กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก
๔ ประการ คือ “การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็นับว่ายาก
การดำรงชีวิตอยู่ของเหล่าสัตว์ก็นับว่ายาก การที่จะได้ฟังสัทธรรมก็นับว่ายาก
การที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายจะเสด็จอุบัติขึ้นก็ยิ่งยาก”
ใน ๔ ประการนี้ อาจกล่าวได้ว่า
การเสด็จอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้านั้น เป็นการยากยิ่ง
เพราะผู้ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้จะต้องผ่านการเป็นพระโพธิสัตว์ ที่ตั้งความปรารถนาจะหลุดพ้นจากทุกข์ด้วยตนเอง
และต้องการให้คนอื่นพ้นทุกข์ด้วย แต่เพียงแค่การตั้งความปรารถนายังไม่เพียงพอ
จะต้องลงมือปฏิบัติด้วยการสั่งสมพุทธการกธรรม คือ บารมีทั้ง ๓ ระดับ ได้แก่
ระดับบารมี อุปบารมี และปรมัตถบารมี จนครบถ้วนทั้ง ๓๐ ทัศ
ซึ่งบุคคลที่ตั้งความปรารถนาและจะไปเป็นพระพุทธเจ้าได้จะต้องมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่
อุปมาได้ดังนี้
๑. หากห้วงจักรวาลกว้างใหญ่ ไกลถึงหนึ่งล้านสองแสนสามหมื่นสี่ร้อยห้าสิบโยชน์
เต็มไปด้วยหนามแหลม พระโพธิสัตว์จะมีหัวใจยิ่งใหญ่ที่จะเดินลุยด้วยเท้าเปล่าไปจนสุดปลายทาง
๒. หากห้วงจักรวาลนี้เต็มไปด้วยถ่านเพลิงที่ร้อนระอุ ท่านก็จะเดินไปด้วยเท้าเปล่าให้ถึงจุดหมายปลายทาง
๓. หากห้วงจักรวาลเต็มไปด้วยภูเขาเหล็กลุกเป็นเพลิงตลอดเวลา
ระหว่างซอกเขาเต็มไปด้วยน้ำทองแดงร้อนแรง ท่านก็จะว่ายแหวกน้ำทองแดงข้ามไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง
ข้ามห้วงหมื่นจักรวาลไปให้ได้
อุปมานี้ชี้ให้เห็นถึงความยาวนานและอุปสรรคของบุคคลที่ตั้งเป้าหมายจะเป็นพระพุทธเจ้าจะต้องเจอและผ่านพ้นไปให้ได้
ดังนั้นในระหว่างการสร้างบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า
เพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปสู่นิพพานนั้น จึงมีทั้งผู้สร้างบารมีจนกระทั่งบารมีเต็มเปี่ยมได้เป็นพระพุทธเจ้า
หรืออาจจะเปลี่ยนเป้าหมายปรารถนาสาวกภูมิ
ดังนั้น ผู้ที่สร้างบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า หรือที่เรียกว่า
พระโพธิสัตว์ จึงมีอยู่ ๒ ประเภท
คือ อนิยตโพธิสัตว์ ได้แก่บุคคลที่ตั้งเป้าหมายจะเป็นพระพุทธเจ้า
แต่ยังไม่แน่ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า
ยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป้าหมายการสร้างบารมีได้ และ นิยตโพธิสัตว์ ได้แก่บุคคลที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน โดยมีเครื่องรับประกัน
คือ การได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าหลาย ๆ พระองค์ ที่พระโพธิสัตว์นั้นไปเกิดเจอ
ซึ่งระยะเวลาของการสร้างบารมีนั้นก็ยาวนานนับภพนับชาติไม่ถ้วน โดยท่านแบ่งระยะเวลาการสร้างบารมีของพระพุทธเจ้าแต่ละประเภทไว้ดังนี้
ประเภทพระพุทธเจ้า
|
ดำริในพระทัย
|
เปล่งวาจา
|
ได้รับพุทธพยากรณ์
|
ปัญญาธิกพุทธเจ้า
|
๗
อสงไขย
|
๙
อสงไขย
|
๔
อสงไขย แสนมหากัป
|
สัทธาธิกพุทธเจ้า
|
๑๔
อสงไขย
|
๑๘
อสงไขย
|
๘
อสงไขย แสนมหากัป
|
วิริยาธิกพุทธเจ้า
|
๒๘
อสงไขย
|
๓๖
อสงไขย
|
๑๖ อสงไขย แสนมหากัป
|
การจะสร้างบารมีจนได้เป็นพระพุทธเจ้านั้น
ต้องสร้างอย่างยาวนาน สั่งสมบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ จนครบถ้วนบริบูรณ์
และทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันยากที่จะหาผู้ใดทำได้ ยกตัวอย่าง ทานบารมี
ไม่เพียงแต่ทรัพย์สมบัติที่พระโพธิสัตว์ให้ทานออกไปประดุจคว่ำหม้อซึ่งจัดเป็นทานบารมีเท่านั้น
ในระดับอุปบารมีและปรมัตถบารมีท่านกล่าวไว้ว่า
พระองค์ต้องควักดวงตาให้เป็นทานมากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า ตัดศีรษะให้เป็นทานมากกว่าผลมะพร้าวในพื้นปฐพี
ถวายเลือดให้เป็นทานมากกว่าน้ำในมหาสมุทร
ถวายเนื้อให้เป็นทานมากกว่าแผ่นดินในทวีปทั้ง ๔ และต้องสั่งสมบารมีอื่น ๆ
ที่เหลืออย่างยิ่งยวดด้วยการเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ดังนั้นกว่าจะบังเกิดพระพุทธเจ้าขึ้นสักพระองค์หนึ่งจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ ในช่วงแต่ละกัปที่ผ่านไปจึงมีบางกัปที่เป็นสุญญกัป
คือ ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น เป็นช่วงที่ว่างเปล่าจากมรรค
ผล นิพพาน ยุคนี้มนุษย์จะไปสุคติเท่าเขาโค ไปอบายเท่าขนโค แต่ในบางยุคก็เป็นอสุญญกัป คือ
มีพระพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้น ซึ่งแต่ละกัปมีจำนวนพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นไม่เท่ากัน
บางยุคมี ๑ พระองค์ เรียกว่า สารกัป บางยุคมี ๒ พระองค์ เรียกว่า วรกัป บางยุคมี ๔
พระองค์ เรียกว่า สารมัณฑกัป บางยุคมี ๕ พระองค์ เรียกว่า ภัททกัป (ภัทรกัป)
กัปของเราเป็นกัปที่เจริญที่สุด มีพระพุทธเจ้า
๕ พระองค์ ซึ่งในขณะนี้มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๔ พระองค์แล้ว คือ
พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า และพระโคตมพุทธเจ้าซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
ส่วนพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้ คือพระศรีอริยเมตไตรย์ ซึ่งจะมาบังเกิดในยุคต่อจากนี้ไปอีก
๑ อสงไขยเศษ
นับเป็นความโชคดีของพวกเราที่เกิดมาทันยุคกึ่งพุทธกาล
ที่แม้พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้ว แต่พระสัทธรรมคำสอนยังคงถูกจารึกไว้ในพระไตรปิฎก
และยังมีผู้สืบทอด คือ พระภิกษุที่ทรงศีล ทรงธรรม
อีกทั้งยังมีพระพุทธปฏิมาเป็นตัวแทนของพระองค์ เราได้ผ่านความยากประการหนึ่งมาแล้ว
คือ การได้เกิดเป็นมนุษย์ ทั้งยังมีลมหายใจอยู่ซึ่งเป็นความยากประการที่สอง และยังโชคดีที่อยู่ในยุคที่ยังมีพระพุทธศาสนา
มีโอกาสได้ยินได้ฟังคำสอน ซึ่งก็นับว่าเป็นการยากอีกประการหนึ่ง ดังนั้นชีวิตของเราในภพชาตินี้จะไม่ไร้ผลเลย
หากเราได้ใช้โชคดีที่เรามีอยู่นี้หันมาศึกษาและปฏิบัติธรรมให้เต็มที่
ในช่วงเทศกาลนี้เป็นเดือนแห่งการเตรียมตัวบวชในภาคเข้าพรรษา
จึงนับเป็นโอกาสดีของสุภาพบุรุษทุกท่าน ที่จะได้มาใช้ความโชคดีของการเกิดเป็นชาย
เข้ามาใกล้ชิดพระพุทธองค์ด้วยการบวชศึกษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
และนำมาปฏิบัติให้คุ้มค่าสมกับที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา
เรียบเรียงจากหนังสือ
GL204 ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
Cr. พระมหาวุฒิชัย วุฑฺฒิชโย ป.ธ. ๙
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๕๒
เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘
คลิกอ่าน DOU ความรู้สากลของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
ตามรอยมหาปูชนียาจารย์
วัดโบสถ์บน สถานที่บรรลุวิชชาธรรมกายของพระผู้ปราบมาร
อภิชาตบุตรของพ่อแม่
|
คลิกอ่าน DOU ความรู้สากลของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
ตามรอยมหาปูชนียาจารย์
วัดโบสถ์บน สถานที่บรรลุวิชชาธรรมกายของพระผู้ปราบมาร
อภิชาตบุตรของพ่อแม่
กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
01:19
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: