กลวิธีแก้ไขความผันแปรของสภาพอากาศโลก
นับวัน สภาพอากาศในโลกของเราจะแปรปรวนไปมากยิ่งขึ้น
มนุษย์กำลังเผชิญหน้ากับภัยทางธรรมชาติที่รุนแรงเพิ่มขึ้นทั่วทุกมุมโลก
ทั้งอากาศร้อนจัด หนาวจัด เกิดพายุแผ่นดินถล่ม น้ำท่วม แผ่นดินไหว สึนามิ เป็นต้น
ในประเทศไทยก็พบกับปัญหาภัยแล้งและอากาศที่ร้อนกินช่วงระยะเวลายาวนานกว่าทุก ๆ
ปีที่ผ่านมา
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์หลายท่านได้วิเคราะห์สาเหตุและสนับสนุนสมมุติฐานที่ว่าความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม
เช่น การใช้สารเคมี
การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศ อันเป็นผลพวงจากการเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม บางท่านกล่าวว่า
ความเปลี่ยนแปลงไม่เป็นไปตามวัฏจักรทางธรรมชาติ
ซึ่งในปัจจุบันนี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุแห่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน แต่สำหรับเรื่องนี้
ในทางพระพุทธศาสนาชี้ให้เห็นว่า ความเสื่อมทั้งหลายที่เกิดขึ้นล้วนสัมพันธ์กับการกระทำของมนุษย์
คือ เมื่อมนุษย์ทำผิดศีลก็จะทำให้อายุมนุษย์น้อยลงตามลำดับ
ดังปรากฏในจักกวัตติสูตร ดังนี้
การกระทำของมนุษย์นี้ยังสัมพันธ์ไปถึงการสิ้นสุดของโลก
กล่าวคือ
ในกระบวนการทำลายล้างโลกให้หมดสิ้นไปในแต่ละช่วงของวัฏจักรแห่งการเกิดขึ้นและดับไปของโลกนี้ ท่านกล่าวถึงกระบวนการทำลายโลกไว้ว่า
ขึ้นอยู่กับจิตใจของมนุษย์ว่าหนาแน่นไปด้วยกิเลสตระกูลใดมากที่สุด
ถ้าหนาแน่นไปด้วยกิเลสตระกูลโทสะ โลกก็จะถูกทำลายด้วยไฟ ถ้าหนาแน่นไปด้วยราคะ
โลกจะถูกทำลายด้วยน้ำ และถ้าหนาแน่นด้วยกิเลสตระกูลโมหะ โลกก็จะถูกทำลายด้วยลม
ความเสื่อมที่ปรากฏขึ้นแก่โลกใบนี้
ในทางพระพุทธศาสนาชี้ให้เห็นว่าล้วนเกิดขึ้นจากจิตใจของสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ห่อหุ้มไปด้วยกิเลส
ส่งผลให้เกิดเป็นการกระทำทุจริตทั้งทางกาย วาจา และใจ
และนั่นคือบ่อเกิดแห่งหายนะทั้งปวง ซึ่งความจริงข้อนี้เราทั้งหลายก็คงจะเห็นประจักษ์ในสภาพสังคมปัจจุบัน
ที่มีทั้งการฆ่า การชิงรักหักสวาท การทำแท้ง การมีชู้
หรือการด่าว่าให้ร้ายผู้มีศีลโดยไม่เกรงกลัวบาป
ซึ่งทำให้เราได้เห็นสภาพจิตใจของมนุษย์ที่นับวันจะเสื่อมจากศีลธรรมมากยิ่งขึ้น
จึงไม่ต้องแปลกใจหากภัยต่าง ๆ นั้น นับวันจะทวีความรุนแรงตามกลไกที่เป็นไปตามวัฏจักรแห่งการเกิดขึ้น
ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไปของโลกใบนี้
ดังนั้น หากเรามุ่งหวังจะแก้ไขสภาพธรรมชาติที่กำลังผันแปรอย่างรุนแรงนี้
ก็มีหลักการทางพระพุทธศาสนาที่เป็นแง่คิดมุมมองในการใช้ชีวิตดังนี้
๑) ทุกคนต้องรีบทำแต่กรรมดีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เพราะการเกิดมามีโชคดีในชาตินี้เนื่องจากกรรมในอดีตส่งผล
ให้เราพึงคิดว่าผลของกรรมดีมีวันสิ้นสุด
ดังนั้นเราจึงต้องเร่งสร้างกรรมดีให้เจริญมากที่สุด
เพื่อติดเป็นนิสัยไปทุกภพทุกชาติ
๒)
ต้องไม่ก่อกรรมชั่วใหม่อย่างเด็ดขาด เพราะตระหนักถึงผลร้ายที่จะติดตามมาทั้งแก่ตนเอง
เพื่อนร่วมโลก และสิ่งแวดล้อม
๓)
ต้องไม่อยู่เฉยโดยไม่สร้างกรรมดีอะไรเลย พึงระลึกเสมอว่าการอยู่เฉย ๆ
นอกจากไม่มีกำไรแล้ว ยังเป็นการเอาต้นทุนเก่ามาใช้ ซึ่งมีแต่จะหมดไปทุกวัน
๔)
ต้องใช้ร่างกายอันเป็นที่อาศัยของใจให้คุ้มค่ามากที่สุด แม้ว่าร่างกายจะสมบูรณ์หรือไม่ก็ตาม
ยังสามารถใช้สร้างกรรมดีได้อย่างมากมาย
ต่างกับร่างกายของสัตว์ดิรัจฉานแม้จะสมบูรณ์แข็งแรง
แต่ก็ยากที่จะใช้สร้างความดีให้แก่ตัวเองได้
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว ก็ให้ตั้งใจทำความดีอย่างเต็มกำลัง ทั้งการทำทาน
การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
รวมทั้งประพฤติปฏิบัติต่อผู้มีศีลด้วยใจที่ประกอบด้วยเมตตา
รักษาศีลเพื่อรักษาความเป็นมนุษย์และสร้างความสงบให้เกิดขึ้นในสังคม
และหมั่นนั่งสมาธิทุกวันเพื่อพัฒนาความเจริญทางกายกับทางใจให้ไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงของมนุษย์
คือทำพระนิพพานให้แจ้ง เมื่อนั้นภัยร้ายทั้งหลายที่กำลังคุกคามมวลมนุษยชาติก็จะสงบเย็นลง
และโลกใบนี้ก็จะกลายเป็นสถานที่รองรับการทำความดีของมนุษย์ผู้มีบุญต่อไป
จากหนังสือ GL 101 จักรวาลวิทยา
Cr. พระมหาวุฒิชัย วุฑฺฒิชโย ป.ธ.๙
Cr. พระมหาวุฒิชัย วุฑฺฒิชโย ป.ธ.๙
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๔ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙
คลิกอ่าน DOU ความรู้สากลของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
|
|
คลิกอ่าน DOU ความรู้สากลของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
แนวคิดในการสร้างวัดพระธรรมกาย (ปีก่อนหน้า)
จิตเกษมในยุคชาวศิวิไลซ์ (ปีถัดไป)
กลวิธีแก้ไขความผันแปรของสภาพอากาศโลก
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
19:23
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: