สังคมเปลี่ยนไป แนวทางการใช้ชีวิตเปลี่ยนตาม พระพุทธศาสนามีคําแนะนําอย่างไร ?

http://you-tube.one/watch/QFVUNk0xcGdpTkdn/5-.html

สังคมมนุษย์ยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กในทุกวันนี้ มีโคชช่วยแนะนําแนวทางการใช้ชีวิตหลายรูปแบบมาก จนบางครั้งก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี อยากทราบว่า ในพระพุทธศาสนามีคําแนะนําแนวทางการใช้ชีวิตที่เป็นมาตรฐานบ้างหรือไม่ว่าควรเป็นอย่างไร ?

ก่อนจะตอบคําถามนี้ให้เรามาใคร่ครวญดูให้ดีก่อนว่า ชีวิตคืออะไร ?

๑. ชีวิต คือ การเป็นอยู่ในอัตภาพนี้ ในโลกนี้ ในระยะเวลาหนึ่ง ปัจจุบันนี้ใครจะมีชีวิตอยู่เกินร้อยปีก็หาได้ยาก แทบจะนับคนได้ สุดท้ายแล้วชีวิตก็ดับไป และแล้วก็ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในภพภูมิใหม่ มีชีวิตใหม่กันอีก

๒. ชีวิตประกอบไปด้วยทุกข์ ซึ่งเราเคยทําความเข้าใจกันมาแล้วว่า ทุกข์ในโลกนี้แบ่งออกได้เป็น ๔ ประเภท

พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นชีวิตแรกของสัตวโลกที่กําจัดทุกข์ให้สิ้นไป หลุดพ้นจากทุกข์ไปได้ ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

ทุกข์นํามาซึ่งความเดือดร้อน ความหิวกระหาย ความทุรนทุรายแก่ชีวิต เมื่อทุกชีวิตประกอบไปด้วยทุกข์ ๔ การดําเนินชีวิตให้เป็นอยู่อย่างดีและสามารถพัฒนาได้ จึงเป็นไปเพื่อดับทุกข์หรือปราบทุกข์ ๔ นั่นเอง
จากตรงนี้เราก็พอทราบกันแล้วว่า เราจะดําเนินชีวิตไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ดังนั้น วิธีการดําเนินชีวิตที่ถูกต้องจึงเป็นการประกอบการงานต่าง ๆ เพื่อปราบทุกข์ ๔

ทุกข์ ๔ ประกอบด้วย

๑. ทุกข์จากสรีระ ๒. ทุกข์จากการอยู่ร่วมกัน ๓. ทุกข์จากการทํามาหาเลี้ยงชีพหรือการประกอบอาชีพ ๔. ทุกข์จากกิเลส

วิธีการดําเนินชีวิตที่ถูกต้องประกอบด้วย ๑. วิธีดําเนินชีวิตเพื่อการปราบทุกข์จากสรีระ ๒. วิธีดําเนินชีวิตเพื่อการปราบทุกข์จากการอยู่ร่วมกัน ๓. วิธีดําเนินชีวิตเพื่อการปราบทุกข์จากการประกอบอาชีพ ๔. วิธีดําเนินชีวิตเพื่อการปราบทุกข์จากกิเลส

วิธีดําเนินชีวิตเพื่อการปราบทุกข์จากสรีระ

สิ่งแรกที่จะต้องทําคือ ความดีสากล ๕ ประการ เพื่อเราจะได้รักษาศีล ๔ ข้อแรกในศีล ๕ ไว้ได้เพราะความดีสากล ๕ ประการนั้น สะอาด ทําให้ไม่ต้องฆ่า ระเบียบ ทําให้ไม่ต้องลัก สุภาพ ทําให้ไม่ประพฤติผิดในกาม ตรงเวลา ทําให้ไม่พูดเท็จ แล้วก็ฝึก สมาธิ ทําให้มีกําลังใจที่จะทําความดีสากลให้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ

ผู้ที่ฝึกทําการงานตามความดีสากลอย่างนี้ ในที่สุดจะทํางานบ้านทุกอย่างได้ จะเป็นผู้มีทั้งสติปัญญา ความรู้ความสามารถมีความพร้อมที่จะอุปการะพี่ ๆ น้อง ๆ ได้หรือ ตั้งแต่เล็กก็สามารถเป็นกําลังของครอบครัวได้

