เราจะปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ชาวพุทธให้สมบูรณ์ได้อย่างไร?
ก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพานนั้น
พระองค์ทรงมอบหน้าที่สำคัญยิ่งให้แก่ชาวพุทธไว้ ๔ ประการ
โดยตรัสเรื่องนี้กับพระอานนท์ พุทธอุปัฏฐาก เพื่อให้นำไปประกาศให้ชาวพุทธรับรู้รับทราบและปฏิบัติตามกันอย่างทั่วถึง
ประการที่ ๑ คือ
หน้าที่ศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
การศึกษาธรรมะของชาวพุทธ หากใครมีสติปัญญาอ่านออกเขียนได้
ก็ให้ศึกษาไปให้ถึงพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นพระคัมภีร์สำคัญของพระพุทธศาสนา เพราะพระไตรปิฏกเกิดขึ้นจากพระอรหันตสาวกรวบรวมพระธรรมและพระวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงสั่งสอนประกาศศาสนาไว้ตลอด
๔๕ พรรษา มารวมเป็นหมวดหมู่ไว้ที่เดียวกัน
เพื่อให้คนรุ่นหลังค้นคว้าได้สะดวกยิ่งขึ้น
การศึกษาจากพระไตรปิฎกเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเราจะได้ศึกษาไปให้ถึงต้นตอของคำสอนในพระพุทธศาสนา
หากจะอาศัยเพียงการฟังเทศน์ ฟังคำบอกเล่า
หรือเพียงการทำตามขนบธรรมเนียมประเพณีตั้งแต่โบราณมาเกรงว่าจะได้ประโยชน์ไม่เต็มที่
เพราะอาจมีการตกหล่นไปบ้าง
คนรุ่นก่อนที่อ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้
มีวิธีศึกษาจดจำธรรมะของพระพุทธองค์โดยการฟังพระสวดมนต์ แล้วก็จำเอาไว้ในใจ ปู่ย่าตายายท่านจึงสวดมนต์กันได้คล่องเลย เพราะว่าท่านอาศัยความจำของท่าน
อาศัยที่ใจท่านไม่คิดวุ่นวาย เมื่อใจไม่วุ่นวายใจจดจ่ออยู่กับการฟังเทศน์
อยู่กับการสวดมนต์ ฉะนั้นแม้ท่านอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ แต่ว่าท่านก็สวดมนต์ได้
เวลาพระเทศน์ท่านก็จำได้ เพราะใจจดจ่อจดจำ จึงจำได้ขึ้นใจ
ประการที่ ๒ คือ
หน้าที่ลงมือปฏิบัติตามธรรมะที่ได้ศึกษามาอย่างจริงจัง
ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเกิดประโยชน์ก็ต่อเมื่อผู้นั้นลงมือปฏิบัติ
เพราะโลกนี้เป็นเรื่องของเหตุและผล ผลจะเกิดต่อเมื่อได้ทำเหตุไว้ก่อน
ถ้าทำเหตุดีก็ได้ผลดี ถ้าทำ เหตุชั่วก็ได้ผลชั่ว
การเรียนธรรมะแบบปริยัติควบคู่ปฏิบัติคือเรียนไปด้วยลงมือทำไปด้วย
ที่โบราณเรียกว่า “เรียนแบบเคี้ยวป้อน” คือ
เมื่อครูบาอาจารย์สอนอะไร ศิษย์ก็ลงมือทำ ทำผิดทำถูกอย่างไรก็สังเกตกันไป
เพราะเมื่อเรียนแล้วแต่ยังไม่เคยทำก็เป็นธรรมดาที่ยังทำไม่เป็น
อาจมีส่วนที่ทำได้บ้างปะปนกับส่วนที่ทำไม่ได้บ้าง ส่วนที่ทำได้ก็ทำไป
ส่วนที่ทำไม่ได้ก็ต้องอาศัยพึ่งพาครูบาอาจารย์
เรื่องใดที่ศิษย์เรียนแล้วทำไม่ได้
ติดขัดตรงไหน
ครูบาอาจารย์ท่านก็เมตตานำธรรมะในพระไตรปิฎกมาย่อยแยกให้เข้าใจง่าย
ๆ แล้วก็อธิบายให้เข้าใจในเชิงปฏิบัติ เพื่อให้ศิษย์ตามทัน
บางทีอาจจะต้องขยายความซ้ำแล้วซ้ำอีก
จากเรื่องเข้าใจยากมาทำให้เข้าใจง่าย แม้ง่ายแล้วแต่ถ้ายังตามไม่ทันก็เพียรทำอีกหลาย
ๆ หน จนกระทั่งศิษย์เข้าใจและทำได้
การที่ครูบาอาจารย์ต้องสอนธรรมะภาคปริยัติด้วยการขยายความในเชิงปฏิบัติซ้ำแล้วซ้ำอีกนี้เอง
จึงเป็นที่มาของคำว่า เคี้ยวป้อน
ลูกศิษย์ในยุคนั้นเขาเอาจริงในการศึกษาธรรมะ
ขวนขวายศึกษาธรรมะทั้งชายหญิง ครูอาจารย์เลยมีกำลังใจไม่เบื่อที่จะพร่ำสอนเคี้ยวป้อน
ลูกศิษย์ก็มีสัจจะต่อความดี
ครูบาอาจารย์ก็มีสัจจะต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้นท่านจึงเคี้ยวป้อนส่งต่อกันมาเป็นทอด
ๆ
ประการที่ ๓ คือ หน้าที่เผยแผ่ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ถึงชาวโลกทั้งปวง
เมื่อได้ศึกษาแล้ว ปฏิบัติแล้ว
พบว่าธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถูกต้องจริง ดีจริงเป็นประโยชน์จริง
ก็ระลึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาของพระบรมศาสดา
จึงมีน้ำใจนึกถึงเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายที่ยังไม่รู้จักคุณของพระศาสนา
มีความตั้งใจสืบทอดและเผยแผ่คำสอนที่มีคุณค่ามหาศาลเป็นประโยชน์แก่ชนทั้งปวง
นำธรรมะไปเผยแผ่ให้รู้กันกว้างขวางยิ่งขึ้น
โดยไม่คิดหวงความรู้นั้นไว้กับตนเพียงลำพัง
การเผยแผ่นั้นก็ทำกันหลาย ๆ รูปแบบชักชวนลูกหลานบ้าง
ชักชวนเพื่อนบ้านบ้าง ผู้ที่ยังเล็กอยู่ก็มาบวชเป็นสามเณร ผู้ที่มีอายุ ๒๐
ปีขึ้นไปแล้วก็มาบวชพระกัน นั้นก็เป็นการเผยแผ่ธรรมะอย่างหนึ่ง
การช่วยกันสร้างวัดวาอารามก็ถือเป็นการเผยแผ่อีกรูปแบบหนึ่ง การสร้างพระพุทธรูปไปประดิษฐานตามวัดวาอารามต่าง
ๆ ก็เป็นการเผยแผ่ธรรมะ แม้การช่วยกันคัดลอกพระไตรปิฎกและแจกจ่ายกันไปก็เป็นการเผยแผ่รูปแบบหนึ่ง
ปู่ย่าตาทวดบรรพบุรุษของเราต่างร่วมแรงร่วมใจช่วยกันเผยแผ่ธรรมะกันมาในรูปแบบต่าง
ๆ เหล่านี้ ช่วยกันเผยแผ่อย่างสุดสติปัญญาความสามารถที่จะทำได้
แม้แต่การขยันตักบาตรพระทุกเช้า ทำให้พระมีอาหารขบฉันทุกเช้า
มีเรี่ยวแรงไว้ศึกษาธรรมะก็จัดเป็นการเผยแผ่อย่างหนึ่ง
คือสนับสนุนให้เกิดกองทัพธรรมในการเผยแผ่ธรรมะอีกชั้น
ประการที่ ๔ คือ
หน้าที่ช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา
การปกป้องพระพุทธศาสนามีหลายรูปแบบ
แต่ไหนแต่ไรมา
ถ้าใครจ้วงจาบกล่าววาจาหยาบช้าต่อพระพุทธศาสนา
คนรุ่นปู่ย่าตาทวดของเราท่านไม่ยอม ท่านต้องลุกขึ้นมาช่วยกันแก้ไขทันที
หรือกำราบห้ามปรามลูกหลานที่ทำตัวไม่เหมาะสมทันที
เด็กบางคนดึงของสูงมาเป็นของต่ำ เอาธรรมะมาล้อเล่น เช่น พระให้ศีลข้อที่ ๕
ว่า “สุราเมระยะ มัชชะ ปะมา ทัฏฐานา เวระมะณี
(งดเว้นจากการดื่มสุรา)” พวกไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ
ชอบแกว่งปากไปหานรก เอามาล้อเล่นว่า สุราต้องกินเป็นระยะ ๆ
ปู่ย่าตายายได้ยินเข้าเท่านั้นแหละ ท่านรีบปรามเลยว่า ถ้านำธรรมะมาล้อเล่นแบบนี้
เกิดชาติต่อไปสงสัยไม่ได้เป็นคนหรอก หรือถ้าได้เกิดเป็นคน ปากก็คงไม่เป็นปากคน
แต่คงไปเหมือนอะไรสักอย่าง เพราะล้อเล่นกับธรรมะที่เป็นของสูง
ล้อเล่นในสิ่งที่ไม่ควรล้อเล่น
ปู่ย่าตาทวดท่านช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนามาอย่างนี้
จนกระทั่งสืบทอดพระพุทธศาสนามาถึงรุ่นของพวกเรา
ซึ่งเป็นยุคที่ใช้กฎหมายปกป้องพระพุทธศาสนา แม้การออกกฎหมายไม่ให้ใครปฏิบัติต่อพระพุทธรูปอย่างไม่เหมาะสมก็ถือเป็นการปกป้องธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเป็นทางการ
การที่วันนี้พวกเรามีโอกาสรู้จักพระพุทธศาสนา ทั้ง ๆ
ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไป ๒,๕๕๙ ปีแล้ว
ก็เพราะอาศัยความเคารพของปู่ย่าตายายที่มีต่อคำสั่งของพระพุทธองค์ทั้ง ๔ ประการนี้
ทุ่มทำหน้าที่สำคัญยิ่งของชาวพุทธอย่างสุดชีวิต
ธรรมะของพระพุทธองค์จึงได้รับการสืบทอดและปฏิบัติส่งต่อกันมาตามลำดับ ๆ
จนมาถึงยุคปัจจุบัน พวกเราจึงมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
มาเป็นหลักธรรมคำสอนประจำใจเอาไว้ปิดนรกเปิดสวรรค์ ถางทางไปนิพพานด้วยกันอยู่ทุกวันนี้
การที่พวกเราจะสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาส่งต่อไปให้อนุชนรุ่นหลังได้
ก็ต้องปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ชาวพุทธทั้ง ๔
ประการนี้ พวกเขาจึงจะได้รับประโยชน์อันยิ่งใหญ่ในชีวิต
พระพุทธศาสนาจึงจะได้รับการสืบทอดรักษาต่อไปอีกยาวนาน สมดังเจตนาบรรพชนชาวพุทธที่เอาชีวิตปกป้องรักษาเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนามาถึงยุคของเรา
Cr. หลวงพ่อทัตตชีโว
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๔ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙
คลิกอ่านหลวงพ่อตอบปัญหาของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
วารสารอยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑๖๔ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙
ถ้าเราอยากฝึกสมาธิจนถึงขั้นระลึกชาติฯ |
เราจะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพฯ |
คลิกอ่านหลวงพ่อตอบปัญหาของวารสารอยู่ในบุญ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามลิงก์ด้านล่างนี้
เราจะปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ชาวพุทธให้สมบูรณ์ได้อย่างไร?
Reviewed by สำนักสื่อธรรมะ
on
02:26
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: