาดีจนประหลาดใจ ซื้อเลยมีเท่าไหร่เอาหมด เราก็บรรจุนับของกันอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่าสินค้าทั้งหมด คิดเงินแล้วได้จํานวนใกล้เคียงกับที่เราต้องการพอดี สรุปแล้วกฐินปี '๔๕ เราพบกับอานุภาพบุญ จากไม่กล้าทํา แต่เมื่อตัดใจทํา...กลับได้ทําบุญถึงเจ็ดแสนบาทในกองกฐินนี้ สุขใจมากค่ะ เข้าใจคําว่า “ซื้อง่ายขายคล่อง" อ๋อเป็นแบบนี้เอง ชีวิตเราเริ่มดีขึ้น
ยิ่งให้ ก็ยิ่งได้ (The more you give, The more you get.)
ครอบครัวใหม่ที่เริ่มต้นชีวิตคู่ท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจ...ช่างน่าอัศจรรย์ใจที่สามารถฟันฝ่าไปได้อย่างสบายๆ มาตามรายละเอียดกันดีกว่าว่าเขาทําอย่างไร ถึงพังเขื่อนแตก.??
“พอเราทําบุญเป็น ใจก็ขยายใหญ่ขึ้น กฐินปี '๔๕ ครั้งนี้สําคัญเพราะเป็นกฐินที่มีหลวงพ่อท่านเป็นประธาน.. เคยได้ยินแต่กฐินที่คุณยายท่านเป็นประธานครั้งแรก คุณมาณพบอกว่า บุญเยอะมาก ดิฉันไม่มีโอกาสได้ทําเพราะมาไม่ทัน ครั้งนี้มาทันหลวงพ่อ จึงอยากทํา
..กิจการของเราตอนนั้นก็ดีวันดีคืน เริ่มคิดจะขยายงานล่ะ ครั้งนี้จึงปรึกษากันว่า เราจะทําแบบสบายๆ สองแสนบาท ก็ตกลงกันตามนั้น.. เหตุการณ์มาพลิกผัน เมื่อคุณมาณพกลับจากการปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ รุ่น “พันธุ์ตะวัน" ใจเขาเปิดมากมาถึงก็บอกว่า “กฐินครั้งนี้เราทําแค่นี้ไม่ได้แล้ว ต้องทําแบบสุดใจ ถวายหนึ่งล้านไปเลย” พอได้ฟัง ดิฉันก็ดีใจที่ได้ทําบุญกับหลวงพ่อแบบสุดใจ ให้สมกับพระคุณอันยิ่งใหญ่ของท่าน...หายตื่นเต้นดีใจแล้วก็มานั่งคิด...ภายในสัปดาห์เดียวเราจะไปหาเงินล้านมาจากไหนล่ะเนี่ย.?? จึงถามคุณมาณพดู
“ไหนลองไล่มาซิ.?ว่า คุณจะไปเอาเงินมาจากไหน.!.?.ลองบอกมาซิ" เขาก็มองไปรอบๆ ร้านบอกว่าเรามีตลับหมึกรุ่นนี้ๆ เท่านี้ๆ ต้องขายให้ได้ราคาดีที่สุดและให้หมดทุกรุ่นที่มี ถึงจะได้ปัจจัยมาพอดี ต้องทําให้สําเร็จด้วย จะได้เป็นแบบอย่างไปเปิดใจเจ๊เล็กที่เรารักและเคารพให้ทําตามได้อีก แล้วคุณมาณพก็บอก “เราจะถวายพรุ่งนี้กันเลย”
... ที่วัด คุณมาณพเขียนเช็คหนึ่งล้านถวายต่อหน้าเจ๊เล็กทันที และชวนให้เจ๊ร่วมอนุโมทนาบุญ..พร้อมกับพูดเปิดใจถึงอานิสงส์ของบุญครั้งนี้ ปรากฏว่าได้ผล รุ่งขึ้น เจ๊เล็กซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มาบอก เจ๊ตัดสินใจได้แล้ว และกําลังจะไปธนาคารไปเบิกเงินและแลกแบงก์ใหม่ๆ เจ๊จะถวายเป็นเงินสด “เธออยากเห็นเงินล้านไหม ? ไปดูด้วยกันซิ”
เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยจับเงินล้านเลย เราสองคนก็อยากถวายเงินสดกับเขาด้วย จึงบอกเจ๊เล็กไปว่า “งั้นเดี๋ยวเราจะถวายเป็นเงินสดเหมือนกันจะได้ไปถวายพร้อมกัน" ใจสั่งให้ปากพูดไป
แต่..ยังไม่รู้เลยว่าภายในอาทิตย์เดียวจะไปหาเงินสดมาจากไหน มีวิธีเดียวคือขายของให้ได้ แล้วต้องเป็นเงินสดเท่านั้น ...ลุยเลยค่ะ วันจันทร์ก็เริ่มโทรหาลูกค้า หาๆ ๆ จนกระทั่งเจอลูกค้าที่ให้ราคาสูงสุดจริงๆ อย่างไม่น่าเชื่อ และหอบเงินสดมาซื้อด้วย เขานัดรับเงินในช่วงบ่ายสามโมงของเย็นวันศุกร์
คิดดูนะว่ามันน่าตื่นเต้นขนาดไหน เราสองคนหอบเงินล้านเข้าบ้าน ช่วยกันนำเงินมาเรียงกองอย่างสวยงามไว้หน้าหิ้งพระ เรียกญาติพี่น้องมาอนุโมทนาบุญ ทั้งปีติ ทั้งตื่นเต้น มีความสุขทั้งคืนที่ทําบุญใหญ่ได้สําเร็จ รุ่งเช้านําไปถวายด้วยความเบิกบาน ปลื้มตลอด...
ใจฟู เงินก็ฟู
พอเงินล้านหมดไปแล้ว แต่เรายังปลื้มไม่เลิก อานุภาพบุญเกิด สินค้าเราขายดียิ่งขึ้น ยอดขายจากเมื่อก่อนกว่าจะขายได้เดือนละล้าน ต้องลุ้นแล้วลุ้นอีก สินค้าบางตัวเราได้กําไรถึง ๒๐๐-๓๐๐ เปอร์เซ็นต์ ใจเราฟู เงินก็ฟู เดี๋ยวนี้เดือนละล้านกว่าสองล้าน สบายๆ กิจการจําเป็นต้องขยายอย่างเร่งด่วน สั่งของมากขึ้นพื้นที่ก็แคบลง ต้องหาตึกใหม่ ซึ่งก็มีตึกห้าชั้นสี่คูหา ทําเลดีอยู่ถัดไปเราเคยพยายามไปติดต่อขอเช่าหลายครั้ง แต่เจ้าของที่เป็นชาวต่างประเทศก็ไม่ยอมตกลง ...หลังถวายกฐินผ่านไป แค่อาทิตย์เดียว เลขาของเจ้าของตึกก็โทรติดต่อมาบอกว่า ตึกที่ต้องการเช่านั้นเจ้านายไม่ให้เช่าแต่จะขายเลย ทางเราต้องการซื้อราคาเท่าไหร่ให้มาคุยกัน ดีใจกันใหญ่ที่จะได้พื้นที่ใหม่กว้างขวางกว่าเก่า ดิฉันและคุณมาณพยังมีประสบการณ์น้อย..โชคดีที่ได้กัลยาณมิตรคือ เจ๊เล็กซึ่งเอ็นดูครอบครัวเรา อยากให้เราตั้งตัวได้ มาช่วยเจรจาต่อรองให้ ตกลงกันได้ในราคาสี่ล้านบาท ตึกห้าชั้นสี่คูหาเป็นราคาที่ถูกมาก แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่า ต้องซื้อเงินสดและจ่ายภายในเดือนนั้นด้วย ที่สําคัญ เงินก้อนใหญ่เรายังไม่มี... ปัญหานี้หมดไปอย่างง่ายๆ เมื่อเจ๊เล็กบอกว่าจะช่วย เมื่อนำตึกไปประเมินราคาทางธนาคารให้ถึงแปดล้านบาท แรกๆ เริ่มงานทํากันอยู่แค่ ๔ คน กับลูกน้อง ปัจจุบัน บริษัท คิงส์ ออฟ โทนเนอร์ ของเรามีพนักงานทั้งหมด ๑๘ คน และมีธุรกิจคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มาติดต่อซื้อสินค้าจากบริษัทของเรา ...สิ่งดีๆ ในทุกด้านที่เราได้รับในเวลาอันรวดเร็วราวกับเนรมิตนี้ ดิฉันและคุณมาณพเชื่อมั่นค่ะว่าเพราะ “บุญมหากฐิน ที่เราทําแบบสุดใจ” คุณกรรณิกา สรุปในตอนท้ายได้น่าฟังทีเดียว
