สังเวชนียธรรมสถาน


สังเวชนียธรรมสถาน
__________________
โดย หลวงพ่อทัตตชีโว

วันนี้ หลวงพ่อมีธรรมะมาฝากพวกเราทุกคน มีคําที่สําคัญอยู่คำหนึ่งในพระพุทธศาสนา ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งไว้ตอนใกล้จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน คือคำว่า "สังเวช" หรือ "สังเวชนียสถาน" พอพูดถึงคํานี้หลายคนมักจะรู้สึกใจห่อเหี่ยว ความจริงเมื่อได้ยินคํานี้ต้องมีกําลังใจฮึกเหิมที่จะทําความดีต่างหาก นี่คือสาเหตุที่หลวงพ่อต้องเอาคำนี้มาพูดกัน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งภิกษุไว้ว่า ให้ช่วยเล่าประวัติความเป็นมาของสังเวชนียสถาน ๔ แห่งให้กับผู้ที่มาภายหลังฟัง เมื่อเขารู้แล้ว แม้ไม่เคยเจอพระพุทธองค์ ก็จะมีกาลังใจที่จะสร้างบุญบารมีตามพระองค์ไป

สังเวชนียสถาน ๔ แห่ง คือ สถานที่ ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และดับขันธปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทำไมต้องสร้างสังเวชนียสถาน
ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องหยุดคิด ในเมื่อสถานที่ต่างๆ ในโลกนี้เป็นแค่เพียงผืนดินเท่านั้น จะมีฤทธิ์เดชอะไร แต่มองอีกแง่มุมหนึ่ง ถ้าผืนดินในโลกนี้มีค่าเหมือนกันหมด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคงไม่ตรัสเรื่องนี้ขึ้นมา สังเวชนียสถาน ๔ แห่ง มีเหตุผลกลใดถึงได้มีฤทธิ์มีเดช ที่ทําให้ผู้มาภายหลังห่างกันเป็นพันๆ ปี เกิดกำลังใจที่จะสร้างบารมีตามพระพุทธองค์ไป

สังเวช แปลว่า ปลุกให้ตื่น ฟื้นขึ้นมาจากกิเลส เร้าใจให้ประกอบคุณงามความดีขึ้นมา ทําให้ไม่ประมาทมัวเมาในชีวิต

สังเวช ไม่ได้แปลว่าหดหู่ ในพระพุทธศาสนา หดหู่ คือถินมิทถะ เป็นกิเลสประเภทหนึ่ง ที่เวลานั่งสมาธิแล้ว ง่วง หลับ ท้อ

สังเวชนียสถาน เหมือนเป็นที่ที่เวลาคนจะทําอะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง ต้องมีการจุดประกายให้เกิดขึ้นในใจ แล้วจึงจะทําต่อไปได้ เป็นตัวขับเคลี่อนสิ่งต่างๆ ให้โลกนี้เจริญก้าวหน้าต่อไป

เหมือนกับเวลาก่อไฟ เรามีฟืน น้ำมัน เชื้อเพลิง ขี้ไต้ ไม้ขีดไฟพร้อม แต่ถ้าวางของนั้นไว้เฉยๆ ไม่มีการจุดระเบิดไฟ ไฟย่อมไม่ติด ฉันใด การจะประกอบคุณงามความดีก็เช่นกัน จําเป็นต้องมีจุดระเบิด เหมือนจุดสังเวชดังกล่าว ฉันนั้น

สถานที่ประสูติ

หลวงพ่อได้ไปสวนลุมพินีวัน สถานที่ประสูติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแล้ว ปัจจุบันอยู่กลางท้องนาเป็นที่ราบเชิงเขาหิมาลัย อยู่ในประเทศเนปาล บรรยากาศที่นั่นมีความเป็นพิเศษ เตือนใจให้นึกถึงเมื่อครั้งที่เอกบุรุษของโลก เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ

ทันทีที่พระองค์ประสูติ เนื่องจากได้ลักษณะมหาบุรุษ มีศูนย์ถ่วงในร่างกายดี แทนที่จะเอาศีรษะออกมา กลับเอาเท้าออกมาก่อน จึงยืนได้ ก้าวเดินได้ และตรัสได้