แม้แต่บุคคลที่เป็นคนดีมีประโยชน์ต่อโลกอย่างมิตรแท้ประเภทมิตรมีอุปการะ ก็ได้รับการบ่มเพาะจากวิธีนี้ คือ ความดีสากล ๕ ประการ เช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีเรื่องการใช้ทรัพย์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้แบ่งทรัพย์ออกเป็น ๔ ส่วน โดยให้นําทรัพย์๑ ใน ๔ ส่วนนั้น แบ่งไว้ใช้ดูแลสุขภาพคือปราบทุกข์จากสรีระ โดยทําควบคู่ไปกับการทําความดีสากล ๕ ประการ

วิธีดําเนินชีวิตเพื่อการปราบทุกข์จากการอยู่ร่วมกัน

การอยู่ร่วมกับบุคคลที่แวดล้อมใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลในทิศใดจากทิศ ๖ เราก็ต้องทําความดีสากล ๕ ประการกับท่านเหล่านั้นด้วย คือทําความดีกับทุก ๆ คน

ในขณะเดียวกัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้นําทรัพย์อีก ๒ ส่วนจากในทั้งหมด ๔ ส่วนนั้น มาใช้เพื่อการประกอบอาชีพและการผูกมิตร เพื่อปราบทุกข์จากการอยู่ร่วมกัน

การผูกมิตรในที่นี้ก็คือ การใช้ทรัพย์เพื่อดูแลบุคคลใกล้ชิดทั้งในครอบครัวและในสังคม ใครเดือดร้อนก็ช่วยกันไป การช่วยเหลือกันไปมาเช่นนี้ทําให้การอยู่ร่วมกันมีประโยชน์สุขเกิดขึ้น ลดความเดือดร้อนจากการกระทบกระทั่งของผู้ที่อยู่ร่วมกัน จากตรงนี้น้ำใจของมิตรแท้ผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขก็ถูกบ่มเพาะขึ้นมา

วิธีดำเนินชีวิตเพื่อการปราบทุกข์จากการประกอบอาชีพ

ในการทำงานอาชีพ บุคคลที่แวดล้อมขยายวงกว้างมากขึ้น เพิ่มจํานวนอย่างมากมาย มีทั้งเจ้านาย มีทั้งลูกน้อง บุคคลทั้งหมดที่เราเกี่ยวข้อง เราก็ต้องปฏิบัติความดีสากลต่อทุกคน

ยิ่งต้องดูแลลูกน้อง เราก็จะได้เรียนรู้ประสบการณ์อะไรอีกสารพัด ที่บังคับให้เราต้องเพิ่มพูนความรู้ความสามารถและคุณธรรม จึงจะสามารถดูแลแนะนําลูกน้องให้ทํางานสําเร็จเรียบร้อยได้ การงานเหล่านี้ได้บ่มเพาะให้คุณสมบัติมิตรแท้ผู้แนะนําประโยชน์เกิดขึ้น

วิธีดําเนินชีวิตเพื่อการปราบทุกข์จากกิเลส

กิจในการกําจัดกิเลส เช่น จัดเวลาสวดมนต์ก่อนนอน พอใจเป็นกลางเราจะพบว่า ในวันนี้ที่เราทํางานมาทั้งวันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราทําอะไรที่ผิดพลาดลงไปบ้างหรือไม่ ไปสะดุดใครเขาบ้างหรือไม่ วันรุ่งขึ้นจะได้ปรับความเข้าใจขอโทษกันไป เมื่อทําอย่างนี้เราจะไม่ก่อศัตรูและยังลดทิฐิมานะไปได้อีกด้วย หรือวันนี้ทํางานประสบผลสําเร็จ ก็จะได้สํารวจตรวจตราดูให้รู้แน่แก่ใจ ว่าที่เราทําสําเร็จมาได้ เพราะได้รับการสนับสนุนจากใครบ้าง เพราะการที่จะทําอะไรสําเร็จลําพังคนเดียวนั้นไม่มีหรอก จะต้องมีมือสนับสนุน เมื่อสําเร็จแล้วต้องขอบคุณ นึกถึงผู้สนับสนุนเราให้ดี วันหน้าจะได้พึ่งพากันต่อไปอีก ความดีสากลที่เราประพฤติเพื่อการนี้ได้บ่มเพาะตัวเราให้เป็นมิตรแท้มีใจรักใคร่

นอกจากนั้น ทรัพย์ที่ยังเหลืออีก ๑ ส่วน จาก ๔ ส่วน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้แบ่งออกมาเก็บไว้ใช้ยามอันตราย