“ดิฉันประทับใจคําสอนของหลวงพ่อประโยคนี้มาก “ยิ่งให้ ใจยิ่งใหญ่" คือเราจะมองไม่เห็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่จะมาเป็นอุปสรรคขัดขวางทำให้ใจเราสะดุด... ทุกๆ วัน จะทําให้เราดำเนินชีวิตประจําวันดีขึ้นๆ นับถอยหลังจากนี้ไปอีก ๔ เดือนก็จะถึงวันมหากฐินใหญ่ของปีนี้ ดิฉันและคุณมาณพ ตั้งใจไว้ว่า เราจะสร้างบารมีแบบสุดใจให้มากยิ่งกว่าเดิม มีเท่าไหร่เทหมดใจ เราต้องเป็นหนึ่งในวันมหาปีตินี้แน่นอนค่ะ”
...เมื่อใจขยายไร้ขอบเขต (Unlimited Heart) บุญที่ทําในปัจจุบันเปิดช่องให้บุญในอดีตตามทัน ส่งผังรวยให้คุณมาณพและคุณกรรณิกา พบชัยชนะที่ไม่มีวันกลับมาแพ้... เพราะเขาและเธอ พบเทคนิคง่ายๆ เหมือนเส้นผมที่บังภูเขา “ยิ่งให้ ยิ่งรวย” นั่นเอง
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๙ ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
...ลมเย็นๆ ที่อบอวลไปด้วยพลังมวลแห่งความบริสุทธิ์ ภายในสภาธรรมกายสากล ช่วยทําให้บรรยากาศในการสนทนากับ "ครอบครัว เค้ามาก" ดำเนินไปอย่างสบายๆ และเป็นกันเองโดยมีเสียง อ้อแอ้ ของน้องโป้ง และปัญหาเล็กๆ ของพี่แป้งวัยสี่ขวบ เรียกร้องให้ผู้ใหญ่หันมาเอาใจใส่หนูบ้าง สลับฉากการสนทนาเป็นระยะๆ
เส้นผมบังภูเขา
คุณมาณพและคุณกรรณิกา เริ่มต้นชีวิตคู่ในยุคฟองสบู่แตก หลายๆ คนในเมืองหลวงที่ฝากชีวิตไว้กับออฟฟิศ ต้องถูกลอยแพ ถูกเชิญให้พักงาน เพราะนโยบายของบริษัทต้องลดต้นทุน ซึ่งทั้งสองคนหนีไม่พ้นชะตากรรมนี้ด้วยคือ ตกงาน.?. เป็นเพียงอดีตพนักงานธนาคารและเงินทุนหลักทรัพย์ เมื่อชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป คุณมาณพ ยังหาจุดเริ่มต้นอาชีพใหม่ไม่พบ..ไม่กี่เดือนต่อมา คุณกรรณิกาก็ถูกออกจากงานอีก ทั้งสองจึงต้องเร่งหาลู่ทางประกอบอาชีพใหม่ พอดีคุณกรรณิกา เรียนจบทางด้านคอมพิวเตอร์ และรู้ว่าตลับหมึกเก่าที่ใช้งานน้ำหมึกหมดนั้น ยังสามารถนํามาทําความสะอาดแล้วขายได้อีก
“คุณมาณพเข้าวัดก่อนดิฉัน ช่วงที่ตกงานถึงชีวิตจะเจอวิกฤตอย่างไร เราก็ไปวัดเป็นปกติ บางอาทิตย์ก็ไม่มีเงินทําบุญแต่เราก็ไป เพราะเชื่อมั่นว่า ถ้าเรามีบุญเยอะขึ้น ชีวิตก็จะดีขึ้น” คุณกรรณิกา เริ่มเล่าประสบการณ์ด้วยน้ำเสียงและประกายตาที่เชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
“เริ่มใหม่ๆ เราสองคนก็ตระเวนไปตามบริษัทใหญ่ๆ ที่ใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อหาตลับหมึกเก่า บางแห่งก็ให้มาฟรี บางแห่งก็ซื้อได้ในราคาถูก ลองทําดูสักระยะรายได้พออยู่ได้เพราะลงทุนน้อย บางวันเราได้ของมามากแทบจะไม่ได้นอนกันเลย เพราะต้องรีบทำจะได้รีบขายให้มีเงินเข้ามา พอเริ่มมีกําไร เราก็ได้ทําบุญบ่อยขึ้น ได้ทําทุกบุญแต่ทําแบบวิตกกังวล คิดนาน... ทำนิดๆ หน่อยๆ แบบเผื่อเหนียวเพราะกลัวตกบุญ.. ไม่กล้าทําแบบสุดใจอย่างที่ใจอยากทํา ๑-๒ ปีแรกเราสร้างบารมีกันแบบนี้ การค้าของเราก็อยู่ในลักษณะติดๆ ขัดๆ กว่าจะได้เงินมาและแบ่งไปทําบุญได้นั้นช้ามาก.. ใช่ไหมคะพี่” คุณกรรณิกาหันไปขอแรงสนับสนุนจากคู่บุญ ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ใช่ครับ คือการค้ามันอืดๆ จนกระทั่งเราได้ทําบุญกฐินปี '๔๔ และกฐินปี '๔๕"
“ใช่แล้วค่ะกฐิน... บุญกฐินนี่แหละที่ทําให้ชีวิตของเราดีขึ้นอย่างรวดเร็ว” คุณกรรณิกาอาศัยความไว (ในการเจรจา) ที่เหนือชั้นกว่า ชิงเล่าต่อ
“ในปี '๔๕ เป็นการทอดกฐินเพื่อสร้างมหาวิหารหลวงปู่วัดปากน้ำ ซึ่งเป็นกฐินครั้งสุดท้ายก่อนสลายร่างคุณยายอาจารย์ เราสองคนอยากทำจังเลย ประธานกฐิน อยากทําบุญใหญ่กับหลวงปู่และคุณยายสักครั้ง ตอนนั้นตังค์เรามีไม่มาก มีเงินแสนก้อนแรกของครอบครัว ก็คิดกันอยู่นานเหมือนกัน กลัวหมด กลัวจะหาไม่ได้อีก ก็พอดีมีน้องซึ่งทําหน้าที่กัลยาณมิตรมาบอกให้ตัดใจทําไปเลย คุณมาณพก็ตัดใจรับ ไหนๆ ก็ตัดใจแล้ว ก็ถวายภายในอาทิตย์นั้นเลย หนึ่งแสนบาททันที หลังจากนั้นเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นภายในสองอาทิตย์ เรามีรายได้เข้ามาได้ถวายอีกสองแสน ไม่น่าเชื่อเราจะมีเงินแสนถวายอีกอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวแสนๆ รู้สึกสนุก มีรสมีชาติในการสร้างบารมีมาก จนถึงโค้งสุดท้ายก่อนวันทอดกฐิน ขาดอีกแค่แสนเดียวก็จะเต็มกอง
พรุ่งนี้จะถวายแล้ว...ในวันนั้นเราก็ใจจดใจจ่อต้องมีปัจจัยเข้ามาถวายให้ได้ สําเร็จค่ะ..ลูกค้าคนใหม่ไม่รู้มาจากไหน เขาต้องการสินค้าของเราเพื่อนําส่งอเมริกา และพอใจสินค้าของเรามาก ถูกใจไปหมดให้ราคาดีจนประหลาดใจ ซื้อเลยมีเท่าไหร่เอาหมด เราก็บรรจุนับของกันอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่าสินค้าทั้งหมด คิดเงินแล้วได้จํานวนใกล้เคียงกับที่เราต้องการพอดี สรุปแล้วกฐินปี '๔๕ เราพบกับอานุภาพบุญ จากไม่กล้าทํา แต่เมื่อตัดใจทํา...กลับได้ทําบุญถึงเจ็ดแสนบาทในกองกฐินนี้ สุขใจมากค่ะ เข้าใจคําว่า “ซื้อง่ายขายคล่อง" อ๋อเป็นแบบนี้เอง ชีวิตเราเริ่มดีขึ้น
ยิ่งให้ ก็ยิ่งได้ (The more you give, The more you get.)
ครอบครัวใหม่ที่เริ่มต้นชีวิตคู่ท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจ...ช่างน่าอัศจรรย์ใจที่สามารถฟันฝ่าไปได้อย่างสบายๆ มาตามรายละเอียดกันดีกว่าว่าเขาทําอย่างไร ถึงพังเขื่อนแตก.??
“พอเราทําบุญเป็น ใจก็ขยายใหญ่ขึ้น กฐินปี '๔๕ ครั้งนี้สําคัญเพราะเป็นกฐินที่มีหลวงพ่อท่านเป็นประธาน.. เคยได้ยินแต่กฐินที่คุณยายท่านเป็นประธานครั้งแรก คุณมาณพบอกว่า บุญเยอะมาก ดิฉันไม่มีโอกาสได้ทําเพราะมาไม่ทัน ครั้งนี้มาทันหลวงพ่อ จึงอยากทํา
..กิจการของเราตอนนั้นก็ดีวันดีคืน เริ่มคิดจะขยายงานล่ะ ครั้งนี้จึงปรึกษากันว่า เราจะทําแบบสบายๆ สองแสนบาท ก็ตกลงกันตามนั้น.. เหตุการณ์มาพลิกผัน เมื่อคุณมาณพกลับจากการปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ รุ่น “พันธุ์ตะวัน" ใจเขาเปิดมากมาถึงก็บอกว่า “กฐินครั้งนี้เราทําแค่นี้ไม่ได้แล้ว ต้องทําแบบสุดใจ ถวายหนึ่งล้านไปเลย” พอได้ฟัง ดิฉันก็ดีใจที่ได้ทําบุญกับหลวงพ่อแบบสุดใจ ให้สมกับพระคุณอันยิ่งใหญ่ของท่าน...หายตื่นเต้นดีใจแล้วก็มานั่งคิด...ภายในสัปดาห์เดียวเราจะไปหาเงินล้านมาจากไหนล่ะเนี่ย.?? จึงถามคุณมาณพดู
“ไหนลองไล่มาซิ.?ว่า คุณจะไปเอาเงินมาจากไหน.!.?.ลองบอกมาซิ" เขาก็มองไปรอบๆ ร้านบอกว่าเรามีตลับหมึกรุ่นนี้ๆ เท่านี้ๆ ต้องขายให้ได้ราคาดีที่สุดและให้หมดทุกรุ่นที่มี ถึงจะได้ปัจจัยมาพอดี ต้องทําให้สําเร็จด้วย จะได้เป็นแบบอย่างไปเปิดใจเจ๊เล็กที่เรารักและเคารพให้ทําตามได้อีก แล้วคุณมาณพก็บอก “เราจะถวายพรุ่งนี้กันเลย”
... ที่วัด คุณมาณพเขียนเช็คหนึ่งล้านถวายต่อหน้าเจ๊เล็กทันที และชวนให้เจ๊ร่วมอนุโมทนาบุญ..พร้อมกับพูดเปิดใจถึงอานิสงส์ของบุญครั้งนี้ ปรากฏว่าได้ผล รุ่งขึ้น เจ๊เล็กซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มาบอก เจ๊ตัดสินใจได้แล้ว และกําลังจะไปธนาคารไปเบิกเงินและแลกแบงก์ใหม่ๆ เจ๊จะถวายเป็นเงินสด “เธออยากเห็นเงินล้านไหม ? ไปดูด้วยกันซิ”
เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยจับเงินล้านเลย เราสองคนก็อยากถวายเงินสดกับเขาด้วย จึงบอกเจ๊เล็กไปว่า “งั้นเดี๋ยวเราจะถวายเป็นเงินสดเหมือนกันจะได้ไปถวายพร้อมกัน" ใจสั่งให้ปากพูดไป
