เหตุใดเราจึงควรทำบุญบ่อย ๆ จะทำเฉพาะเวลาที่มีความทุกข์ไม่ได้หรือ?


ถ้าพวกเราติดตามรายการในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยากันมานาน จะเห็นว่าคุณครูไม่ใหญ่ (หลวงพ่อธัมมชโย) ท่านเป็นห่วงพวกเรามาก ท่านชวนพวกเราให้ทำบุญนั้นบุญนี้อยู่เรื่อย ๆ ไม่เคยขาด ท่านทำอย่างนี้มานานแล้ว ท่านขยันชวนคนทำบุญมาตั้งแต่สมัยยังเป็นนิสิตเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว

วันหนึ่ง หลวงพ่อมีโอกาสถามท่านว่า หลวงพ่อ ทำไมถึงชวนญาติโยมทำบุญนั้นทำบุญนี้อยู่เรื่อย ๆ ไม่เบื่อบ้างหรือ  

หลวงพ่อท่านตอบดี ท่านบอกว่า เรามีความจำเป็นจะต้องชวนญาติโยมให้สร้างบุญอยู่เป็นประจำ ในเมื่อเราเป็นพระ ถ้าไม่บอกบุญแล้วจะให้บอกบาปใช่ไหม  

จริงของท่าน คำตอบง่าย ๆ แต่ใช่เลยถ้าไม่บอกบุญแล้วจะให้บอกบาปใช่ไหม

แล้วท่านก็ขยายความว่า นึกถึงตัวเองกันสิว่า กว่าจะมาเข้าวัดได้ คุณยายรออยู่ที่วัดปากน้ำตั้งหลายปี กว่าจะตามสมาชิกรุ่นแรกมารวมกันได้ ก็ใช้เวลาตั้งหลายปี กว่าจะมาถึงวัด กว่าจะได้มาร่วมกันสร้างบุญ ตอนที่ยังมาไม่ถึงก็ไม่รู้ก่อเวรก่อกรรมอะไรกันมาบ้างเพราะตอนนั้นไม่มีใครมาชี้ให้ชัด ๆ ว่าบุญเป็นอย่างไร บาปเป็นอย่างไร กว่าจะรู้บุญรู้บาปตั้งแต่จำความได้ไม่รู้บี้มดตบยุงกันมาคนละเท่าไร

เมื่อหลวงพ่อได้ฟังคำตอบแล้ว ก็หวนนึกถึงคำสอนของคุณยาย เพราะคุณยายท่านจะหาโอกาสเตือนลูกศิษย์อยู่บ่อย ๆ ว่าให้ขยันสร้างบุญเป็นประจำ      

คุณยายท่านให้เหตุผลว่า มนุษย์เรากว่าจะมารู้บุญรู้บาปก็อายุมากกันแล้ว ในระหว่างนั้นตั้งแต่เล็กจนโตช่วงที่ยังไม่รู้บุญรู้บาป มนุษย์มักจะทำบาปมาคนละไม่น้อย ถือว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตที่ติดลบ หนี้บาปที่ทำไว้ตั้งแต่เกิดจนโตมันไม่สูญเปล่า มันจ้องส่งผลให้ชีวิตตกต่ำอยู่ตลอดเวลา คนอื่น ๆ เมื่อเกิดมาเขาก็มีหนี้บาปเหมือน ๆ กับเรา เพราะฉะนั้นเราจะต้องหาทางตามพรรคพวกเพื่อนฝูงของเรามาวัดกันให้เยอะ ๆ มาแล้วก็สอนให้เขาตั้งใจนั่งสมาธิเขาจะได้เลิกทำบาป ชีวิตต่อไปของเขาจะได้ก้าวหน้าจากคำสอนของคุณยายเราก็ต้องมาพิจารณากันต่อว่า ทำไมบาปจึงจ้องส่งผลให้ชีวิตตกต่ำอยู่ตลอดเวลา