อันตรายมี ๒ ประเภท

ประเภทที่ ๑ อันตรายในวัฏสงสาร
พระพุทธองค์ทรงสอนให้นําทรัพย์ส่วนนี้ออกมาทําบุญ ซึ่งเป็นการฝากทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนา เป็นการสั่งสมเสบียงบุญให้ติดตามตัวไปข้ามภพข้ามชาติเพราะเข้าใจภัยในวัฏสงสาร

ประเภทที่ ๒ อันตรายในชีวิตของผู้อื่น
พระพุทธองค์ทรงสอนให้นําทรัพย์ส่วนนี้ออกไปสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ที่ประสบเหตุเภทภัยตกทุกข์ได้ยากในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ นอกจากนั้นในช่วงสถานการณ์ปกติก็นําทรัพย์ส่วนนี้ออกแบ่งปันในสังคม เช่น การจ่ายภาษี ก็จัดเป็นการใช้ทรัพย์ในส่วนนี้ด้วย

มีข้อคิดประการหนึ่งที่สําคัญในการดําเนินชีวิต มีความจริงอยู่ว่า มนุษย์เราอยู่กันเป็นสังคม เราอยู่ตามลําพังโดยไม่สนใจทุกข์ร้อนของใครไม่ได้ วันหนึ่งเราจะต้องมีเหตุให้จําเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกัน เพราะแต่ละคนล้วนมีปัญหาทุกข์ ๔ ด้วยกันหมดทั้งสิ้น ต่างกันแค่มากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้น

จริงอยู่ว่า เราอาจจะแก้ปัญหาทุกข์ ๔ ของเราได้ลงตัวระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่เพื่อน ๆ อีกหลายคนยังแก้ไขไม่ได้ สมมุติว่าเราแกล้งทํามองไม่เห็น คิดว่าธุระไม่ใช่ แต่เชื่อไหมว่า ผ่านไปอีกสักระยะ ความเดือดร้อนของเพื่อนคนนั้นมีสิทธิ์จะลุกลามมาหาเรา เช่น เขาอาจจะมาขอกู้เงินบ้าง เขาอาจจะไปทําอาชีพที่ผิดกฎหมายบ้าง เขาอาจจะไปคบหาคนพาลบ้าง เพียงแค่นี้สังคมรอบตัวเราก็จะเกิดปัญหาการอยู่ร่วมกันขึ้นมาทันที

ดังนั้น พระพุทธองค์จึงทรงสอนว่า เราทําความดีคนเดียวไม่ได้ ต้องชักชวนผู้อื่นทําความดีด้วย แต่เวลาเราจะชักชวนผู้อื่นทําความดี สิ่งที่ต้องมีคือหลักธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจ นั่นคือ สังคหวัตถุ ๔ เพราะถ้าไม่มีหลักธรรมนี้ ถึงเราจะลงทุนลงแรง คือ ให้เวลา ให้ทรัพย์สมบัติ ให้ความรู้ความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาทุกข์ ๔ ของบุคคลรอบตัวไปมากเท่าไร ก็จะไม่ประสบความสําเร็จในการรักษามิตรแท้ในทิศทั้ง ๖ ไว้ได้เลย เพราะเราช่วยเหลือคน แต่ยึดเหนี่ยวน้ำใจคนไม่เป็นนั่นเอง

สังคหวัตถุ ๔ ประกอบด้วย ๑. ทาน ๒. ปิยวาจา ๓. อัตถจริยา ๔. สมานัตตตา

ทาน แก้ปัญหาทุกข์ในสรีระ
ทุกข์ในสรีระ คือ สภาวะที่มนุษย์ประสบกับความหนาว ร้อน หิว กระหาย อุจจาระ ปัสสาวะ อยู่เป็นประจํา เพราะมนุษย์ขาดแคลนธาตุ ๔ ขาดแคลนปัจจัย ๔ ตลอดชีวิต จึงมีกิจที่จะต้องแสวงหาปัจจัย ๔ เหล่านี้ในยามที่ขาดแคลนแสวงหาไม่ได้ ยามนั้นหากมีใครยื่นมือยื่นน้ำใจส่งมอบปัจจัย ๔ ที่กําลังขาดแคลนมาให้ มนุษย์จะมีความชื่นใจเกิดขึ้น ทาน คือ การให้ จึงมีความสําคัญและยึดเหนี่ยวน้ำใจกันไว้เช่นนี้

ปิยวาจา แก้ปัญหาทุกข์จากการอยู่ร่วมกัน
ทุกข์จากการอยู่ร่วมกันที่ต้องระมัดระวังการกระทบกระทั่งกันไว้ตลอด และการกระทบกระทั่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายและได้มากที่สุดก็เกิดจากคําพูดที่พลั้งเผลอไม่ถนอมน้ำใจกันนี่เอง ดังนั้น ปิยวาจา คือ คําพูดที่ทําให้รักกัน ถนอมน้ำใจกันจึงเป็นกาวใจที่รักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันไว้ได้ และเป็นสิ่งที่ต้องการในการอยู่ร่วมกัน

อัตถจริยา แก้ปัญหาทุกข์จากการประกอบอาชีพ
ทุกข์จากการประกอบอาชีพ ในการแสวงหาทรัพย์สินเงินทองเพื่อการเลี้ยงชีพนั้น หากยังมีเรี่ยวแรงกําลังกายอยู่ ทุกคนทํางานเองได้ หาเงินได้ แต่อาจจะติดขัดตรงที่ความรู้ความสามารถไม่ถึงหรือไม่มี จากตรงนี้หากผู้รู้มากกว่าจะช่วยทําประโยชน์ให้ด้วยการชี้แนะแนวทาง สอนวิธีการให้ ถ่ายทอดวิชาให้ ก็จะเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนให้เขาสามารถประกอบอาชีพด้วยตนเอง อัตถจริยา คือ การประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น จึงเป็นธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจกันในทิศ ๖ ในลักษณะนี้

สมานัตตตา แก้ปัญหาทุกข์จากกิเลสบีบคั้น
ทุกข์จากกิเลสที่บีบคั้นใจให้มีพฤติกรรม มีนิสัยไม่ดีต่าง ๆ เราก็อยากจะแก้ไข บางทีเราไม่ทราบด้วยว่านิสัยนี้ไม่ดี การจะแก้ไขข้อบกพร่องได้ก็ต้องอาศัยการชี้บอกจากคนใกล้ชิดในทิศ ๖ ที่เรามีความไว้วางใจ ความเป็นกันเอง ที่เชื่อใจได้ว่าที่เขาพูดออกมา เพราะเขามีความปรารถนาดีกับเราจริง ความมั่นใจเชื่อใจในตัวบุคคลเกิดจากความประพฤติตนอันสม่ำเสมอของคน ๆ นั้น ได้แก่ธรรมที่เรียกว่า

สมานัตตตา
เพราะเหตุนี้ สังคหวัตถุ ๔ จึงเป็นคุณธรรมที่จําเป็นสําหรับวิธีดําเนินชีวิตที่ถูกต้อง นั่นก็เพราะทุกข์จากกิเลสในตัวมนุษย์นี้เอง ที่บังคับให้มนุษย์ต้องประสบทุกข์อีก ๓ ประการ การฝึกตนเพื่อแก้ไขทุกข์ ๔ ของตัวเองไปด้วย การปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยสังคหวัตถุ ๔ ไปด้วย ก็จะทําให้เราเกิดบรรยากาศฝึกตัวไปด้วยกัน ทําดีไปด้วยกัน ซึ่งจะเกิดเป็นวิถีชีวิตที่ดีงาม สังคมที่อยู่ตรงนั้นก็จะกลายเป็นสังคมที่น่าอยู่นั่นเอง ดังนั้นเมื่อเราเข้าใจภาพรวมแนวทางการดําเนินชีวิตที่ถูกต้องเช่นนี้ เราก็เริ่มต้นด้วยการประพฤติตามความดีสากล ๕ ประการ พร้อมกับปฏิบัติสังคหวัตถุ ๔ ไปด้วย เราก็จะประสบความสําเร็จในการฝึกตนเอง และช่วยเหลือสนับสนุนให้คนในครอบครัว ในที่ทํางาน ในสังคมของเราแก้ทุกข์ ๔ ในตัวของเขาไปด้วยกันได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความต่อเนื่องสม่ำเสมอ ฝึกทําให้ชํานาญจึงจะส่งผลให้วิธีดําเนินชีวิตที่ถูกต้องนี้ประสบผลสําเร็จในการดูแลรักษาชีวิตและพัฒนาชีวิตต่อไปได้

Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๗๐ เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

หลักการขยายกิจการให้เจริญ
ความสะอาดและเป็นระเบียบมีความสําคัญฯ (ปีถัดไป)






คลิกอ่านหลวงพ่อตอบปัญหาของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
สังคมเปลี่ยนไป แนวทางการใช้ชีวิตเปลี่ยนตาม พระพุทธศาสนามีคําแนะนําอย่างไร ? สังคมเปลี่ยนไป แนวทางการใช้ชีวิตเปลี่ยนตาม พระพุทธศาสนามีคําแนะนําอย่างไร ? Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 00:51 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.