แต่..ยังไม่รู้เลยว่าภายในอาทิตย์เดียวจะไปหาเงินสดมาจากไหน มีวิธีเดียวคือขายของให้ได้ แล้วต้องเป็นเงินสดเท่านั้น ...ลุยเลยค่ะ วันจันทร์ก็เริ่มโทรหาลูกค้า หาๆ ๆ จนกระทั่งเจอลูกค้าที่ให้ราคาสูงสุดจริงๆ อย่างไม่น่าเชื่อ และหอบเงินสดมาซื้อด้วย เขานัดรับเงินในช่วงบ่ายสามโมงของเย็นวันศุกร์
คิดดูนะว่ามันน่าตื่นเต้นขนาดไหน เราสองคนหอบเงินล้านเข้าบ้าน ช่วยกันนำเงินมาเรียงกองอย่างสวยงามไว้หน้าหิ้งพระ เรียกญาติพี่น้องมาอนุโมทนาบุญ ทั้งปีติ ทั้งตื่นเต้น มีความสุขทั้งคืนที่ทําบุญใหญ่ได้สําเร็จ รุ่งเช้านําไปถวายด้วยความเบิกบาน ปลื้มตลอด...
ใจฟู เงินก็ฟู
พอเงินล้านหมดไปแล้ว แต่เรายังปลื้มไม่เลิก อานุภาพบุญเกิด สินค้าเราขายดียิ่งขึ้น ยอดขายจากเมื่อก่อนกว่าจะขายได้เดือนละล้าน ต้องลุ้นแล้วลุ้นอีก สินค้าบางตัวเราได้กําไรถึง ๒๐๐-๓๐๐ เปอร์เซ็นต์ ใจเราฟู เงินก็ฟู เดี๋ยวนี้เดือนละล้านกว่าสองล้าน สบายๆ กิจการจําเป็นต้องขยายอย่างเร่งด่วน สั่งของมากขึ้นพื้นที่ก็แคบลง ต้องหาตึกใหม่ ซึ่งก็มีตึกห้าชั้นสี่คูหา ทําเลดีอยู่ถัดไปเราเคยพยายามไปติดต่อขอเช่าหลายครั้ง แต่เจ้าของที่เป็นชาวต่างประเทศก็ไม่ยอมตกลง ...หลังถวายกฐินผ่านไป แค่อาทิตย์เดียว เลขาของเจ้าของตึกก็โทรติดต่อมาบอกว่า ตึกที่ต้องการเช่านั้นเจ้านายไม่ให้เช่าแต่จะขายเลย ทางเราต้องการซื้อราคาเท่าไหร่ให้มาคุยกัน ดีใจกันใหญ่ที่จะได้พื้นที่ใหม่กว้างขวางกว่าเก่า ดิฉันและคุณมาณพยังมีประสบการณ์น้อย..โชคดีที่ได้กัลยาณมิตรคือ เจ๊เล็กซึ่งเอ็นดูครอบครัวเรา อยากให้เราตั้งตัวได้ มาช่วยเจรจาต่อรองให้ ตกลงกันได้ในราคาสี่ล้านบาท ตึกห้าชั้นสี่คูหาเป็นราคาที่ถูกมาก แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่า ต้องซื้อเงินสดและจ่ายภายในเดือนนั้นด้วย ที่สําคัญ เงินก้อนใหญ่เรายังไม่มี... ปัญหานี้หมดไปอย่างง่ายๆ เมื่อเจ๊เล็กบอกว่าจะช่วย เมื่อนำตึกไปประเมินราคาทางธนาคารให้ถึงแปดล้านบาท แรกๆ เริ่มงานทํากันอยู่แค่ ๔ คน กับลูกน้อง ปัจจุบัน บริษัท คิงส์ ออฟ โทนเนอร์ ของเรามีพนักงานทั้งหมด ๑๘ คน และมีธุรกิจคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มาติดต่อซื้อสินค้าจากบริษัทของเรา ...สิ่งดีๆ ในทุกด้านที่เราได้รับในเวลาอันรวดเร็วราวกับเนรมิตนี้ ดิฉันและคุณมาณพเชื่อมั่นค่ะว่าเพราะ “บุญมหากฐิน ที่เราทําแบบสุดใจ” คุณกรรณิกา สรุปในตอนท้ายได้น่าฟังทีเดียว