เราดูแล้วว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่จากการศึกษาค้นคว้าพบว่า ลักษณะมหาบุรุษ เป็นร่างกายที่สมดุล ถ้าเปรียบเทียบกับตุ๊กตาล้มลุก พอจับโยนสุดแรง เดี๋ยวก็ตั้งตรงขึ้นมาได้ เพราะศูนย์ถ่วงดี นั่นเป็นวัตถุที่ไม่มีชีวิตแต่ถ้าเป็นวัตถุที่มีชีวิต และได้สัดส่วนมหาบุรุษ ถ้าปรารถนาจะยืน เดิน ทําไมถึงจะทําไม่ได้


ในเรื่องของการตรัสได้ตั้งแต่วันประสูติของพระโพธิสัตว์ ดูผิวเผินก็เป็นเรื่องไม่น่าเชื่ออีก แต่ถ้าคิดในมุมกลับ บุคคลที่ฝึกกําลังใจ ฝึกสติควบคุมใจมานับอสงไขยไม่ถ้วน การที่จะตรัสได้ตั้งแต่วันประสูติก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่จนเกินไป


เพียงแค่หลวงพ่อได้ไปยืนอยู่ที่สวนลุมพินี สถานที่ประสูติ ภาพเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีก็ผุดปรากฏขึ้นมาบวกกับที่เราได้ศึกษาค้นคว้ามา สิ่งเหล่านี้จึงเป็นแรงบันดาลใจที่คิดจะสร้างบารมีตามพระพุทธองค์ไป


สถานที่ตรัสรู้

หลวงพ่อได้ไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ แม้ไปในฤดูแล้ง แม่น้ำแห้งเหือดหายไป กลายเป็นที่เวิ้งว้างยาวไม่มีที่สิ้นสุด ต้นโพธิ์ที่พระองค์เคยประทับก็ไม่มี ทําให้หวนรำลึกถึงพระพุทธองค์มานั่งบำเพ็ญเพียรตามลำพังใต้โคนโพธิ์ ต้องต่อสู้กับพญามาร ที่ยกมาเป็นกองทัพมืดฟ้ามัวดิน ดูแล้วพระองค์ไม่น่ารอด แต่อาศัยธรรมาวุธ คือ บารมีทั้ง ๑๐ ทัศที่พระองค์สั่งสมมาดีแล้วช่วยไว้ แล้วบำเพ็ญเพียรจนกระทั่งตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทําให้ได้ข้อคิดว่า ตนแลเป็นที่พึ่งของตน ตอนที่พระองค์จะบรรลุธรรม ใคร ๆ ก็ช่วยไม่ได้ เทวดาที่มาให้กําลังใจ เมื่อเจอพญามารต่างหนีกระเจิดกระเจิงไปหมด พระพุทธองค์ต้องใช้ธรรมาวุธคือบารมี ๑๐ ทัศที่สั่งสมมาดีแล้ว มาล้างผลาญพวกมารกระเจิดกระเจิงไปหมด ทําให้เกิดจุดประกายขึ้นในใจ มีกําลังใจที่จะสร้างบารมีต่อไป


สถานที่ปฐมเทศนา

จากนั้นไปที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาให้กับปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕

ตรงนี้ฝากเป็นข้อคิดว่า ปัญจวัคคีย์ต้องไม่ธรรมดา ดูอย่างพระอัญญาโกณทัญญะ ท่านเป็นผู้เดียวที่ทํานายพระโพธิสัตว์ตั้งแต่วันประสูติว่า พระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นก็ออกบวชรอท่าพระโพธิสัตว์อยู่ถึง ๒๙ ปี แล้วชวนพรรคพวกบวชอีก ๔ คน ทําถึงขนาดนี้ แต่ก็ยังทิ้งพระโพธิสัตว์ไป ก่อนที่พระองค์จะตรัสรู้


ทําให้ได้คิดว่า ความรู้ของมนุษย์ยังไม่ใช่ความรู้แจ้ง พอไปถึงจุดหนึ่งเข้า ชักไม่เชื่อใจ เมื่อเห็นพระโพธิสัตว์เลิกทรมานตัวเอง เลยทิ้งพระองค์


ต่อมาพระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็มาเทศน์ให้เหล่าปัญจวัคคีย์ฟัง ทรงไม่มีน้อยใจเลยที่ลูกศิษย์ทิ้งไป เนื่องจากทรงหมดกิเลสแล้ว เมื่อคิดได้อย่างนี้ ก็เหมือนเป็นการจุดระเบิดให้ใจฟูขึ้นมา


สถานที่ปรินิพพาน

ครั้นไปถึงสถานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพาน ตรงนี้ให้ข้อคิดว่ามหาบุรุษเอกของโลกปราบกิเลสมาหมดแล้ว แต่ว่าสังขารมนุษย์ไม่ได้เกิดจากธาตุบริสุทธิ์ ไม่เหมือนกายธรรมอรหัต ที่ธาตุธรรมไม่มีกิเลสมาห่อหุ้มได้ เพราะฉะนั้น พอถึงเวลาพระองค์ก็ต้องทิ้งกายเนื้อเข้าพระนิพพานไป

หลวงพ่อไปยืนอยู่ตรงนั้นเลยได้รับแรงบันดาลใจให้รีบทําภาวนา รีบสร้างบารมีเข้า ก่อนที่สังขารของเราจะเป็นอะไรไปเสียก่อน


สร้างบารมีต้องเป็นทีม

สังเวชนียสถานที่พระองค์ทรงทิ้งเอาไว้ เพื่อให้ผู้ที่วิ่งตามพระองค์มา เกิดแรงบันดาลใจฮีกเหิมที่จะสร้างบารมีต่อไป แต่ถ้าสร้างบารมีคนเดียว เราคงไปไม่รอด ดูอย่างบางคน นั่งสมาธิคนเดียวที่บ้าน เดี๋ยวก็นอนดีกว่า เลยต้องมานั่งสมาธิรวมกันเป็นกลุ่ม จึงนั่งได้นาน การสร้างบารมีเป็นทีมมีความจําเป็น สิ่งแวดล้อมต่างๆ คอยที่จะบีบคั้นให้เราสร้างบารมีไม่ได้เต็มที่ แต่ถ้าพวกเราสร้างบารมีไปเป็นทีม จะกลายเป็นว่า แต่ละคนเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีซึ่งกันและกัน การที่จะทําให้คนเกิดภาวะสนใจปฏิบัติธรรมกันเต็มบ้านเต็มเมือง เราต้องช่วยกันสร้างทีมนักสร้างบารมีขึ้นมา

ขณะนี้ ประเทศไทยมีวัดประมาณ ๓๐,๐๐๐ กว่าวัด พอถึงฤดูเข้าพรรษา มีพระบวชประมาณแสนกว่ารูป แต่พอออกพรรษามีพระใหม่เหลือประมาณพันกว่ารูปเท่านั้นที่ยังบวชต่อ ทําให้เกิดสภาวะวัดร้างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ


เพราะฉะนั้น พวกเราทุกคนต้องช่วยกันทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไป ดูตัวอย่างหลวงปู่วัดปากน้ำท่านเป็นผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายมาให้ จากนั้นคุณยายทองสุก สําแดงปั้น ก็นําธรรมะที่ร่ำเรียนมาไปเผยแผ่ พอเห็นใครบารมีแก่กล้าก็ส่งต่อมาให้พบหลวงปู่ จากนั้นก็ส่งต่อมาให้คุณยายอาจารย์ช่วยประคับประคองต่อไป


เราได้เห็นครูบาอาจารย์ทั้ง ๓ ท่าน สร้างบารมีเป็นทีม แบบส่งต่อกันมาแล้ว นึกขึ้นมาเมื่อไร เกิดธรรมสังเวชฮึกเหิมที่จะสร้างบุญบารมีเป็นทีมตามท่านไป


เรื่อง : พระธรรมเทศนาหลวงพ่อทัตตชีโว

วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๗ ประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

***สามารถนำไปเผยแพร่ได้ แต่ขอให้ใส่ Cr. ผู้เขียนด้วย***

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ PDF
https://drive.google.com/file/d/1kd721vHUSOp4q4QOZdd5tSyuC-DKENE2/view

คลิกอ่านวารสารอยู่ในบุญ ในรูปแบบของ E-book
http://dhammamedia.org/YNB%202546/07YNB_4605/07YNB_4605.html

คลิกอ่านแต่ละบทความของวารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๗ ประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้ที่นี่
สังเวชนียธรรมสถาน สังเวชนียธรรมสถาน Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 19:52 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.