สาเหตุก็เพราะว่า ชีวิตของทุกคนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม ทุกสิ่งที่คิด ทุกอย่างที่ทำ ทุกคำที่พูด ไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตาม การกระทำนั้น ๆ จะถูกบันทึกเก็บไว้ในใจทั้งหมด ภาพเหล่านี้ไม่สูญไปไหน แต่ถูกบันทึกเก็บไว้ในลักษณะของผลบุญผลบาป พอถึงเวลาใกล้ตายมันจะกรอกลับมาฉายให้เราเห็น แล้วมันจะสรุปออกมาทั้งบุญทั้งบาป

ถ้าใครทำบุญไว้มาก สร้างความดีไว้มากภาพบุญที่มีมากก็จะแซงหน้าบาปมาฉายให้เห็นก่อน ยิ่งทำบุญไว้มากใจก็ยิ่งฉายภาพบุญ ฉายเท่าไรก็ไม่หมด คนอย่างนี้เวลาตาย เขาจะอิ่มบุญ ใจเขาใส แล้วจะไปดี ไปสุคติโลกสวรรค์ หรืออย่างน้อยก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ในภพชาติถัดไป ไม่ไปเกิดในอบายภูมิ

ส่วนพวกที่เขาทำแต่บาป ไม่ค่อยทำบุญเวลาภาพก่อนตายกรอกลับมา ใจจะฉายแต่ภาพลบ ๆ ให้เจ้าของเห็น เมื่อเห็นภาพบาปที่ตนเคยทำไว้ ใจจะขุ่นมัว ตายแล้วก็ไปไม่ดี ไปทุคติ ไปอบายภูมิ

สิ่งที่เราประมาทไม่ได้ก็คือ เราไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไร ตายที่ไหน ตายอย่างไร เพราะความตายไม่มีนิมิตหมาย เราจึงต้องขยันสร้างบุญ ชิงช่วงสร้างบุญให้มาก ๆ ก่อนที่ชีวิตเราจะถูกความตายช่วงชิงไปเราจึงต้องทำบญุบ่อย ๆ และชักชวนเพื่อนฝูงมาทำบุญด้วย

ถ้าหากเรารักเพื่อนรักพวกพ้องก็ให้ไปตามพวกเขามาวัด  มานั่งสมาธิ  มาฟังธรรม เขาจะได้ทำบุญเป็น

เมื่อเราทราบความจริงอย่างนี้ ก็ต้องมาพิจารณากันต่อว่า ทำอย่างไรให้ภาพการทำความดี ภาพการทำบุญ ฝังลึกอยู่ในใจเราจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต?

เพราะก่อนที่พวกเราจะมาถึงวัด เรามักจะทำกรรมดีแบบพอผ่าน ๆ ส่วนกรรมไม่ดีบางทีก็ไม่ได้แค่ทำผ่าน ๆ แต่คิดวางแผนตั้งใจทำเลยทีเดียว เมื่อเราทำกรรมดีแบบพอผ่าน ๆ พอทำเสร็จแล้วเราก็ลืมกันไป เพราะเราไม่ค่อยได้วางแผนทำบุญ เพราะฉะนั้นภาพการทำความดี ภาพการสร้างบุญของเราจึงไม่ค่อยฝังลึกอยู่ในใจ

เมื่อความดียังไม่ฝังลึกในใจเท่าไร ก็เป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะมีโอกาสเป็นไปได้ว่า เมื่อถึงเวลาใกล้จะลาโลก ภาพเก่า ๆ เมื่อครั้งยังไม่รู้บุญรู้บาปจะแซงภาพการสร้างบุญจะกรอกลับมาให้เห็นก่อนจะได้เห็นภาพการทำความดี โดยเฉพาะใครที่มีภาพในอดีตไม่ค่อยสะอาดเพราะทำผิดศีลอยู่เป็นประจำ ก็ขอให้ตั้งใจสร้างบุญให้มาก สร้างภาพดี ๆ ใหม่ ๆ ให้บันทึกอยู่ในใจ โดยเฉพาะภาพดี ๆ ชนิดที่ทำบุญสร้างบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันจะเลือดตกยางออกก็ไม่ยอมหยุดทำความดีภาพดี ๆ แบบนี้จะฝังใจเราได้ลึก

คนที่เขารู้เรื่องการสร้างบุญ เข้าใจเรื่องภาพบุญภาพบาปที่ฝังใจชัดเจน เขาจึงยอมทุ่มเททำความดีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพราะภาพการสร้างบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันประเภทเหงื่อท่วมกาย ประเภทเลือดตกยางออก ก็ไม่ล้มเลิกทำความดี ภาพเหล่านี้เมื่อฝังลึกอยู่ในใจ นึกเมื่อไรก็ปรากฏชัดขึ้นทันที เมื่อถึงเวลาต้องลาโลก ภาพเหล่านี้ก็จะแซงภาพไม่ดีที่เคยพลั้งเผลอไว้ในอดีต มาดับความใจขุ่น มาสร้างความใจใส มาปิดอบายให้เรา

เมื่อใดมีแต่ภาพที่ทำความดีชนิดเต็มที่บรรจุอยู่ในใจของเราอย่างนี้ นั่นคือหลักประกันในภายภาคหน้าว่า ไม่ว่าเกิดในภพชาติไหน ๆ ชีวิตจะไม่ตกต่ำ เพราะใจมีแต่ภาพของการสร้างบุญเต็มไปหมด ต่อไปในภายภาคหน้าแม้แต่ในความฝัน ขณะนอนหลับ เรื่องไม่ดีก็ยังแทรกไม่ได้

การทำความดีชนิดที่ฝังใจได้นาน
ปลื้มใจได้นานก็คือ การชวนคนทำความดี

การทำความดีชนิดที่ฝังใจได้นาน ปลื้มใจได้นานก็คือ การชวนคนทำความดี เช่น ชวนคนมาเข้าวัดนั่งสมาธิ ชวนคนมาบวช เป็นต้น การชวนคนทำความดีนั้น ไม่ว่าจะไปชวนใครที่ไหนล้วนต้องให้เหตุผลทั้งสิ้น ยิ่งถ้าไปชวนลูกหลานในยุคนี้ เขามีเรื่องเล่นสนุกอยู่เยอะถ้าให้เหตุผลเฉียบไม่พอ ลึกซึ้งไม่พอ เขาก็ไม่มา นอกจากไม่มาแล้ว บางทีจะเถียงอะไรกลับมาอีกบ้างก็ไม่รู้ เราจึงถูกบังคับโดยปริยายที่จะต้องหาเหตุผลมาอธิบายให้เขาอยากทำความดี เราจะต้องกลั่นกาย กลั่นใจ กลั่นคำพูดที่พอเหมาะพอดีให้แก่เขา

เมื่อเรากลั่นกาย วาจา ใจอย่างนี้ ตลอดเวลาที่เรากำลังชวนเขาทำบุญ บุญก็จะเกิดขึ้นในใจเราตลอดเวลา ไม่ว่าการชวนครั้งนั้นเขาจะมาหรือไม่ได้มา บุญก็เกิดขึ้นแล้ว เพราะว่าใจเราผ่องใส เราได้คั้นศักยภาพ คั้นความรู้ธรรมะ และคั้นความจริงใจของเรามาให้แก่เขา บุญนี้จะฝังลึกลงไปในใจเรา ทำให้ภายหน้าแม้ข้ามชาติไปแล้ว เกิดใหม่แล้ว เราก็ให้เหตุผลแก่ตัวเองได้ทันที เตือนตัวเองให้มาสร้างบุญได้ใหม่ทันที

นอกจากนี้ เมื่อทำบุญแล้วก็ต้องทบทวนบุญด้วย บุญจะได้ฝังลึกอยู่ในใจเรา มีการบ้านข้อหนึ่งของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา คือ ก่อนนอนให้นึกถึงบุญที่ได้สั่งสมมาทั้งหมด ทุกคืนก่อนนอนจะต้องนึกถึงบุญ ทบทวนบุญทั้งหมดที่ได้ทำมา

การทบทวนบุญเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการเตรียมตัวทำศึกชิงภพ เนื่องจากความตายไม่มีนิมิตหมาย ไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อไรจะตายไม่มีใครรู้ว่าจะตายที่ไหน หรือจะตายด้วยอาการอย่างไร และในตอนนั้นจะมีใครช่วยส่งไปโลกหน้าบ้าง

ในเมื่อจะต้องตายวันใดวันหนึ่งโดยไม่มีโอกาสรู้ตัวล่วงหน้า ถึงเวลาเผชิญกับมรณภัยจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะนึกถึงบุญออก ถ้าใครไม่หมั่นทบทวนบุญ แค่ก่อนนอนแต่ละคืนยังนึกถึงบุญไม่ออก แล้วคิดว่าตอนป่วยใกล้จะลาโลก จะต้องทำศึกชิงภพ จะนึกถึงบุญออกหรือ

เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็ควรจะต้องหมั่นนึกถึงบุญที่ทำไว้แล้วบ่อย ๆ เพราะบุญของเราจะนำเราไปสู่สุคติโลกสวรรค์ แต่บาปกรรมที่ทำไว้จะดึงเราไปสู่อบาย

บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งหลาย เราจึงต้องทำบุญบ่อย ๆ เพราะการสั่งสมบุญนำมาซึ่งความสุขความสำเร็จทั้งในปัจจุบันและในอนาคตนั่นเอง...

Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๑ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙


ทำอย่างไรจึงจะใช้เวลา ๒๔ ชั่วโมง ในแต่
พระพุทธศาสนามีคำสอนที่เป็นเคล็ดลับ






คลิกอ่านหลวงพ่อตอบปัญหาของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
เข้าวัดมานาน ทำไมยังชวนสมาชิกในครอบครัวเข้าวัดไม่ได้สักที ? (ปีก่อนหน้า)
คนไทยคุ้นเคยกับการทำงานแบบเดี่ยวมากกว่าเป็นทีม แต่สมัยนี้สังคมเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคของการทำงานเป็นทีมแล้ว จะมีวิธีแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างไรบ้าง?
ทำอย่างไรจึงจะใช้เวลา ๒๔ ชั่วโมง ในแต่ละวันได้คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบกับพระพุทธศาสนา?
พระพุทธศาสนามีคำสอนที่เป็นเคล็ดลับ หลักประกันความสำเร็จของการทำงานอยู่บ้างไหม ?
ถ้าเราอยากฝึกสมาธิจนถึงขั้นระลึกชาติได้ในภพชาติ ต่อไป เราควรสั่งสมบุญบารมีอย่างไรตั้งแต่ในวันนี้ ?
เราจะปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ชาวพุทธให้สมบูรณ์ได้อย่างไร?
เราจะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างไร?
การสวดมนต์ให้พรของพระสงฆ์มีส่วนช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างไร ?
คำสอนของวัดพระธรรมกายถูกต้องตามแนวทางคำสอนดั้งเดิม ของพระพุทธศาสนาหรือไม่ ทำไมถึงเน้นแต่การชวนคนทำบุญอย่างเดียว ?
หลักการขยายกิจการให้เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม
สังคมเปลี่ยนไป แนวทางการใช้ชีวิตเปลี่ยนตาม พระพุทธศาสนามีคําแนะนําอย่างไร ?
ความสะอาดและเป็นระเบียบมีความสําคัญต่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาอย่างไร ? (ปีถัดไป)
เหตุใดเราจึงควรทำบุญบ่อย ๆ จะทำเฉพาะเวลาที่มีความทุกข์ไม่ได้หรือ? เหตุใดเราจึงควรทำบุญบ่อย ๆ จะทำเฉพาะเวลาที่มีความทุกข์ไม่ได้หรือ? Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ on 01:10 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.