“ดิฉันประทับใจคําสอนของหลวงพ่อประโยคนี้มาก “ยิ่งให้ ใจยิ่งใหญ่" คือเราจะมองไม่เห็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่จะมาเป็นอุปสรรคขัดขวางทำให้ใจเราสะดุด... ทุกๆ วัน จะทําให้เราดำเนินชีวิตประจําวันดีขึ้นๆ นับถอยหลังจากนี้ไปอีก ๔ เดือนก็จะถึงวันมหากฐินใหญ่ของปีนี้ ดิฉันและคุณมาณพ ตั้งใจไว้ว่า เราจะสร้างบารมีแบบสุดใจให้มากยิ่งกว่าเดิม มีเท่าไหร่เทหมดใจ เราต้องเป็นหนึ่งในวันมหาปีตินี้แน่นอนค่ะ”
...เมื่อใจขยายไร้ขอบเขต (Unlimited Heart) บุญที่ทําในปัจจุบันเปิดช่องให้บุญในอดีตตามทัน ส่งผังรวยให้คุณมาณพและคุณกรรณิกา พบชัยชนะที่ไม่มีวันกลับมาแพ้... เพราะเขาและเธอ พบเทคนิคง่ายๆ เหมือนเส้นผมที่บังภูเขา “ยิ่งให้ ยิ่งรวย” นั่นเอง
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๙ ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***
คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/1-GH37LtVWV9JrKJ74Brr0UuJgVWg1W_d/view
คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/09YNB_4607/09YNB_4607.html
คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๙ ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่
คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/09YNB_4607/09YNB_4607.html
คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๙ ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่
- ความเพียร โอวาทพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
- ผู้อยู่เบื้องหลัง
- เครือข่ายคนดีสัมพันธ์
- ความเคารพ อดทน และมีวินัย ทำให้คุณยายเป็นผู้มีคุณธรรมสูงสุด
- Carpenters เมืองไทย เปิดใจ เผยเคล็ดลับที่ทำให้จิตใจไม่อ่อนไหว
- วิธีป้องกันบริษัทล้มละลาย
- รวย! กะทันหันทันใช้
- เหล่ากอสมณะ...ผู้ได้โอกาส
- เปิดบันทึก รำลึกกฐิน
- เลิกบุหรี่ สุราเมรัย คือความภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ
- ลูกพระราชฯ รวมใจบูชาธรรม สร้างอาคาร ๖๐ ปี พระราชฯ
- ประวัติท่านคุณานันทะ
- สมาธิ... พลังสู่ความสำเร็จ
- วิธีเพิ่มคุณค่าให้ชีวิต
รวย ! กะทันหันทันใช้
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:34
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: